บทที่ 3 เพราะว่าท่านป่วย
บางทีสายตาของเซี่ยจินอานที่มองมานั้น "อบอุ่น" เกินไป หยุนฝู้เฉินได้ดึงเชือกบังเหียนม้าหยุดลง และทหารม้าที่อยู่ข้างหลังเขาก็หยุดลง เมื่อครู่องครักษ์ที่รับผิดชอบในการเปิดทางก่อนหน้านี้มีสีหน้าที่ซีดเผือด พลิกตัวลงจากหลังม้า และมาตรงหน้าม้าของเขา
"ท่านอ๋อง ข้าน้อยทำงานไม่ราบรื่น ท่านอ๋องโปรดลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"
หยุนฝู้เฉินไม่สนใจ เขาเหลือบมองไปที่เซี่ยจินอานที่คุกเข่าอยู่บนแท่นตัดหัว และเสียงที่ทุ้มต่ำได้เอ่ยออกมา
"นำนางมานี่"
......
เสียงฟ้าร้องยังคงดังกึกก้อง ฝนเริ่มตกเบาลง แต่ประชาชนที่ล้อมรอบลานประหารไม่มีใครกล้าขยับ เซี่ยยิวหรานแอบเงยหน้ามอง เห็นองครักษ์สองคนเดินไปข้างหน้าเพื่อนำเซี่ยจินอานออกไป แล้วทิ้งไว้ที่เท้าม้าของหยุนฝู้เฉิน
เซี่ยจินอานกุมศีรษะขดตัวอยู่บนพื้น ชายบนหลังม้ามองลงมาที่นาง กล่าวเสียงเย็นชาว่า
"ใครให้เจ้าบังอาจมองหน้าข้าตรงๆ?"
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ มือที่กุมศีรษะของนางก็ชะงักไป และเงยหน้าขึ้นอย่างสุดกำลัง
"ข้ามองท่าน เพราะ......ท่านป่วย!"
เมื่อคำพูดเหล่านี้จบลง ชาวบ้านที่อยู่ด้านข้างต่างมีสีหน้าหวาดกลัว ร่างกายที่หมอบคลานอยู่แล้วยิ่งหมอบลงกับพื้น ร่างกายสั่นเทามากขึ้นไปอีก ทหารม้ากว่าร้อยนายที่อยู่ด้านหลังหยุนฝู้เฉินก็ชักดาบออกมา มองนางอย่างโกรธแค้น
ถ้าคนทั่วไปถูกจ้องมองด้วยสายตาที่จริงจังเช่นนี้ คงจะกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ แต่เซี่ยจินอานกลับไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย
นางเช็ดน้ำฝนบนใบหน้า ดิ้นเพื่อจะลุกขึ้นนั่ง เงยหน้ามองเขา บังเอิญว่าเวลานี้ สายฟ้าสายหนึ่งกรีดผ่าน แสงสีเทาส่องลงบนหน้ากากอัปลักษณ์สีทองเข้มของหยุนฝู้เฉิน ราวกับเป็นผีร้ายกำลังมาเยือน
แต่เซี่ยจินอานกลับไม่ได้ถอยออกเลยแม้แต่น้อย นางพูดทีละคำ
"ท่านป่วย ข้าสามารถช่วยท่านได้ แต่ก่อนอื่น ท่านจะต้องช่วยข้า"
ใบหน้าภายใต้หน้ากากของหยุนฝู้เฉินได้หม่นหมองลงเล็กน้อย ประกายแสงกะพริบในดวงตา ทหารม้าที่อยู่ข้างหลังเขาเบิกตากว้าง พวกเขาอยากจะเห็นจุดจบของหญิงสาวที่ไม่รู้จักผิดชอบดีชั่วผู้นี้จะน่าสลดเพียงใด
เป็นดังคาด เพียงแค่หยุนฝู้เฉินพลันยกแส้ขึ้น ม้าเหงือโลหิตตัวนั้นก็ได้รับคำสั่งจากเขา เพื่อที่จะยกเท้าหน้าขึ้นสูง ราวกับจะเหยียบไปที่เซี่ยจินอานให้ตายทั้งเป็น!
ทุกคนไม่กะพริบตา แต่หยุนฝู้เฉินกลับโน้มตัวลง เซี่ยจินอานฉวยโอกาสนี้ยื่นมือออกไป และถูกเขาดึงขึ้นมา แล้วโยนไว้บนหลังม้าอย่างไร้ความปรานี!
ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบสนอง ก็เห็นหยุนฝู้เฉินนำคนกบฏที่พึ่งจะอยู่บนแท่นตัดหัวออกไปยังประตูเมือง ทหารม้ากว่าร้อยนายที่อยู่ด้านหลังก็ตกใจเล็กน้อย และรีบควบม้าตามพวกเขาไป
ขุนนางดูแลโทษตัดหัวอ้าปากค้างอย่างงุนงง ชี้นิ้วชี้ไปยังทิศทางที่ทั้งสองคนจากไป อยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก
เซี่ยยิวหรานลุกขึ้นยืนเช่นกัน นางเช็ดน้ำฝนที่หน้า และกัดฟันพูดกับขุนนางดูแลโทษตัดหัว
"เจ้ายังยืนอยู่ตรงนั้นทำไม? รีบส่งคนไปไล่ตามเร็ว!"
ขุนนางดูแลโทษตัดหัวเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน
"ใช่ๆ......ตามไป ทหาร! รีบไปพานักโทษกลับมา!"
แต่คนที่อยู่ด้านล่างมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้าไล่ตามพวกเขาจริงๆ
เหลวไหล เซ่อเจิ้งหวางเป็นนายของยมบาลตัวจริง ได้ยินว่าเขาฆ่าคนเยอะมาก ความอาฆาตพยาบาทรุนแรงเกินไป ถึงได้เป็นโรคประหลาดอะไรนี่ ทุกๆ หนึ่งเดือนต้องฆ่าคนหลายคน ดื่มเลือดกินเนื้อ จึงจะสามารถยับยั้งอาการป่วยได้
ยมบาลตัวจริงที่ฆ่าคนดื่มเลือดเช่นนี้ ใครจะกล้าไล่ตามล่ะ?
สาวรับใช้ที่อยู่ด้านข้างยกร่มกระดาษน้ำมันขึ้นมา แล้วเดินไปปลอบใจเซี่ยยิวหราน
"คุณหนู นังสารเลวนั่นถูกเซ่อเจิ้งหวางพาตัวไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะตายได้ทรมานกว่าการตัดหัวก็เป็นได้ ท่านโปรดทำใจให้สบายเถอะ"
"ใช่แล้วเจ้าค่ะ!"
คนที่เหลือกล่าวคล้อยตามกัน "นังแพศยานั่นเพิ่งด่าเซ่อเจิ้งหวาง จะต้องถูกเซ่อเจิ้งหวางใช้วิธีห้าม้าแยกศพ คงไม่ได้ตายดีแน่นอน!"
ในเวลานี้ เซี่ยจินอานที่ถูกโยนไว้บนหลังม้ารู้สึกว่าตัวเองถูกตัดคอไปเลยคงจะดีกว่านี้
เจ้าของร่างเดิมของร่างนี้เดิมทีก็เคยถูกลงโทษหนักอยู่แล้ว ตอนนี้จะเกิดการกระแทกบนม้าขึ้นอีกครั้ง หากถูกเขาพาไปเช่นนี้ ไม่ถึงสิบห้านาที ชีวิตที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวของนางก็ต้องได้มอบหมายแล้ว!
"ฮัลโหล หยุดนะ!!"
เซี่ยจินอานอดตะโกนไม่ได้ มือข้างหนึ่งกอดหลังม้าไว้ อีกมือหนึ่งตบเกราะบนร่างอย่างแรง ทำให้หยุนฝู้เฉินขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ฝ่ามือใหญ่ที่ด้านเล็กน้อยพลันตกลงบนสะโพกอันโค้งงอนของนาง ออกแรงตบไปหนึ่งที!
เพี๊ยะ----
เซี่ยจินอานตกใจ อารมณ์ของความรู้สึกที่น่าอายผุดขึ้นมาเป็นครั้งแรก และพุ่งไปที่หน้าผาก ทำให้ใบหน้าของนางแดงขึ้นและแดงจนจะสามารถมีเลือดไหลออกมาได้
ให้ตายสิ! เมื่อครู่เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย? นางถูกชายแปลกหน้าตบก้นในที่สาธารณะ?
"อ๊าไอ้บ้า เจ้าหยุดให้ข้าเดียวนี้นะ!!!”
นางโกรธจนเสียสติ กำลังจะกระโดดลงจากม้าโดยไม่สนใจอะไร แต่จู่ๆ หยุนฝู้เฉินก็หยุดม้าลง
ปัง----
เซี่ยจินอานถูกเขายกขึ้นมาทิ้งลงม้าไป โชคดีที่นางมาจากแพทย์ทหาร จึงวางท่ากันชนได้ทันเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้นางตกลงไปตาย
นางลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก กลับเห็นประตูเมืองที่ควรจะเปิดกลับปิดสนิท บนกำแพงเมืองมีทหารองครักษ์ยืนอยู่ ตรงกลางมีบุรุษรูปงามสวมชุดเกราะสีขาวเงิน ที่ศีรษะปักด้วยมงกุฎหยกมันแพะ
เขามองหยุนฝู้เฉินอย่างเคร่งขรึมจากบนที่สูง และกล่าวเสียงดังว่า
"เสด็จอา เสด็จพ่อได้สั่งให้ข้าออกรบแทนเสด็จอา แล้วตอนนี้กองทัพได้จัดกำลังทหารรออยู่นอกเมืองแล้ว หวังว่าเสด็จอาจะมอบป้ายทหารให้กับข้า!"