บทที่ 5 ไฝแดง!
เสิ่นเฟยยู่ตื่นตระหนกอย่างมาก แต่ก็ยากที่จะพูดอะไรออกมา ทำได้เพียงแค่มองดูเย่อู๋เทียนเดินจากไปต่อหน้าต่อตา
เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของเย่อู๋เทียนนั้น ก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึงอย่างมาก
ผ่านไปสักครู่ เด็กน้อยก็ได้พูดขึ้นอย่างเคารพเลื่อมใสว่า: “คุณพ่อ ท่านช่างองอาจน่าเกรงขามเสียจริง! ”
เย่อู๋เทียนยิ้มแย้มและพูดขึ้นว่า: “อย่างนั้นต่อไปเมื่อเจ้าเติบโตขึ้นก็จะต้องมีความองอาจน่าเกรงขามเหมือนกับพ่อนะ? หรือว่า จะเหนือกว่าพ่อเลยก็ได้! ”
เด็กน้อยหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดว่า: “ตกลง! ”
เย่อู๋เทียนลังเลเล็กน้อย แต่ก็ถามขึ้นว่า: “ภาพโบราณของตระกูลเย่ที่สูญหายไปนั้น ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าเป็นคนขโมยไปอย่างนั้นเหรอ? ”
“ไม่ใช่แน่นอน! ไอ้คนชั่วเสิ่นเฟยยู่นั้นใส่ร้ายฉัน! เขาต่างหากที่เป็นคนขโมยไปเอง! ” เด็กน้อยพูดตอบขึ้นทันที
“ตกลง! พ่อเชื่อเจ้า! ”
“คุณพ่อ พวกเรากำลังจะไปหาคุณแม่ที่โรงพยาบาลใช่ไหม? ”
“ใช่เลย”
ทั้งสองพ่อลูกผลัดถามตอบไปกันมา พูดคุยกันอย่างสบายอกสบายใจ
แต่เมื่อเย่อู๋เทียนถามชื่อของเด็กน้อยนั้น เด็กน้อยกลับตอบว่า: “คุณปู่ตั้งชื่อให้ฉันว่าเย่จง แต่คนในตระกูลเย่กลับล้อเลียนเรียกฉันลับหลังว่าเย๋จ่ง (ที่มีความหมายว่าลูกนอกสมรส) ! ซึ่งฉันไม่ใช่ลูกนอกสมรสสักหน่อย! ”
เย่อู๋เทียนแสดงสายตาที่เย็นชาออกมา
เย่จง?
ฮึ!
เย่จินหลิงช่างตั้งชื่อได้แย่จริง ๆ เลย!
เด็กน้อยพูดขึ้นอีกว่า: “ปู่เฉาเองก็ได้ตั้งชื่อให้ฉันเหมือนกัน ซึ่งฉันชื่นชอบมากกว่า เขาเรียกฉันว่าเย่จูนหลิน! ”
เย่อู๋เทียนตกใจขึ้นเล็กน้อย ยิ้มและพูดว่า: “ฉันเองก็ชอบเหมือนกัน นับตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าก็มีชื่อว่าเย่จูนหลิน! ”
เฉาปั้นเสียนที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าที่เรียบง่ายได้ยืนรออยู่ที่หน้าประตูใหญ่เป็นเวลานานแล้ว
เมื่อมองเห็นเย่อู๋เทียนอุ้มเย่จูนหลินเดินออกมาด้านนอก รอยยิ้มบนใบหน้า ก็ดุจดั่งเหล้าเก่าโบราณไหหนึ่ง ที่เหมือนจะเข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนแล้ว
เมื่อเย่อู๋เทียนเดินมาถึงด้านหน้าของเฉาปั้นเสียน ถึงแม้จะคาดเดาได้ว่าหลายปีมานี้เย่จูนหลินได้รับการปกป้องดูแลจากเฉาปั้นเสียนเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้พูดกล่าวขอบคุณแต่อย่างใด
เพราะระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้
เย่อู๋เทียนได้หยิบป้ายคำสั่งสีเขียวออกมาจากอ้อมอกของเขา แล้วส่งมอบให้กับเฉาปั้นเสียน และสั่งการไปว่า
“ส่งข่าวไปยังหน่วยรบเก่า แจ้งว่าฉันกลับมาแล้ว! ”
คำพูดเพียงไม่กี่คำ แต่กลับทำให้เฉาปั้นเสียนมีจิตวิญญาณกระชุ่มกระชวยขึ้นเป็นร้อยเท่า
ดวงตาที่ปกติไร้จิตวิญญาณ มองอะไรก็พร่ามัวไปหมดนั้น พลันดูมีชีวิตชีวา เป็นประกายขึ้นทันที
เฉาปั้นเสียนคุกเข่าข้างหนึ่งลงไปกับพื้น สองมือรับมอบป้ายคำสั่ง ด้วยท่าทางที่แข็งแกร่ง พร้อมกับพูดขึ้นน้ำเสียงที่ดังสนั่นชัดเจน
“ทหารชรา เฉาปั้นเสียน รับทราบ! ”
......
ในช่วงกลางดึก
ณ โรงพยาบาลกลางเมืองเจียงไห่
เย่อู๋เทียนที่อุ้มเย่จูนหลินที่กำลังหลับอยู่นั้น ได้มายืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูของโรงพยาบาลแล้ว
ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล เย่อู๋เทียนได้ทราบว่าเย่จูนหลินไม่ได้กินอาหารมาแล้วหนึ่งวัน อีกทั้งยังถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนขโมยภาพวาด และถูกเสิ่นเฟยยู่ทุบตีด้วย
หลังจากที่พ่อกับลูกได้พบเจอหน้ากันแล้ว เด็กน้อยที่กำลังกดดันอย่างหนักก็ผ่อนคลายลงอย่างสิ้นเชิง
โดยหลังจากที่เย่อู๋เทียนพาเขาไปกินข้าวเย็นเสร็จได้ไม่นาน เขาก็ทนความเหนื่อยล้าต่อไปไม่ไหว จึงหลับอยู่ในอ้อมอกของเย่อู๋เทียน
แม่ของเย่จูนหลิน อยู่บนชั้นยี่สิบแปดของโรงพยาบาลที่อยู่เบื้องหน้านี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เป็นเพราะเธอได้ถูกสิบสองเทพของวิหารจอมเทพพลั้งมือทำร้าย จนสลบไม่ได้สติ เย่อู๋เทียนจึงได้สั่งให้คนจัดส่งเครื่องมือการแพทย์ที่ทันสมัยล้ำหน้าที่สุดในโลกนี้ มาช่วยพยุงรักษาชีวิตของเธอเอาไว้
แม้ว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าทำไมเธอถึงมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับเสิ่นจูนอี๋มากขนาดนี้ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานความจริงก็จะปรากฏขึ้น
เย่อู๋เทียนเงยหน้าขึ้นและมองไปยังชั้นยี่สิบแปดของโรงพยาบาล แล้วก็เดินเข้ามาด้านใน ด้วยสายตาที่มุ่งมั่นแน่วแน่
......
ภายในห้องผู้ป่วยวีไอพีเพียงห้องเดียวบนชั้นยี่สิบแปดของโรงพยาบาล
เด็กหนุ่มสองคนที่ย้อมผมสีเหลือง กำลังถอดดึงเส้นสายไฟเครื่องมือการแพทย์ทั้งหมดออกจากร่างผู้หญิงคนนั้นอย่างตื่นตระหนก
โดยมีชายวัยกลางคนหัวล้านกำลังคอยสั่งการพวกเขาอยู่
“เร่งมือหน่อย! เฮลิคอปเตอร์กำลังจอดรออยู่บนดาดฟ้าแล้ว พวกนายมีเวลาเพียงแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น! ”
“แม่งเบามือหน่อยสิ! นี่คือเครื่องมือการแพทย์ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกนะ ซึ่งมีเพียงแค่สามเครื่องบนโลกนี้เท่านั้น! หากว่าทำพังแล้ว ต่อให้พวกนายจะมีนับสิบชีวิต ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดใช้ให้ปู่หูหรอก! ”
เย่อู๋เทียนเพิ่งจะเดินมาถึงห้องผู้ป่วย ก็ได้ยินเสียงของชายวัยกลางคนหัวล้านที่อยู่ด้านใน
เมื่อผลักประตูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงพูดขึ้นของเด็กหนุ่มผมสีเหลืองคนหนึ่ง
“เฮียไฟ หรือว่าพวกเราจะพาตัวหญิงสาวคนนี้ไปพร้อมกันด้วยเลย? ถึงอย่างไรหล่อนก็ใกล้จะเสียชีวิตแล้ว พวกเรากี่คนถือว่าทำความดีหน่อยแล้วกัน ช่วยให้เธอสดชื่น! สบายตัวขึ้นหน่อย! ”
“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่า เครื่องมือการแพทย์เครื่องนี้จะเยี่ยมยอดจริง ๆ ได้ยินว่าหญิงสาวคนนี้นอนรักษาตัวมานานเจ็ดปีแล้ว รูปลักษณ์หน้าตากลับไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย! ”
เส้นสายไฟบนเครื่องมือการแพทย์ ได้ถูกเด็กหนุ่มผมสีเหลืองสองคนถอดดึงออกทั้งหมดแล้ว
เย่อู๋เทียนพลันเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว
สวบบ!
ความโกรธแค้นอันรุนแรง ก็พุ่งทะยานขึ้นทันที!
“พวกแกกำลังทำอะไร? ”
เย่อู๋เทียนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยกมือขึ้นตบ
เปรี๊ยะ!
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มผมสีเหลืองทั้งสองคนก็ถูกตบจนกระเด็นลอยไปไกล ร่วงตกลงสู่พื้น ยากที่จะลุกขึ้นได้ในทันที!
ชายวัยกลางคนหัวล้านมองไปยังเย่อู๋เทียนที่อุ้มเด็กอยู่ ด้วยสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกตกใจ
“แกนี่มันเป็นผีใช่ไหม? แม้แต่เสียงการเคลื่อนไหวก็ไม่มีเลย! ”
เย่อู๋เทียนได้ใช้วิธีการพิเศษทำให้เย่จูนหลินหลับลึก
แบบนี้จะส่งผลดีต่อเขาในการฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ หากว่าไม่มีวิธีการเฉพาะในการที่จะเรียกปลุกเขาแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดที่สามารถรบกวนการนอนพักผ่อนของเย่จูนหลินได้
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เย่อู๋เทียนก็ยังคงนำตัวของเย่จูนหลินไปวางไว้บนโซฟาที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก
ชายวัยกลางคนหัวล้านเห็นว่าเย่อู๋เทียนมาลำพังคนเดียว และยังแสดงพฤติกรรมที่ไม่เกรงกลัวแบบนี้ จึงทำให้โกรธแค้นมากขึ้นไปอีก
“แกเป็นใครกันวะ? กล้าดีถึงขนาดมายุ่งวุ่นวายเรื่องของปู่หู! ”
“แกรู้ไหมว่าปู่หูเป็นใคร? เขาเป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลเย่ที่เจ้าบ้านตระกูลเย่ให้ความสำคัญมากที่สุด! ”
“หากว่าแกกล้าดีที่จะมายุ่งวุ่นวายล่ะก็ ไม่เพียงแต่ปู่หูจะฆ่าและสับแกจนแหลกเป็นชิ้น ๆ แล้ว! ตระกูลเย่จะก็จะไม่ปล่อยแกเอาไว้ด้วยเช่นกัน! ”
“เครื่องมือนี้ เป็นสิ่งที่เจ้าบ้านตระกูลเย่ต้องการใช้โดยด่วน! ”
เจ้าบ้านตระกูลเย่?
คิดไม่ถึงว่า เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเย่จินหลิงอีกแล้ว!
เย่อู๋เทียนแสดงสายตาที่เย็นยะเยือก แล้วก็ก้าวเดินเข้าไปที่ด้านหน้าของชายวัยกลางคนหัวล้านนั้น พร้อมกับยื่นมือออกไปบีบคอของเขา และค่อย ๆ ยกร่างขึ้น!
สองเท้าของชายวัยกลางคนหัวล้านค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้น ด้วยสีหน้าท่าทางโหดร้าย!
คิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อตกอยู่ในน้ำมือของชายที่เหมือนกับขอทานเบื้องหน้าคนนี้ ตนเองกลับไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับได้เลยแม้แต่น้อย!
ส่วนเด็กหนุ่มผมสีเหลืองสองคนเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ก็ตัวสั่นไปหมด ตกใจจนไม่กล้าที่จะถอนหายใจ!
ผ่านไปเพียงแค่สิบวินาที......
ชายวัยกลางคนหัวล้านราวกับว่าไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใดเลย!
“ฆ่า......ฆ่าคนแล้ว! ”
เด็กหนุ่มผมสีเหลืองสองคนอุทานเสียงดังขึ้น พร้อมกับวิ่งหัวซุกหัวซุนอย่างสุดชีวิตออกมาจากห้องผู้ป่วย
แต่ในขณะนั้นเอง เสียงหอบหายใจที่รุนแรง ก็ดังขึ้นมาจากเตียงผู้ป่วย
การที่ไม่มีเครื่องมือแพทย์ช่วยพยุงอาการ ทำให้ดัชนีชี้วัดในร่างกายของหญิงสาวที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น ลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว ความเป็นความตายอยู่ระหว่างช่วงพริบตาเดียวแล้ว!
เย่อู๋เทียนรับรู้ถึงเรื่องนี้ได้ จึงรีบปล่อยมือจากชายวัยกลางคนหัวล้านนั้น แล้วมุ่งหน้าไปยังเตียงผู้ป่วยทันที
ชายวัยกลางคนหัวล้านร่วงตกไปที่พื้น รู้สึกเพียงว่าทั่วทั้งร่างกายเป็นตะคริวไปหมด ไม่เหลือเรี่ยวแรงอะไรเลย
“แก......แกอย่าหนีไปไหนนะ! เรื่องนี้ยังไม่จบง่าย ๆ แน่! ”
ชายวัยกลางคนหัวล้านได้พูดข่มขู่อย่างโหดเหี้ยมต่อเย่อู๋เทียน แล้วก็กระโดดหลบหนีไปทางหน้าต่าง
เครื่องมือที่ใช้นั้น ก็คือกรงเหล็กที่ส่งผ่านลงมาจากทางดาดฟ้า
ชัดเจนว่า พวกเขาคิดที่จะใช้วิธีการนี้ เพื่อขโมยเครื่องมือการแพทย์เครื่องนี้ในห้องผู้ป่วย!
เย่อู๋เทียนไม่ได้ไปสนใจชายวัยกลางคนหัวล้านนั่น โดยเขาได้ใช้มือกุมลงไปที่ทรวงอกของหญิงสาวที่อยู่บนเตียงนั้น
ทั้งที่ไม่เห็นว่าเย่อู๋เทียนจะมีการเคลื่อนไหวพิเศษอะไรเลย แต่สีหน้าของหญิงสาวนั้น กลับค่อย ๆ ดูดีขึ้น เลขดัชนีชี้วัดในร่างกายแต่ละอย่าง ก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิม
มองไปยังใบหน้าที่งดงามอย่างไร้ที่ตินี้......
เย่อู๋เทียนไม่อยากที่จะเชื่อเลยว่า เธอนั้นไม่ใช่เสิ่นจูนอี๋!
แต่เพื่อที่จะยืนยันสถานะของเธอให้แน่ชัดมากขึ้น เขาลังเลใจเล็กน้อย แล้วก็เปลื้องเสื้อผู้ป่วยของเธอออก
เพราะว่า......
ไม่ว่าหญิงสาวคนนี้จะใช่คู่หมั้นของเย่อู๋เทียนหรือไม่นั้น
เย่อู๋เทียนต้องการเพียงแค่ หญิงสาวคนที่เคยเขียนบันทึกประจำวันกับเขา และเคารพรักในตัวเขาเท่านั้น
หากว่าหญิงสาวเบื้องหน้านี้คือคนนั้น
ถ้าอย่างนั้น บนหัวไหล่ของเธอจะต้องมีไฝแดงเล็ก ๆ อยู่หนึ่งเม็ด
ต่อให้เจ็ดปีผ่านไป......
ไฝแดงเม็ดนั้น ก็คงไม่มีทางที่จะสูญหายไปอย่างแน่นอน!