บทที่ 7 หลงกลฟางเหยียน
บทที่ 7 หลงกลฟางเหยียน
“ฟางเหยียน” คุณตาตะโกนออกมาด้วยเสียงเข้ม
ฟางเหยียนไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เดินเข้าไปหาจางฉี่เหาและพูดว่า “คุณตาครับ ถ้าเพื่อความสุขของชิงหยู่ละก็ คุณก็ไม่ควรบังคับให้เธอแต่งงานกับลู่หย่องถิง ผมทราบดี คุณต้องการแก้ปัญหาการเงินของตระกูลจาง เรื่องนี้จริงๆแล้วชิงหยู่สามารถแก้ปัญหาได้ ชิงหยู่มีวิธีการที่จะทำให้บริษัทของตระกูลจางมาร่วมมือได้”
“ฟางเหยียน” เย่ชิงหยู่คาดไม่ถึงว่าฟางเหยียนจะพูดประโยคนี้ออกมาก แต่ในใจลึกๆของหล่อนก็รู้สึกเกรงกลัวกับคุณตาที่เคร่งขรึมคนนี้
หล่อนได้คว้าแขนของฟางเหยียนไว้แน่น ส่ายหน้าและพูดเสียงต่ำว่า “ฉันเคยพูดกับเธอแล้วใช่ไหม ไม่ให้เธอพูดซี้ซั้วแบบนี้”
ในงานเลี้ยงรุ่นฟางเหยียนคุยโม้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่นึกไม่ถึงเลยว่าต่อหน้าคุณตาและต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้จะมาพูดแบบนี้ออกมา ทั้งหมดนี้เหมือนให้หล่อนกระโดดลงไปในกองไฟ หวงหยวนฉาวอะไรกัน หล่อนไม่เคยรู้จักมาก่อน คงไม่ต้องพูดถึงวิธีการลงทุนด้วยซ้ำ
“หืม ว่าอะไรนะ ชิงหยู่รู้ท่านหวงรึ” จางฉี่เหาสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
เขาแถมจะไม่รู้จักหวงหยวนฉาวเลย แล้วเย่ชิงหยู่จะรู้จักได้อย่างไร
ฟางเหยียนได้บีบมือของหล่อน หัวเราะพร้อมกับพูดว่า “เธอรับคำมาก่อน ว่าต่อจากนี้ให้ฉันจัดการ ”
ทั้งสายตาและคำพูด ไม่คิดว่าจะทำให้เย่ชิงหยู่รู้สึกเชื่อมั่น ทั้งๆที่รู้ว่าฟางเหยียนโกหก แต่หล่อนก็เลือกที่จะเชื่อ นี้ก็เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างนึง
“อืม อืม” แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ด้วยสายตาที่น่าเชื่อถือของฟางเหยียน คาดไม่ถึงว่าหล่อนจะตอบตกลงโดยไม่รู้ตัว
จางฉี่เหาแน่นิ่งไปพักหนึ่ง ถ้าสามารถทำให้หวงหยวนฉาวมาร่วมมือกันได้ ก็จะทำให้ตระกูลจางหมดความลำบาก ตระกูลจางก็จะลืมตาอ้าปากได้ ในทางกลับกัน ถ้าทำไม่ได้ สำหรับสถานการณ์ของตระกูลจางตอนนี้ก็ไม่ได้เกิดผลกระทบอะไร
ด้วยเหตุนี้เขาหรี่ตาและพูดขึ้นมาว่า “ชิงหยู่ นี่มันเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของตระกูลจางเราเลยนะ”
“คุณตา วางใจเถอะ ถ้าชิงหยู่ทำไม่ได้ ผมจะเป็นฝ่ายออกไปจากเมืองจินโจวเอง ถึงตอนนั้นเรื่องของชิงหยู่ คุณจัดการได้เลย” ฟางเหยียนไม่รอให้เย่ชิงหยู่ได้พูด เขาก็รีบตัดสินใจเลย
“ได้ ถ้านายสามารถทำให้ท่านหวงกับตงข่ายกรุ๊ปร่วมงานกันได้ ฉันก็จะยอมรับนาย ฉันจะจัดงานเลี้ยงที่เมืองจินโจวให้พวกเธอ ถ้านายทำไม่ได้ ถึงตอนนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจละกัน”
“ฉันให้เวลานายครึ่งเดือน”
เมื่อพูดจบจางฉี่เหาก็ได้ลุกออกจากห้องประชุม
ในระหว่างนั้นคนที่สมใจอยากก็ต้องเป็นจางไห่เฟิง เขามักจะถูกนับว่าเป็นทายาทเศรษฐี ตอนนี้ทั้งเมืองจินโจว ไม่มีใครรู้ว่าการลงทุนของหวงหยวนฉาวในครั้งนี้เป็นของตระกูลเซียว
ถ้ากล่าวถึงการเงินและอำนาจ ใครก็จะเทียบกับตระกูลเซียวได้ละ
สภาพการเงินของตระกูลจางในตอนนี้ อย่าได้พูดถึงการร่วมงานกับหวงหยวนฉาวเลย แค่งานเปิดตัวการลงทุนในครั้งนี้ก็เข้าไม่ได้ แน่นอนว่าครั้งนี้ เย่ชิงหยู่จะต้องไสหัวออกไปจากตระกูลจางแน่นอน
เขาหัวเราะและเดินมาข้างๆเย่ชิงหยู่ พูดว่า “น้องสาว อย่าหาว่าฉันไม่เตือนเธอนะ ครั้งนี้ที่ท่านหวงเข้ามาลงทุนในจินโจว ก็เพราะตระกูลเซียวให้เชิญมา จะว่าไปแล้ว การลงทุนครั้งนี้ก็เพื่อจะโชว์ให้คนอื่นเห็น จริงๆก็รู้กันอยู่แล้วจะต้องให้ตระกูลเซียว ยังไงเธอก็เตรียมตัวแต่งงานกับพี่ลู่เถอะ”
เมื่อกล่าวเช่นนั้น เขายกนิ้วโป้งให้ฟางเหยียน หัวเราะแล้วพูดว่า “ต้องขอบคุณนายจริงๆ ไม่ยอมเอาเงินห้าล้าน แต่จะยกภรรยาตัวเองให้ฟรีๆ”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็หัวเราะร่าเดินออกจากห้องประชุม
เย่ชิงหยู่รู้สึกความโง่เง่าเข้าครอบงำ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมตอบรับไปแบบนั้น
“ชิงหยู่ เธอรู้จักท่านหวงไหม” จางเจียวเจียวเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ในตอนนั้นเองเย่ชิงหยู่ก็รู้สึกตัวขึ้นมา หล่อนส่ายหน้าและตอบว่า “ไม่ ไม่รู้จัก”
“ไม่รู้จักแล้วเธอไปรับคำเขาทำไม” จางเจียวเจียวถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะเชื่อ
เธอรีบหันไปถามฟางเหยียนทันที “ฟางเหยียน จะทำยังไงต่อละ”
ฟางเหยียนตอบด้วยมั่นใจว่า “วางใจเถอะ ปล่อยให้ฟ้าลิขิต”
เย่ชิงหยู่นิ่งไปชั่วครู่ และพูดด้วยความโกรธว่า “จะปล่อยให้ฟ้าลิขิตอย่างนั้นหรือ เมื่อกี้นายเป็นคนรับคำ ฉันไม่ได้รู้จักกับหวงหยวนฉาวเลย นายนี่จริงๆเลย ไม่ใช่ฉันบอกนายแล้วหรอ ว่าอย่าพูดซี้ซั้วอะไรแบบนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก” ฟางเหยียนเอามือแตะบนไหล่ของหล่อน และยังหัวเราะกับหล่อนอีกด้วย
“เธอ........” เย่ชิงหยู่สีหน้าดูกระสับกระส่าย ฟางเหยียนทำเกินไปแล้ว มาถึงขนาดนี้แล้ว เขายังจะหัวเราะได้อีก
หล่อนผลักฟางเหยียนออก แล้วเดินออกจากห้องประชุมไป
จางเจียวเจียวชี้ไปที่ฟางเหยียน “จริงๆเลย เจ้าเด็กคนนี้”
หล่อนกระทืบเท้าและเดินตามไป
เมื่อเห็นสองคนนั้นเดินออกไป ฟางเหยียนก็หยิบมือถือออกมาก และโทรหาเทียนขุย
“เทียนขุย มีเรื่องจะให้นายไปจัดการ”
“ถึงแม้ว่าจอมพลโผ้จวินจะสั่งเสียไว้ แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องฝ่าฟันอุปสรรค ไม่ย่อท้อต่อปัญหา”
“ฉันอยากจะให้นายไปพบกับหวงหยวนฉาว ขอให้เขาช่วยฉันเรื่องนึง ตอนนี้ฉันไม่สะดวกไปพบหน้าใคร”
...
ห้าวันต่อมา ในงานลงทุนของหวงหยวนฉาว
เย่ชิงหยู่ตื่นนอนแต่เช้า ช่วงสองสามวันนี้หล่อนเหมือนจะสับสนกับความรู้สึกตนเอง ไม่ต้องพูดถึงว่าจะพบหวงหยวนฉาวเลย แม้แต่บัตรเชิญเข้างานสักใบยังไม่มีเลย แต่ฟางเหยียน พูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเขาจะจัดการเอง หลายวันมานี้เขาทำเหมือนคนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องนี้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ เขาก็ยังนอนหลับอยู่บนโซฟาเหมือนเดิม
ความจริงแล้วหล่อนก็ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้าจากไหนมาเชื่อฟางเหยียน
ตอนที่เย่ชิงหยู่กระสับกระส่ายครุ่นคิดอยู่นั้น ฟางเหยียนก็ตื่นมาพอดี พอเห็นฟางเหยียนตื่นขึ้นมา เย่ชิงหยู่ก็ได้กอดเอาความหวังครั้งสุดท้ายเดินไปถามว่า“ฟางเหยียน วันนี้เป็นงานลงทุนของหวงหยวนฉาว นายคิดออกหรือยังว่าจะทำยังไง”
จริงๆแล้วหล่อนก็รู้ดี ถามไปก็ไม่มีประโยชน์ จากความพยายามไม่กี่วันที่ผ่านมา หล่อนได้ยินข่าวร้ายว่า บัตรเชิญได้ถูกกำหนดตั้งแต่แรกแล้ว มีเพียงนักธุรกิจพันล้านเท่านั้นที่จะได้รับบัตรเชิญนี้ มีเงินก็ซื้อไม่ได้
ฟางเหยียนไม่เพียงแต่จะเป็นทหาร ชอบคุยโวโอ้อวดก็เป็นนิสัยเดิมของเขาอยู่แล้ว ในตอนวัยเด็ก มีนิสัยไม่ต่างจากเรื่องเล่านิทานสมัยก่อนเลย ชอบคุยโวว่าตัวเองอยู่บ้านหลังใหญ่มหึมา หรือได้พบเจอสิ่งแปลกใหม่มหัศจรรย์อยู่เสมอ
ช่วงวัยเด็กของหล่อนมีนิสัยเชื่อคนง่าย โตขึ้นมาเลยไม่หลงเชื่อกับคำพูดเขา แต่ครั้งนี้ หล่อนได้เกิดความสับสนขึ้นมาจริงๆ
ในการประชุมของครอบครัว หล่อนไม่ควรตอบรับคำกับคุณตา
“นี้ๆ น้องสาว เธอยังไม่ออกไปอีกหรือ วันนี้เป็นงานลงทุนของหวงหยวนฉาวนะ” จางไห่เฟิงเดินหัวเราะจากหน้าประตูเข้ามา
เย่ชิงหยู่นิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง จางไห่เฟิงมักจะเสแสร้งเป็นคนดี ไม่ได้หวังดีอะไรหรอก
แต่ตอนอยู่ต่อหน้าเขา ไม่อยากจะก้มหัวให้สักเท่าไหร่ พอก้มหัวให้ เขาก็เหมือนได้ใจทุกที
ดังนั้นหล่อนจึงตอบแบบขึงขังว่า “ฉันรู้แล้ว พวกเรากำลังจะไป”
จางไห่เฟิงปรบมือพร้อมกับหัวเราะว่า “น้องสาว ถึงตอนนี้แล้ว เธอยังจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือ”
“เธอคิดว่าที่ผ่านมาเธอทำอะไรแล้วฉันจะไม่รู้อย่างนั้นหรือ คงหาบัตรเชิญมาไม่ได้สินะ ทำไมถึงต้องไปหาคนอื่นไม่มาเอาที่พี่ชายเธอละ ฉันมีอยู่ที่ตัวนะ” จางไห่เฟิงพูดพร้อมเอามือตบกระเป๋าเบาๆ
เย่ชิงหยู่นิ่งไป แล้วถามขึ้นมาว่า “เธอมีจริงๆหรอ”
พอหล่อนถามเสร็จก็รู้ทันทีว่าโดนหลอกแล้ว
จางไห่เฟิงหัวเราะอย่างสะใจ เขาชี้ไปที่เย่ชิงหยู่แล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอไม่มีบัตรเชิญ ต่อให้ไปในงานลงทุนของท่านหวงก็เข้าไม่ได้อยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมาร่วมมือกันด้วยซ้ำ ฉันแนะนำเธอนะ ให้รีบแต่งงานเป็นคุณหญิงของประธานลู่เถอะ ฮ่าๆๆ”
“แล้วใครบอกว่าพวกเราไม่มีบัตรเชิญละ” ทันใดนั้นฟางเหยียนก็พูดแทรกขึ้นมา
เย่ชิงหยู่หันไปมองฟางเหยียนอย่างประหลาดใจ ฟางเหยียนไม่รีรอที่จะหยิบบัตรเชิญสีทองสองใบออกมาจากกระเป๋า จางไห่เฟิงถึงกับต้องยิ้มค้าง
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นายคิดว่าจะทำบัตรเชิญปลอมนี้ขึ้นมา แล้วฉันจะเชื่ออย่างนั้นหรอ”
ฟางเหยียนหัวเราะและพูดต่อว่า “จะของจริงหรือของปลอม นายก็ตัดสินไม่ได้หรอก เพราะว่านายก็ไม่เคยเห็นบัตรเชิญยังไงล่ะ”
“นาย.......” จางไห่เฟิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ที่จริงเขาก็ไม่เคยเห็นบัตรเชิญมาก่อน
ฟางเหยียนไม่ได้สนใจเขา แล้วหันไปจับมือของเย่ชิงหยู่และพูดขึ้นว่า “ไปกันเถอะ ที่รัก”
จางไห่เฟิงนิ่งไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าที่ฟางเหยียนพูดไม่ได้เป็นการล้อเล่น แต่เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี ฟางเหยียนคิดว่าเขาเป็นใคร ถึงได้รับบัตรเชิญ บัตรเชิญได้ถูกเชิญไปก่อนหน้านี้แล้ว แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหก ฟางเหยียนต้องเล่นอะไรตบตาแน่นอน
“รอก่อน” จางไห่เฟิงได้ตะโกนออกมา