บทที่ 2
ที่โต๊ะอาหาร หลูน่าได้โชว์ทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเธอ
ตอนแรก เธอมองฉันพร้อมน้ำตาแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“เมื่อกี้เหยาเหยาเกือบจะทำฉันตกใจแทบตายอยู่แล้ว ฉันกำลังช่วยเธอทำความสะอาดบ้าน บังเอิญเห็นหนังสือแสดงผลการวินิจฉัยมะเร็งตับแผ่นหนึ่ง”
ทั้งครอบครัวพากันมองมาที่ฉัน
“สุดท้ายฉันก็ไปหาเพื่อนที่เป็นแพทย์ เขาบอกว่านี่เป็นของปลอม บางทีเหยาเหยาอาจจะโหยหาความรักจากทุกคนมากยิ่งขึ้นตั้งแต่พี่ชายของเธอจากไป…”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารลดลงไปถึงจุดเยือกแข็ง
สายตาที่พ่อแม่มองฉันยิ่งแทบจะอดรนทนไม่ไหวที่จะฆ่าฉัน
หลูน่าเริ่มเอ่ยคำพูดที่แอ๊บน่าสงสาร “เหยาเหยาเธอนี่ก็จริงๆ เลย หากให้คุณลุงคุณป้าได้เห็น คงต้องกังวลจะตาย”
“อีกอย่าง เรื่องนี้อย่าได้พูดส่งเดช หากวันไหนไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก็อาจจะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว”
น้องชายของฉันตบโต๊ะแล้วตวาดใส่
“พอแล้ว!”
“อา... ฉันพูดอะไรผิดไป ขอโทษ วันนี้เป็นวันเกิดของเหยาเหยา ฉันไปก่อนนะ”
น้องชายของฉันจับมือหลูน่าแล้วมองฉัน
“คนที่ควรไปคือนังปีศาจคนนี้ต่างหาก!”
พ่อก็ตบหน้าฉันแล้ว
“ยังไม่ออกไปอีก!?”
หลิวป๋อมองใบหน้าที่แดงจนบวมของฉันแล้วพูดว่า “ทำไมตอนนี้เธอถึงกลายเป็นแบบนี้?”
“ออกมากินข้าว”
หลิวป๋อที่เพิ่งออกไปก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อเห็นคราบเลือดที่มีขนาดใหญ่กว่าเมื่อครู่นี้ก็ขมวดคิ้วแล้วพูด
“เลิกแสร้งทำเสียที ทำแบบนี้มีแต่จะให้คนรังเกียจเธอมากขึ้น”
ที่แท้ความรักหรือไม่รักสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าของคนคนหนึ่งได้จริง ๆ หลิวป๋อซึ่งเคยสุภาพอ่อนโยนประดุจหยกในสายตาของฉัน บัดนี้เหลือเพียงความเย็นชา
ในสายตาของเขา ฉันก็เปลี่ยนจากสาวน้อยน่ารักมาเป็นผู้หญิงเจ้าแผนการที่มีจิตใจชั่วร้าย
ไม่เช่นนั้น เขาจะไปนอนกับหลูน่าบนเตียงของฉันอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉันก็รู้สึกคลื่นไส้อีกครั้ง เริ่มมีอาการขย้อน
เหตุผลที่เขาให้ฉันว่าเมาแล้วไร้สติ แต่แอลกอฮอล์เพียงขยายความปรารถนาส่วนลึกในใจของพวกเขาให้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น แล้วทำไมถึงเอาตัวเองกลายเป็นเหยื่อผู้ไร้เดียงสาได้เล่า
“เราเลิกกันเถอะ”
มือที่หลิวป๋อปิดประตูหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วมองฉันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“เธอจะหาเรื่องอะไรอีก”
ฉันพูดซ้ำอีกครั้ง
“หลิวป๋อ เราเลิกกันเถอะ”
“ปัง!”
ประตูถูกกระแทกปิดอย่างแรง
เขาจับผมอย่างหงุดหงิด
“โรคอะไรกำเริบอีกล่ะ เรียนรู้จากน่าน่าสักหน่อยไม่ได้หรือไง”
“เธอมีครอบครัว มีผม น่าน่าไม่มีอะไรนอกจากพ่อที่ป่วยหนัก และน้องชายที่อยู่ในคุก”
“อืม แล้วก็ยังมีเธอที่ใจสลาย” ฉันต่อบทเขา
“ดังนั้น ฉันก็เลยยกทุกอย่างให้กับเธอไงล่ะ ให้เธอมีทุกอย่างดีไหมล่ะ”
“ไม่มีเหตุผล!”
“ถ้าจะเลิกก็เลิก”
เอ่ยจบ
หลิวป๋อก็กระแทกประตูแล้วออกไปอีกครั้ง
ฉันกอดตับที่ปวดจนชัก นอนขดตัวอยู่บนพื้น
กลิ่นแอลกอฮอล์ในฟุ้งกระจายในห้องทำให้ฉันขมขื่นอย่างหาที่เปรียบมิได้
ตรวจครั้งล่าสุด หมอบอกห้ามแตะแอลกอฮอล์ ไม่อย่างนั้น ฉันจะมีชีวิตได้มากสุดอีกหนึ่งเดือน
แต่ฉันต้องการเงิน ฉันอยากจะวาดจุดจบให้กับชีวิตของตัวเองอย่างจริงจัง
ฉันวางแผนเรื่องงานศพของตัวเองไว้นานแล้ว เพียงแต่ยังขาดเงิน
ติ๊กติ๊ก
ข้อความจากหลูน่า
“เธอชอบรายการที่ฉันแสดงให้เธอในวันนี้ไหม?”
“รสชาติที่ถูกคนที่รักที่สุดรังเกียจดีหรือเปล่า?”
ฉันไม่ได้ตอบกลับไป ฉันเพียงเก็บบันทึกเป็นข้อมูลสำรองไว้เงียบ ๆ
สักวันหนึ่งความจริงจะต้องปรากฏออกมาใช่ไหม
ฉันหยิบของใช้ที่จำเป็น จากนั้นก็ไปบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่ง
ที่นั่นแม้จะเล็ก แต่ก็เป็นสถานที่อบอุ่นแห่งสุดท้ายของฉันแล้ว
"พี่สาว! อาเฉียวคิดถึงพี่มาก!"
อาเฉียวเป็นเด็กน้อยที่ฉันรับมาเลี้ยง ในวันที่ฝนตก ฉันเก็บเขาได้ เขาบอกว่าหาบ้านไม่เจอแล้ว
ฉันก็ดูเหมือนจะหาบ้านตัวเองไม่เจอแล้วเหมือนกัน เขาจึงกลายเป็นน้องชายของฉัน
“พี่สาว ครั้งนี้ผมสอบได้ที่หนึ่งอีกแล้ว”
ฉันลูบศีรษะของเขา
“อาเฉียวเก่งมาก อีกประเดี๋ยวพี่สาวจะพาไปกินอาหารมื้อใหญ่ดีไหม?”
อาเฉียวพยักหน้า “พี่สาว ผมรู้จักร้านปีกไก่ที่อร่อยมาก พวกเราไปกินกันเถอะ!”
“ผมก็อยากกินไอศกรีมเหมือนกัน!”
เมื่อฉันได้ยินคำว่าไอศกรีม ฉันนิ่งชะงักไปพักหนึ่ง