5
“...” อรอินพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ถ้าเขาเลือกทรัพย์สมบัติ ข้าวของ เงินทอง เขายอมแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ยอมมีลูก ยอมจดทะเบียน แสดงว่าเขาไม่ได้รักแกจริง ถ้าเขารักแกจริง เขาต้องจับมือแกเอาไว้แน่น ๆ ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน พิสูจน์ตัวเองให้คุณปู่เห็นว่าแกดีจริง ไม่ใช่ให้แกอยู่ในความลับ แอบมาลักลอบได้เสียกัน แล้วพอแกท้องก็ยังไม่ยอมบอกใคร ๆ ว่าแกคือเมีย”
“ฉันเจ็บจัง” อรอินกุมอกด้านซ้ายแล้วสะอื้น
“ฉันขอโทษที่ต้องพูดให้แกได้สติ ตั้งแต่ฉันรู้ว่าแกคบหากับนายปกอะไรนั่น ฉันก็รอวันที่แกจะสละโสด ใส่ชุดเจ้าสาวสวย ๆ แล้วเอ่ยปากให้ฉันไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว แต่จนแล้วจนรอดฉันก็ไม่เห็นมันสักที พี่ปกของแกไปไหนมาไหนคนเดียว ทำตัวโสด บางทีก็มีสาว ๆ มาเกาะแกะ ทั้ง ๆ ที่เขามีแกอยู่ทั้งคน แกต้องตัดสินใจแล้วนะอรว่าแกจะอยู่ในความลับต่อไปโดยยอมให้เขาแต่งงานกับหญิงอื่น หรือแกจะเดินออกมา”
“ฉันสับสน” อรอินมองเพื่อนด้วยดวงตาแดงก่ำ
“เขายอมคราวนี้ คราวต่อไปก็ต้องยอมอีกหากคุณปู่เรียกร้องอะไรมากกว่านี้ แกควรออกมายืนหยัดได้ด้วยตัวเอง เป็นผู้หญิงที่มีคุณค่าไม่ใช่เครื่องบำเรอกามของใคร”
“วาด” อรอินเรียกเพื่อนอย่างตกใจ
“ขอโทษที่ต้องพูดแรง ๆ แบบนี้แต่ฉันอยากดึงสติแกดีกว่าถล้ำลึกให้เขาเห็นเป็นของตายอยู่แบบนี้”
สติ... กว่าจะได้สติก็เพิ่งรู้ว่าเอาแต่ทำทุกอย่างเพื่อเขา ยอมเขาทุกอย่าง เขาชี้นกเป็นนก เขาชี้ไม้เป็นไม้ อ่อนหวาน เอาใจ ตามใจสารพัด เธอไม่เคยขัดใจเขาเลย แม้ตัวเองไม่อยากทำก็ต้องทำเพราะคำว่ารักคำเดียว
“ฉันขอตั้งสติก่อนได้ไหม ฉันกำลังสับสน ฉันรักพี่ปกมาก” เธอยอมรับว่าถึงตอนนี้ก็ยังรักเขาอยู่มาก เพราะเขาเป็นผู้ชายคนแรก คนเดียวที่เธอรัก ตลอดระยะเวลา เขาดีกับเธอมาก ๆ มันก็ทำให้เธอหลงรักเขาได้ไม่ยาก
“ฉันรู้ แต่ฉันจะทำให้แกตาสว่างขึ้น มากับฉันสิ” ปานวาดให้คนไปสืบเรื่องของปกมาอย่างละเอียด อีกฝ่ายกำลังจะแต่งงาน เลยไปลองชุดกันวันนี้
เธอมีเงินเลยไม่ยากนักที่จะตามสืบเรื่องของใคร เธออยากให้เพื่อนตาสว่างเสียที
“จะไปไหนเหรอ” อรอินเอ่ยถามเพื่อน
“เดี๋ยวก็รู้เอง” ปานวาดดึงมือเพื่อนออกไปจากร้าน หลังจากที่จ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว
“แกพาฉันมาที่นี่ทำไม” อรอินเอ่ยถามเมื่อเพื่อนพามาที่ห้องเสื้อชื่อดัง
“หรือว่า” อรอินหัวใจเต้นรัวเร็ว มือเย็นเยียบไปหมด
“โน้นไง” ปานวาดพูดบุ้ยใบ้เข้าไปในร้าน ก็เป็นจังหวะที่ปกเดินออกมาพร้อมกับน่านฟ้า ว่าที่เจ้าสาวที่เขาจะแต่งานด้วย
“ฉันอยากให้แกตาสว่าง เมื่อคืนเขานอนกับแก แต่วันนี้กลับมาลองชุดแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น แกคิดว่ายังไงล่ะ”
“ฉัน” อรอินเซ รู้สึกหน้ามืดจะเป็นลม
“แกได้สติหรือยัง” ปานวาดเอ่ยถามเพื่อนรัก
“ฉันอยากกลับห้อง” ปานวาดรับร่างที่เซของเพื่อน มองใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่ายอย่างสงสาร
“แกโอเคไหม”
“ฉัน... ฉันโอเค” อรอินรวบรวมสติอันน้อยนิด แม้ว่าตอนนี้มันกำลังจะดับวูบลงไป
ม่านน้ำตาของเธอไหลริน เขาปฏิเสธลูก แต่ยิ้มหน้าบานมาลองชุดเจ้าบ่าวกับผู้หญิงอื่น
แล้วเธอล่ะยังจะโง่อยู่อีกเหรอ
คราแรกอยากกลับห้อง แต่พอคิดได้ว่าเธอต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องในวันนี้ ก็เดินอาด ๆ เข้าไปหาปกในทันที
ปานวาดรีบวิ่งตามไป เพราะเธอคิดว่าเพื่อนจะกลับ ไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะเดินเข้าไปหาปกแบบนั้น
แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย ฉันไม่อยากให้เพื่อนต้องตกอยู่ในสภาพเมียน้อยในอนาคต
“อร” ปกตกใจที่เห็นอรอินที่นี่ เขาเหลือบมองหญิงสาวอีกคนที่อรอินเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นเพื่อน
ปานวาดแน่ ๆ ที่พาอรอินมาที่นี่
“พี่ปกจะแต่งงานกับเธอเหรอคะ” อรอินถามขึ้น เป็นคำถามที่ปัญญาอ่อนที่สุดเท่าที่เธอเคยถามใครสักคน
รู้อยู่เต็มอกว่าเขาจะแต่งงานกัน เห็นคาตาว่าเขากำลังลองชุดแต่งงานด้วยกันอยู่
ก็ยังจะไปถาม!
บ้าจริงเชียว!
“กลับไปก่อนอร”
“ทำไมต้องกลับคะ อรเป็นเมียพี่ปก” ประโยคของอรอินทำให้ชายชราที่นั่งอยู่บนรถเข็นอีกด้านพูดเสียงเข้มขึ้นมาในทันที
“นึกว่าใคร ว่าที่คู่หมั้นกาฝากของตาปกนี่เอง” ปู่ปกรณ์เหยียดยิ้มด้วยสีหน้ารังเกียจ นั่นทำให้อรอินหน้าชา
“หนูเป็นเมียพี่ปกค่ะ” อรอินหันไปบอกชายชรา
“ถ้าเธอเป็นเมียตาปกจริง ผู้หญิงที่ขึ้นเตียงกับหลานชายของฉันก็คงเป็นเมียตาปกหมดนั่นแหละ ผู้หญิงไร้ค่ายอมขึ้นเตียงกับผู้ชายง่าย ๆ เพื่อจะจับเขา เพราะเห็นเขารวยน่ะ ไม่มีทางที่จะเป็นเมียเขาได้หรอก” ประโยคของปู่ปกรณ์ทำให้อรอินสะอึก
“คนที่จะเป็นหลานสะใภ้ของฉันก็คือน่านฟ้าเท่านั้น เขาดูแลฉันอย่างดี ถึงเขาจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่เขาก็เป็นคนดี ไม่เหมือนเธอ หน้าไม่อายมายืนประกาศปาว ๆ ว่าเป็นเมียเขา ไปได้กันตอนไหนไม่ทราบ