บทที่ 3 องค์รัชทายาทอัปลักษณ์
"เรียนฮูหยิน คุณหนูใหญ่มาขอพบเจ้าค่ะ"
"รีบให้นางเข้ามาเร็วเข้า"
หลิวลี่เซียนเดินเข้าไปที่เรือนพักของฮูหยินลี่หยางด้วยความประหม่า นางได้แต่ข่มความกังวลเอาไว้ในใจ ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วคงทำได้แต่ตามน้ำไปก่อน หากมีเรื่องสงสัยอะไรค่อยถามไป๋หลางก็ยังไม่สาย
"คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ"
หลิวลี่เซียนคำนับฮูหยินลี่หยางอย่างเก้ๆ กังๆ ส่วนฮูหยินลี่หยางที่รักและเอ็นดูบุตรสาวก็คิดไปว่าที่หลิวลี่เซียนมีอาการแบบนี้เพราะเพิ่งหายจากอาการป่วยไข้
"มาๆ รีบมานั่งข้างๆ แม่ กฎระเบียบอันใดไม่ต้องมากนัก ไป๋หลางพยุงคุณหนูใหญ่มาเร็วเข้า"
"ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ"
หลิวลี่เซียนเดินเข้าไปนั่งข้างกายฮูหยินลี่หยาง นางมองเห็นถึงความรักและความห่วงใยที่ออกมาทางสายตาของหญิงผู้นี้อย่างจริงใจ
ทำให้นางนึกถึงพ่อแม่ของนางในโลกก่อนทำให้นางรู้สึกร้อนที่ดวงตาไม่น้อย
ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ อย่างน้อยนางก็ได้มาอยู่ในตระกูลที่มั่นคงและอบอุ่นอยู่บ้าง
"ท่านพ่อไปไหนหรือเจ้าค่ะ"
"พ่อเจ้ารีบไปวังหลวงแต่เช้า เห็นว่าวันนี้มีประชุมใหญ่ เจ้ามาก็ดีแล้วกินข้าวเป็นเพื่อนแม่ที"
ฮูหยินลี่หยางยิ้มเล็กน้อย
"แล้วลี่ซือเล่าเจ้าคะท่านแม่"
"เช้าป่านนี้น้องสาวเจ้าคงเพิ่งตื่นล้างหน้าแต่งตัว ปกติก็ไม่ค่อยออกมาพบใครอยู่แล้วเจ้าก็รู้นี่ ไม่ต้องเป็นห่วงนางหรอกกินข้าวเถอะ"
หลิวลี่เซียนพยักหน้าเล็กน้อย น้องสาวฝาแฝดของนางคนนี้เป็นคนที่โลกส่วนตัวสูงเสียจริง
หลังจากแยกออกมาจากเรือนฮูหยินลี่หยาง หลิวลี่เซียนก็หันไปมองไป๋หลางครู่หนึ่ง ก่อนจะเม้มริมฝีปากและเอ่ยถามออกไปตรงๆ
"ไป่หลาง ท่านพ่อข้าไม่มีอนุหรอกรึ? "
ไป๋หลางที่ได้ยินดังนั้นรีบทำตาโต ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างเขินอาย หลิวลี่ซือได้แต่มองนางด้วยความสงสัย
"อะไรเนี่ย ข้าถามเจ้าจะอายทำไมกัน? "
"คุณหนูใหญ่ลืมไปได้ยังไงเจ้าคะ นายท่านรักฮูหยินยิ่งนักจนมิยอมรับอนุเจ้าค่ะ"
"อ้อ"
ยังมีอยู่อีกเหรอ ปกติเห็นในนิยายจีนชอบมีเมียสามอนุสี่ ใช้ได้เลย พ่อของเจ้าเท่มากหลิวลี่เซียน แมนแฟมิลี่!!!
วังหลวง
"ได้โปรดพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
เสียงของเหล่าขุนนางภายในท้องพระโรงดังกึกก้องสร้างความปวดหัวให้กับฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยยิ่งนัก พวกเขาต้องการให้มีการเปลี่ยนตัวองค์รัชทายาท จากจ้าวจิ้งเทียนเป็นจ้าวเฟยหรง น้องชายต่างมารดาของจ้าวจิ้งเทียน
จ้าวจิ้งเทียนเกิดจากจ้าวฮวงโหว่ตระกูลเจินองค์ปัจจุบัน มีฐานอำนาจที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ต่างจากจ้าวเฟยหรงที่เกิดจากกุ้ยเฟยฐานะต่ำต้อยเป็นเพียงหญิงสาวสามัญชนลูกขุนนางขั้นสาม
ถ้าหากเขาเปลี่ยนตัวองค์รัชทายาทตอนนี้ตระกูลเจินต้องลุกขึ้นมาต่อต้านเขาเป็นแน่
"มีข่าวลือแพร่สะพัดไปนอกวังหลวงว่าองค์รัชทายาทมิเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ!! "
"ไม่เหมาะสมอย่างไร!!! "
ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยที่นั่งมองเหล่าขุนนางด้วยสายตาเย็นชาเริ่มรู้สึกหมดความอดทนกับเหล่าขุนนางบ้าอำนาจพวกนี้เสียแล้ว
จ้าวจิ้งเทียนเป็นองค์รัชทายาทโดยถูกต้องตามกฎระเบียบที่มีมาแต่ดั้งเดิม แต่ขุนนางพวกนี้ก็ยังหาเรื่องให้เขาปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
"องค์รัชทายาทมีแผลเป็นน่ากลัวที่พระพักตร์ ราษฎรต่างพากันหวาดหวั่นว่าจะเป็นพระโอรสปีศาจพ่ะย่ะค่ะ!!! "
"เหลวไหล!!! เราตัดสินใจแล้ว ต่อไปนี้หากใครกล้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเราจะประหารเก้าชั่วโคตร!!! "
ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยหมดความอดทนเสียแล้วเขาโยนฏีฎาร้องเรียนใส่เหล่าขุนนางก่อนจะสะบัดชายเสื้อมังกรสีทองอันสง่างามออกจากท้องพระโรง ทิ้งให้เหล่าขุนนางอกสั่นขวัญแขวนด้วยความหวาดกลัว
จ้าวจิ้งเทียนที่แอบได้ยินเรื่องราวทั้งหมดอยู่ไม่ไกลได้แต่หัวเราะเยาะหยันในโชคชะตาของตนเอง
ตอนเขาอายุ10ขวบปี เสด็จพ่อพาเขาไปหัดยิงธนู เขารู้สึกชอบมันมาก จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดการลอบสังหาร ถึงเขาจะรอดมาได้แต่มันก็สร้างบาดแผลในใจครั้งใหญ่ให้กับเขา
ธนูดอกหนึ่งพุ่งตรงมาที่เขากับเสด็จพ่อ เสด็จพ่อดึงตัวเขาออกมาแต่ทว่าธนูดอกนั้นมันเฉือนที่ใบหน้าเขาจนกลายเป็นแผลลึกมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าเขาจะรักษาอย่างไร หมอที่ว่าเก่งแค่ไหนก็ลบรอยแผลเป็นอันน่ารำคาญใจบนใบหน้านี้ของเขาออกไปไม่ได้
เขาต้องคอยเอาผ้าคลุมปิดบังใบหน้าของเขาจนถึงครึ่งหน้าเพื่อปกปิดรอยแผลน่ารังเกียจนี้ไว้
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เหล่าขุนนางลุกขึ้นมาต่อต้านเขา ว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการสืบราชบัลลังก์ต่อจากเสด็จพ่อ
จ้าวจิ้งเทียนแค่นยิ้มเย็นในใจก่อนจะเดินกลับตำหนักองค์รัชทายาท เขาทำได้เพียงสะกดกลั้นความอัปยศนี้เอาไว้ภายในใจเท่านั้น