บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

บทที่ 2

ผู้กองหญิงแห่งหน่วยสืบสวนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอิตาลี เดินทางกลับถึงคอนโดที่พักด้วยท่าทีระโหยโรยแรง

พอเข้ามาในห้องพักได้แล้ว ผู้กองสาวก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงใหญ่พลางยกมือเล็ก ทว่าแข็งแกร่งไม่แพ้มือของบุรุษเพศยกขึ้นปิดหน้าของตัวเองด้วยกริยาอ่อนล้าขณะหัวสมองเจ้ากรรมไพล่นึกถึงเรื่องงาน ที่ได้รับมอบหมายก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

รีจินารู้ดีว่าทำไมท่านผู้บังคับการเลสซันโดร ถึงเลือกให้เธอทำงานอันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายงานนี้ และท่านผู้บังคับการก็เข้าใจพูดถูกจุดแทงเข้าตรงกลางใจดำ ซึ่งท่านรู้ว่าอย่างไรเสียเธอก็ไม่มีทางปฎิเสธงานนี้อย่างแน่นอน แม้รู้ทั้งรู้ว่างานที่กำลังจะไปทำเป็นการก้าวเท้าทั้งสองข้าง เข้าสู่ดินแดนของมัจจุราชร้าย ที่พร้อมจะคร่าชีวิตของเธอได้ทุกเมื่อ กระนั้นเธอก็ยังรับทำหน้าที่นี้

“ดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์”

รีจินาเรียกชื่อของเจ้าพ่อชั่วด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ดวงตากลมโตสีฟ้าอ่อนใสโชนแสงแห่งความอาฆาตแค้นให้เห็นอยู่ทั่วดวงตา

จากนั้นร่างบางอรชรอ้อนแอ้นไม่ต่างจากนางแบบชื่อดัง ก็เดินตรงไปยังภาพถ่ายของครอบครัว ทว่าเป็นภาพถ่ายครอบครัว ที่ไม่มีรูปของเธอปรากฏอยู่ด้วย

มือเล็กซึ่งกำด้ามปืนลั่นไกกำจัดพวกสวะสังคมมานักต่อนักแล้ว ได้เลื่อนภาพถ่ายครอบครัวซึ่งเข้ากรอบหลุยส์สวยงามออกเล็กน้อย เผยให้เห็นตู้เซฟขนาดเล็กที่ถูกซุกซ่อนอยู่ข้างหลังภาพถ่าย จากนั้นก็กดรหัสปลดล็อคเปิดตู้เซฟออก ซึ่งสิ่งของที่ถูกเก็บซุกซ่อนอยู่ข้างในเซฟหาใช่เครื่องเพชร ทองคำ หรือจำนวนเงินมูลค่ามหาศาลไม่ ทว่ามันกลับเป็นแค่เพียงภาพบันทึกความทรงจำของเธอ และคนในตระกูลลิเอโรเท่านั้น ซึ่งเธอพยายามปกปิดตัวตนที่แท้จริงไว้ไม่ให้ใครรู้ว่าเธอนั้นเป็นใคร

มือเล็กที่เอื้อมไปหยิบภาพถ่ายแห่งความทรงจำอันสุดแสนประทับใจนั้นสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด เรียวปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันแน่นจนเกือบเป็นเส้นตรง ขอบตาร้อนผ่าวดวงตาแดงช่ำ ลำคอแห้งผากเป็นผงจากการกล้ำกลืนหยาดน้ำตาอุ่นไม่ให้ไหลรินลงมาตามพวงแก้มเนียนลออ ขณะจ้องมองภาพถ่ายที่ถืออยู่ในมือ

‘ราเนีย พี่จะเป็นตำรวจให้ได้ พี่ปกป้องน้องและครอบครัวของเราเอง’

‘อาชีพตำรวจเป็นความใฝ่ฝันของผม...ผมจะเป็นตำรวจที่ดี ให้คุณพ่อและคุณแม่ภาคภูมิใจ’

‘พี่เรส์คนนี้จะดูแลราเนียเอง พี่จะไม่ยอมให้ราชินีของตระกูลลิเอโร ต้องถูกใครกลั่นแกล้งอีก’

หยาดน้ำตาอุ่นที่พยายามสะกดกลั้นไว้ตลอดระยะเวลาสิบห้าปี หลั่งรินเป็นทางยาวลงมาตามพวงแก้ม ขณะเจ้าตัวนึกถึงคำพูดของเรนาโคส ลิเอโร หรือ ร.ต.อ.เรนาโคส ลิเอโร ยศปัจจุบันในขณะถูกคนใจทรามฆ่าตาย แล้วนำศพมาทิ้งประจานตรงหน้าบ้านของเธอ

“พี่เรส์...หากไม่ใช่เพราะไอ้ดอนคาร์ล ครอบครัวของเราคงไม่แตกระส่ำระส่ายแบบนี้”

รีจินาพึมพำเสียงปนสะอื้น น้ำเสียงที่เอื้อนวาจาถึงเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยความรังเกียจระคนอาฆาตแค้น สาบานว่าเมื่อเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของดอนผู้นี้ และหากมีโอกาส เธอจะไม่ลังเลตวัดคมมีดปักลงกลางหัวใจอันอำมหิตเลือดเย็นของดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์

รูปภาพแห่งความทรงจำอันน่าประทับใจของครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่บนที่ดินแค่เพียงไม่กี่ตารางวาภายในกรุงโรม ถูกเลื่อนเปิดดูทีละภาพ ซึ่งทุกภาพนั้นรีจินาจำได้ดีว่าถูกถ่ายภาพไว้ ณ สถานที่แห่งใด และในปีใด

สำหรับภาพที่เธอประทับใจเป็นที่สุด ก็คือภาพวันสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจของเรนาโคส ลิเอโร แม้เรนาโคสจะเป็นพี่ชายต่างมารดาของเธอ ซึ่งมารดาของเขาได้เสียชีวิตไปนานแล้ว แต่เธอและมารดาของเธอก็รักเรนาโคสมาก

ในวันที่พี่ชายเธอได้เป็นตำรวจเต็มตัว เป็นวันที่ครอบครัวของพวกเธอมีความสุขมากที่สุด บิดามารดาของเธอนั้นยิ้มกว้างหุบไม่ลง คอยลูบตามลำตัวของเรนาโคสที่อยู่ในชุดตำรวจเต็มยศ ซึ่งดูองอาจสง่างามผึ่งผายยิ่งนัก ส่วนนายตำรวจหนุ่มอย่างเรนาโคสนั้นก็ภูมิใจหนักหนา ที่ตนเองสามารถก้าวเดินมาถึงจุดที่ใฝ่ฝันไว้

‘ราเนีย ต่อไปพี่จะปกป้องน้องเอง น้องถูกคนอื่นรังแกมามากพอแล้ว ต่อไปจะไม่มีใครกล้ามารังแกน้องสาวของร.ต.ต.เรนาโคสอีก’

รีจินาสะอื้นร้องไห้ เมื่อนึกคำพูดของพี่ชาย ครอบครัวเล็กๆ ของเธออาศัยอยู่ในถิ่นของ

เหล่ามาเฟีย ทั้งที่เป็นจำพวกมีอำนาจแค่เพียงหยิบมือ แต่ก็เบ่งอำนาจซะล้นตัวเที่ยวระรานคน

อื่นไปทั่ว และอีกจำพวกหนึ่งก็เป็นพวกมีอำนาจบารมีจริงๆ ซึ่งคนพวกนี้จะไม่ค่อยสนใจชาว

บ้านตาดำๆ คนจนๆ ที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ กับถิ่นของพวกมัน

เด็กหญิงรีจินา ลิเอโร มักจะถูกลูกหลานของเหล่ามาเฟียแกล้งเป็นประจำ มีทั้งแกล้งแบบเบาะๆ แค่เนื้อตัวเขียวช้ำ จนกระทั่งรุนแรงถึงขึ้นหัวร้างข้างแตกก็มี

และคนที่เป็นเดือดโมโหร้ายมากที่สุดเห็นจะเป็นเรนาโคส ที่กัดฟันกรอดกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ เมื่อไม่อาจช่วยเหลือน้องสาวของตนเองได้

ด้วยเหตุที่ว่าน้องสาวมักถูกลูกหลานของบรรดาเจ้าพ่อ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายแกล้งเป็นประจำ โดยไม่มีใครกล้าเอื้อมมือเข้ามาช่วย เรนาโคสจึงอยากเป็นตำรวจเดินบนเส้นทางแห่งความยุติธรรม ขจัดคำว่า ‘มาเฟีย’ และคำว่า ‘ดอน’ ให้หมดสิ้นไปจากถิ่นที่อยู่ของตัวเอง

ร.ต.ต.เรนาโคส ลิเอโร ทำงานได้ดีเยี่ยม โดยไม่หวาดกลัวอิทธิพลมืดของบรรดาเจ้าพ่อ ที่เริ่มถูกจับไปทีละคนสองคน และด้วยผลงานอันเป็นที่ถูกใจเข้าตาของผู้หลักผู้ใหญ่ ทำให้

ร.ต.ต.เรนาโคสได้เลื่อนขั้นเป็น ร.ต.อ.ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี

การทำงานแบบไม่กลัวตาย ไม่กลัวมัจจุราชร้ายมาคร่าเอาชีวิตของตน ร.ต.อ.เรนาโคสจึงได้รับเลือกให้เป็นสายลับเข้าไปยังดินแดนของปีศาจร้าย เพื่อล้วงความลับนำมาซึ่งการกวาดล้างแก๊งมาเฟียชื่อดัง ที่ทรงอิทธิพลในทุกๆ ด้านของประเทศอิตาลีให้สิ้นซาก

เมื่อร.ต.อ.เรนาโคส ปลอมตัวไปอยู่ในคฤหาสน์มาโก้ร์ ครอบครัวลิเอโรก็แทบจะขาดการติดต่อกับลูกชายคนเดียวของบ้าน รีจินาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าพี่ชายอีก นานๆ ครั้งที่เธอจะได้รับการ์ดสักใบจากพี่ชาย

และในเช้าวันอัปโยคก็เดินทางมาถึงครอบครัวลิเอโร เมื่อรีจินาที่เพิ่งตื่นนอนเพราะได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน เดินออกมาเปิดประตูรั้วด้วยเข้าใจว่าเด็กส่งหนังสือพิมพ์มาส่งหนังสือพิมพ์ให้ดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา

ทว่าเมื่อดวงตาสีฟ้าอ่อนใสของเด็กน้อยในวัย 15 ปี มองปะทะกับร่างอันโชกเลือด หน้าตาแตกยับจนจำเค้าเดิมอันหล่อเหลาของพี่ชายไม่ได้ ก็ถึงกับร้องกรี๊ดลั่นบ้านราวกับคนเสียสติ ซึ่งเสียงกรีดร้องร่ำไห้โฮปิ่นจะขาดใจของเธอ เรียกให้บิดามารดาออกมานอกบ้าน

ทันทีที่เห็นร่างอันปราศจากลมหายใจของบุตรชายที่รัก บิดามารดาของเธอถึงกับรับ

ไม่ได้ เรียกว่าลมทั้งยืนต่อหน้าต่อตาเธอที่ไม่อาจช่วยรับร่างของพวกท่านไว้ได้ บรรดาเพื่อนบ้านที่ออกมามุงดูเหตุการณ์ ต่างก็วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ทว่าหามีใครได้ช่วยเหลือครอบครัวของเธอไม่ เพราะพวกเขาไม่อยากเอาชีวิตเข้าเสี่ยงกับพวกมาเฟีย ที่มีจิตใจโหดเหี้ยมผิดมนุษย์อย่างเจ้าพ่อพวกนี้

‘หลังจากดอนคาร์ลจับได้ว่าสายลับคนนี้แอบถ่ายรูปของเขาส่งมาให้ทางตำรวจ ในวันรุ่งขึ้นสายลับคนนั้นก็ถูกส่งร่างอันไร้วิญญาณกลับมายังบ้านเกิดของเขา มีข่าวลือว่าศพถูกทิ้งไว้หน้าบ้านพร้อมกับจดหมาย ที่เขียนด้วยลายมือของดอนคาร์ลในวัน 19 ปี ฝากถึงครอบ

ครัวของสายสืบคนนั้นด้วย’

รีจินานึกถึงถ้อยคำของท่านผู้บังคับการเลสซันโดร ที่เอ่ยพูดในห้องประชุม จดหมายปิดผนึกแห่งความตายที่วางอยู่บนร่างอันไร้วิญญาณของนายตำรวจหนุ่ม ซึ่งอุทิศตัวให้กับงานและงาน ไม่มีใครมีโอกาสได้เห็นมันอีก เมื่อเด็กน้อยที่หัวใจสลายเพราะการสูญเสียพี่ชายที่รัก ได้กำมันไว้แน่นภายใต้อุ้มมือเล็กๆ ของเธอเอง ซึ่งจดหมายฉบับนั้นไม่เคยมีใครได้อ่านแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งบิดามารดา หรือตำรวจที่ทำคดีก็ไม่รู้ว่าดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ตวัดปลายปากกาฝากถ้อยคำอันเป็นดั่งคำสาปใดไว้ให้กับครอบครัวของเธอ

รีจินาหยิบกระดาษซึ่งเริ่มเหลืองมีคราบน้ำตาแห่งความโศกเศร้าอาดูรของตนเอง ในวัยเพียง 15 ปีออกมาจากกล่องกำมะหยี ที่เธอเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดี หาได้เก็บไว้เพราะความประทับใจไม่ แต่เก็บไว้เพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือน เป็นแรงผลักดันให้เธอมุมานะเป็นตำรวจให้จงได้ เพื่อล้างแค้นคนที่ทำให้ครอบครัวของเธอต้องแตกระส่ำระส่ายราวกับลำเรือต้องลมพายุจนอับปางลงกลางทะเลมืด

หลังจากงานศพของบุตรชายอันเป็นที่รักผ่านไปได้ไม่กี่เดือน บุพการีทั้งสองของเธอก็กลายเป็นโรคซึมเศร้า ไม่พูดไม่จา ไม่แตะต้องอาหารจนร่างกายซูบผายผอมไร้เรี่ยงแรงที่จะหยัดยืน

ไม่ถึงสามเดือนดีหลังจากเรนาโคสจากไป เธอก็ต้องสูญเสียบิดามารดาไปพร้อมๆ กัน เมื่อท่านทั้งสองประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ขณะพากันเดินข้ามถนน ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ หรือดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ส่งคนมาเก็บบิดามารดาของเธอด้วย

และเมื่อนามสกุลลิเอโร อาจทำให้ดอนใจชั่วผู้นี้รู้ว่าเธอเป็นใคร รีจินาจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดิมของมารดาคือ ‘โชติกานต์’ เพื่อเป็นการปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไม่ให้ใครรู้

ภาพถ่ายของครอบครัวที่มีภาพเธออยู่ด้วย ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดในตู้เซฟรวมทั้งจดหมายในมือ ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผันผ่านไปกี่ฤดูลมหนาว ไม่ว่ากระดาษแผ่นบางๆ จะเหลืองกรอบเป็นคราบให้เห็น และไม่ว่าตัวหนังสือที่ตวัดด้วยปลายปากการาคาแพงจะเริ่มลางเลือนแล้ว ทว่าถ้อยคำที่ถูกเขียนไว้บนกระดาษแผ่นนี้ และความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รัก ยังไม่จางหายไปจากใจของ ร.ต.อ.หญิงรีจินาแม้แต่วินาทีเดียว

'ทรยศคือตาย'

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel