บทที่ 3
ณ ห้องประชุม
"เป็นอย่างไงบ้างริชชี่ การประชุมวันนี้มีเรื่องอะไรที่สำคัญบ้างไหม" ผมเปิดประเด็นทันที
"เฮ้อ งานยากเลยล่ะทุกคน" ยัยริชชี่ตอบพร้อมกับทำหน้าแห้ง ๆ
"ยากยังไงวะ" เพื่อนในห้องถามขึ้น
"นั่นสิ" เพื่อนอีกคนเริ่มถามกลับบ้างที่ยัยริชชี่ไม่ยอมตอบสักที
"คืองี้ ไอ้ที่ว่ายากอะ พวกแกรู้กันใช่ปะ ว่าคณะวิศวะของเราชนะการเป็นเดือนและดาวมหา’ลัยทุกปี" ริชชี่พูด
"ก็ใช่ไงครับ แล้วมันยากยังไงล่ะ" ไอ้เหนือถาม
"เพราะว่าเราชนะทุกปีไง ปีนี้ถึงได้มีกฎเกณฑ์บ้า ๆ นี่ขึ้นมา และทุกคณะต้องทำตามด้วย หากคณะไหนไม่ทำตามก็จะปรับแพ้ทันที" ยัยริชชี่หยุดพักหายใจก่อนที่จะพูดต่อ
"ไอ้กฎที่ว่าคือ ปีนี้ให้ทุกคณะคัดเลือกเดือนกับดาวอย่างรวดเร็วที่สุดโดยห้ามให้คนนอกรู้ ที่สำคัญยังต้องหาคนที่เป็นตัวแทนลงแข่งในรายการเพิ่มใหม่อีกสามรายการและพวกแกก็รู้ใช่ไหมว่าปีนี้คณะเรารับน้องกับบริหารเป็นปีแรก ทางกรรมการการประชุมจึงเห็นสมควรให้เราคัดเด็กทั้งสองคณะส่งเป็นตัวแทนมาประกวดแค่ 5 คนเท่านั้น แต่ให้คัดเดือนดาวของคณะปกติ เพียงแต่ตอนส่งมาประกวดเราต้องจับมือกับบริหารส่งเด็กมาแข่ง"
"ฮะ อะไรนะ"
"นั่นสิ เป็นไปได้ยังไง" เสียงเพื่อน ๆ ในรุ่นต่างออกความคิดเห็นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหยุดพูดเพราะผมส่งสายตาให้เงียบและฟังต่อ
"แข่งอะไร" ผมถาม
"คือนักร้องหนึ่งคน เซ็กซี่หนึ่งคน และ เต้นบวกแรปอีกหนึ่งคน แต่ที่ว่ายากน่ะ มันไม่ใช่เราเพิ่มน้องลงรายการแข่ง แต่มันอยู่ที่ทุกอย่างต้องเป็นความลับ รู้แค่ในคณะเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องทำคลิปเปิดตัวจะเป็นคลิปเสียงหรือจะทำออกมายังไงก็ได้ แต่โจทย์ในการทำคลิปคือร้องเพลง และต้องใช้เพลงนั้นเปิดตัวในวันประกวด คณะละสองเพลง แบบนี้มันไม่เข้าทางนิเทศกับดนตรีเหรอวะ ใครแม่งก็รู้ว่าทั้งสองคณะต้องทำเพลงเองแน่นอนอะ จะไม่ให้กูเครียดได้ยังไง" ทันทีที่ริชชี่พูดจบก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย ในห้องมีแต่ความเงียบ
"ทำไมเป็นงี้วะ"
"คราวนี้แหละ คณะนิเทศดนตรีได้ข่มคณะเราแน่ เพราะปีนี้ดนตรีกับนิเทศรับน้องร่วมกัน"
"เออ ตั้งกฎบ้าบออะไร งั้นก็เท่ากับว่าเราสามารถแต่งหรือเอาเพลงคนอื่นมาร้องก็ได้สองเพลง แต่อย่าให้ต่างคณะรู้อย่างงั้นเหรอ"
"ประสาท"
"บ้าบอฉิบเป๋ง"
"เอาละ เงียบ ๆ ก่อน เรียกปีสองมาคุยสิ" ผมพูด ไม่เกินครึ่งชั่วโมงประธานปีสองก็เข้ามา พร้อมกับกะเทยสุดซี้ของริชชี่ก็เข้ามาด้วย จากนั้นริชชี่ก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พวกน้องมันดูตกใจนะ
"โคตรเหนือความคาดหมายเลยครับ" ไอ้ก้องพูด
"นั่นสิ" อีกสองคนก็ประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน
"เฮ้อ เครียด"
"เอาละ วันนี้ฉันไม่ได้ไปเข้าเชียร์ลงว้าก เลยไม่รู้ว่าใครหน้าตาเป็นยังไงบ้าง น้องก้อง อีตุ๊ดฝึกหัดลองพูดมาสิใครบ้าง" ยัยริชชี่พูด
"หน้าตาดีน่ารักทั้งผู้ชายผู้หญิงก็มีเยอะครับ" ไอ้ก้อง
"แต่ที่เด่นสะดุดตาสุดก็แก๊งนางฟ้า" น้องมันพูดเห็นว่าชื่อรันนี่มั้ง
"ใช่ค่ะคุณแม่ แก๊งนี้มีครบ หวาน น่ารัก เซ็กซี่ ห้าว เราเอามาสแกนกันดีไหมคะ"
"ไม่ได้!!!"
ผม/ไอ้เหนือ/ไอ้วิน/ไอ้ดิน ทันทีที่เห็นว่าน้องชื่อปูเป้อะไรนั่นพูดจบ ผมสี่คนก็ตะโกนขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้ทั้งห้องมองพวกผมอย่างตกใจก่อนที่ยัยริชชี่จะกระตุกยิ้มมุมปากมาให้ผม มันย่อมรู้ว่าพวกผมคิดอะไร แหงสิอยู่ด้วยกันมาสามปี และมันก็คือเพื่อนคนเดียวที่พวกผมให้ความสนิทด้วยมากที่สุด
"งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเข้าห้องเชียร์ลานเกียร์ดีกว่า อ้อ อย่าลืมบอกพวกน้อง ๆ คัดเลือกกันเองไว้ก่อนด้วยล่ะ ปะ เลิกประชุมเถอะ หิว" ทันทีที่ริชชี่พูดจบคนอื่น ๆ ก็ทยอยออกไปจากห้องจนหมด
"แหม อะไรกันจะหนุ่ม ๆ มองริชชี่น่ากลัวเชียว" พวกผมสี่คนมองริชชี่ตาเขียว ถึงผมจะมองมันนิ่ง ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความไม่พอใจ แต่มันไม่กลัวพวกผมเลยสักนิด
"ไอ้ริท" ผมพูดนิ่ง ๆ
“ไม่เอาไม่โกรธสิคะ”
"อีริท กูไม่ยอม มึงจะมาเอาว่าที่คนของกูขึ้นเวทีไม่ได้" ไอ้เหนือพูดไอ้นี่มันออกตัวแรงว่ะ แต่ก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องพูด
"เสียใจยะ คณะสำคัญที่สุด" ยัยริชชี่มันตอบกวน ผมก็ได้แต่ฟังนิ่งทั้งที่ในใจกระวนกระวายจะตายห่าอยู่ละ
"โอเค ถ้าไม่มีอะไรก็กลับแล้วนะ มายเฟรนด์ บาย" มันพูดพร้อมขยิบตาส่งให้พวกผม
จะเอายัยปากดีมาเป็นตัวแทน จะไหวเหรอวะ ท่าทางก็ออกจะห้าว ๆ คำพูดหรือก็ไม่เข้าหู ดูท่าน้องมันคงไม่ค่อยชอบคนเยอะนะถ้าให้ผมเดา เพราะฉะนั้นผมหายห่วงครับ เพราะถึงยังไงผมก็เชื่อว่าน้องมันไม่มีวันยอม แน่นอน
ติ๊ง…
ติ๊ง…
โอ๊ย ไลน์รัวขนาดนี้ใครตายวะแม่ง และนี่มันเพิ่งจะหกโมง โอ๊ย หกโมงเช้า ให้ตายเหอะ ใครมันไลน์มาวะ คนยิ่งนอนดึก ๆ อยู่ ไม่ต้องสงสัยกันนะคะ ว่าทำไมฉันนอนดึก ก็เมื่อคืนนี้น่ะสิคะ แม่หญิงการะเกดกับคุณพี่หมื่นสุนทรทำข้าติดหนัก นอนดูตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนที่สี่รวดเดียว เป็นไงล่ะ กว่าจะได้นอน เที่ยงคืน แล้วนี่ก็ไลน์มาจัง อารมณ์เสีย
rrrrrrrrrrr นั่นไงไลน์กันมาไม่พอ โทรมาอีก
"โหล มีอะไรนักหนาวะฮะ!"
"โอ๊ย อีมนต์นี่แกยังไม่ตื่นใช่ไหมฮะ!" เสียงนี่มัน ยัยทิพย์หนิ
"เออ มีไรวะ คนยิ่งง่วง ๆ อยู่" ฉันพูดออกไปอย่างไม่ค่อยพอใจ
"เอ้า นี่แกยังไม่อ่านไลน์ใช่ปะ"
"เออ มีอะไรก็ว่ามา ลีลา"
"โอ๊ย แกนี่ คืองี้เพื่อน ประธานรุ่นเรานัดรวมเจ็ดโมงตรง เนื่องจากมีเรื่องแจ้งจากรุ่นพี่ แล้วเราปีหนึ่งก็ต้องสรุปให้พี่เขาให้ได้ภายในวันนี้ ส่วนเรื่องอะไรนั้น เดี๋ยวไอ้แดนมันบอกที่มอ แค่นี้นะ บาย"
"ยัย ฮึ่ม" ทันทีที่มันพูดจบมันก็ตัดสายทันที ส่วนไอ้แดนคือประธานรุ่นฉันเอง หมอนี่จัดได้ว่าหล่อนะ แต่ไม่ใช่สเปกฉันเท่าไหร่ อย่างฉันต้องคุณพี่หมื่น นิ่ง ๆ โอ๊ย ละมุน เหลือบมองดูนาฬิกา หกโมงครึ่ง ฉันจึงลุกอาบน้ำแต่งตัวทันที