3
ณ ร้านอาหาร
“ที่รัก....รอนานไหมคะ ขอโทษนะคะที่ช้า อ้าว! พี่ปราชญ์สวัสดีค่ะ” กิ่งกมลเอ่ยขอโทษแฟนหนุ่ม ก่อนจะหันไปทักทายกับชายอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของแฟนเธอ เมื่อเข้ามาภายในร้านอาหารก็เจอเข้ากับสองหนุ่มนั่งรออยู่แล้ว
“ไม่นานครับที่รัก สวัสดีนะครับน้องม่าน” คีรินทร์ตอบ ก่อนจะหันมาทักทายม่านไหม
“สวัสดีค่ะพี่คีย์ สวัสดีค่ะพี่ปราชญ์”
ม่านไหมส่งยิ้มหวานไปให้ชายหนุ่มทั้งสองคน ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับคนที่เธอเรียกว่าพี่ปราชญ์
“สวัสดีครับน้องกิ่ง สวัสดีครับน้องม่าน”
ปราชญ์ หรือ ปราชญา เอ่ยทักทายสาวสวยทั้งสอง ก่อนจะนั่งมองหน้าม่านไหมยิ้ม ๆ ทั้งแววตายังมีแต่ความอ่อนโยน
ความจริงแล้วปราชญารู้สึกดีกับม่านไหมมาก จะบอกว่าแอบชอบก็คงจะใช่ แต่เมื่อรู้ว่าม่านไหมมีคนรักและแต่งงานแล้วเขาจึงได้แต่ถอยตัวเองออกมาและมองดูเธออยู่ห่าง ๆ
เรื่องนี้ทั้งกิ่งกมลและคีรินทร์ต่างก็รับรู้ถึงความรู้สึกของชายหนุ่มเป็นอย่างดี ทั้งยังรู้สึกเห็นใจปราชญาอยู่ไม่น้อยที่แอบหลงรักคนมีเจ้าของ แต่ถึงจะเห็นใจทั้งสองก็ไม่เคยสนับสนุนให้ปราชญาเข้าไปแทรกกลางระหว่างม่านไหมและก้องเกียรติเลยสักครั้ง
ด้วยความที่แอบชอบม่านไหมเป็นทุนเดิมพอได้มานั่งทานข้าวด้วยกันแบบนี้ จึงทำให้ปราชญายิ้มกว้าง ทั้งยังคอยตักอาหารดูแลเอาใจใส่ม่านไหมไม่ขาด
จนบางครั้งม่านไหมรู้สึกอึดอัดใจ ถึงเธอจะไม่คิดอะไร แต่การที่เธอแต่งงานมีสามีแล้ว ต้องมาถูกคนอื่นดูแลเอาใจใส่จนเกินพอดีก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ทั้งยังกลัวสายตาคนอื่นมองมาจะว่าเธอเอาได้ หนำซ้ำเธอยังคิดไปถึงหน้าตาและความรู้สึกของก้องเกียรติอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อปราชญารู้สึกได้ว่าหญิงสาวอึดอัดเขาจึงเลิกตักอาหารให้เธอและหันไปตักส่งให้กิ่งกมลและคีรินทร์บ้าง
“นี่ยายม่าน แกทานให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ ดูสิเนี่ยตัวบางจนจะปลิวได้อยู่แล้ว” ด้วยความที่ไม่อยากให้เพื่อนตัวเองอึดอัดไปมากกว่านี้ และไม่อยากเห็นความเสียใจที่อยู่ในแววตาของปราชญา กิ่งกมลจึงได้เอ่ยบอกให้เธอทานข้าวให้มากขึ้น
“ไม่เป็นไร ฉันอิ่มแล้ว” ม่านไหมตอบยิ้ม ๆ
“แกนี่ยังไงกัน เดี๋ยวพี่ก้องก็มาว่าฉันได้หรอก”
“หึ ไม่หรอกน่า พี่ก้องเป็นคนมีเหตุผลเขาไม่ว่าแกหรอก”
พอพูดถึงสามีใบหน้าที่แสดงถึงความอึดอัดของม่านไหมก็เบาบางลง ทั้งยังมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้ายามพูดถึงก้องเกียรติทุกครั้ง
ปราชญาที่จับตามองหญิงสาวอยู่แล้วก็ให้รู้สึกปวดหนึบที่อกข้างซ้าย ได้แต่ก้มหน้ากลืนก้อนความเจ็บปวดนั้นไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้คนร่วมโต๊ะทานอาหารบาง ๆ เหมือนไม่มีอะไร
หลังจากนั้นมื้ออาหารกลางวันก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของสองสาวเสียส่วนใหญ่ จวบจนจะได้เวลากลับ โทรศัพท์ของม่านไหมก็ดังขึ้น
กริ๊ง... กริ๊ง...
เห็นชื่อและเบอร์ของคนที่โทรเข้ามาหญิงสาวก็ยิ้มแก้มปริ
“ค่ะพี่ก้อง คิดถึงม่านเหรอคะถึงได้โทรมา” หญิงสาวพูดออกมาอย่างน่ารัก ส่วนคนมองอย่างปราชญานั้นก็ได้แต่เจ็บปวดใจ
‘ต้องคิดถึงอยู่แล้วสิครับถึงได้โทรหา แล้วนี่เห็นว่าเจอกับคุณปรายทำไมม่านไม่มาทานข้าวกับพี่ครับ’
ก้องเกียรติกรอกเสียงมาตามสายอย่างออดอ้อน
“ก็ม่านไม่อยากไปรบกวนพี่ก้องกับลูกค้าที่คุยงานกันนี่คะ ที่สำคัญพี่คีย์แฟนยายกิ่งและเพื่อนของเขาอย่างพี่ปราชญ์ก็จะมาทานข้าวด้วย ม่านจึงปฏิเสธไป” ม่านไหมบอกเล่าแก่เขา
‘ฮึ่ม! มีคุณปราชญ์ด้วยเหรอครับ’
“ใช่ค่ะ”
‘งั้นม่านต้องมาทานข้าวกับพี่สิ เฮ้อ! กลับพร้อมกันนะครับ พี่กำลังเดินไปลานจอดรถ ม่านอยู่ไหนทานข้าวเสร็จหรือยังเดี๋ยวพี่รอ’
“เรียบร้อยแล้วค่ะ งั้นเจอกันนะคะ”
ม่านไหมบอกคนที่อยู่ทางปลายสายยิ้ม ๆ ก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้คนทั้งสามที่นั่งรอเธอคุยโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี
“ฉันกลับก่อนนะกิ่ง พี่ก้องบอกให้ฉันกลับพร้อมด้วยแล้ว ม่านขอตัวก่อนนะคะพี่คีย์พี่ปราชญ์”
“ครับน้องม่าน”
“ครับ เดินทางปลอดภัยครับ” ปราชญาบอก ม่านไหมหันไปยิ้มบาง ๆ ให้เขาแล้วเดินจากไป
ปราชญามองตามแผ่นหลังบางจนสุดสายตาแล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ
แปะ แปะ
“ตัดใจเถอะไอ้ปราชญ์ น้องเขาคงไม่มองแกหรอก”
คีรินทร์ที่ทนเห็นสายตาเศร้าสร้อยของเพื่อนตัวเองไม่ไหวจึงตบไหล่ก่อนจะพูดปลอบใจ
“ฉันรู้ ฉันก็อยากตัดใจ เพียงแต่ว่า...”
ชายหนุ่มไม่พูดแต่สบตากับเพื่อนสนิทพลางสื่อความนัย กิ่งกมลที่นั่งมองทั้งสองอยู่นั้นก็สงสัย แต่เมื่อเธอลองถามกลับไม่ได้รับคำตอบจึงทำได้แค่เพียงตัดใจและรอดูต่อไปเท่านั้น