ตอนที่ 9 จับผิดท่านหมอ
ท่านอ๋องตกตะลึงกับใบหน้าที่เรียบเนียนดุจสตรีตรงหน้า หลี่เหยานั้นยังไม่รู้ตัวว่าผ้าผูกหน้าของนางหลุดไปแล้วเพราะนางสนใจแต่บาดแผลและรีบซับเลือดให้กับเขาทันที
“ขอประทานอภัยกระหม่อมเลินเล่อจนทำให้…”
ท่านอ๋องหันมาคว้ามือนางและจับให้หันมา เขาสบตานางอีกครั้งจนแน่ใจในตอนนี้นี่เอง แม้ว่าจะใช้เสียงทุ้มต่ำที่พยายามดัด แต่รูปร่างและผิวพรรณนี้เขามั่นใจว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่ผู้ชายแน่นอน
“เจ้า…หน้าของเจ้า…”
หลี่เหยาพึ่งจะรู้ตัวเอาตอนนี้ว่าผ้าผูกหน้าของนางหลุดออกไปเสียแล้วเมื่อเริ่มควานหาแต่ท่านอ๋องจับมันโยนทิ้ง
“ไม่ต้องใช้แล้ว เจ้ารีบทำแผลก่อนที่มันจะปริออกอีกรอบหนึ่งเถอะ”
“แต่ว่า…”
“หน้าเจ้าหรือแผลของข้าที่สำคัญกว่า”
“ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงอ่อยที่ลืมดัดนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจและฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย นางเป็นสตรีอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริง ๆ แต่ว่า..นางคือผู้ใดแล้วเหตุใดท่านหมอตงจึงได้ส่งนางมายังค่ายทหารแห่งนี้ หรือว่าหมอตงผู้เฒ่าเขาเองก็ไม่ทราบว่านางเป็นสตรีเช่นกัน ดังนั้นความลับนี้ก็มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้สินะ เช่นนั้นเขาก็จะช่วยนางปิดเป็นความลับ
“กระหม่อมจะเริ่ม…ตัดไหมอีกครั้ง คราวนี้หากว่าพระองค์เจ็บก็บอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำเจ้าตกใจอีกแล้ว”
หลี่เหยารู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อถูกคนตรงหน้าจ้องมองไม่ละสายตา อีกใจก็เกรงว่าเขาจะจับได้ว่านางเป็นผู้หญิงแต่เห็นว่าเขาไม่ว่าอะไรจึงได้รีบทำแผลต่อโดยพยายามจะไม่สนใจสายตาของท่านอ๋องที่ยังจ้องมองนางอยู่
“ตัดไหมเสร็จแล้ว กระหม่อมจะค่อย ๆ ดึงออกมาอาจจะ…อาจจะเจ็บเล็กน้อย”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบ”
หลี่เหยาไม่พูดอะไรหลังจากนั้น ทำเพียงก้มหน้าก้มตาทำแผลให้เขาต่อไปจนท่านอ๋องเป็นผู้ทำลายความเงียบ
“หลี่เหยา เจ้ารู้จักบ่อน้ำพุอุ่นในถ้ำบนเนินเขาหรือไม่”
“บะ บ่อน้ำพุหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ มันอยู่ในถ้ำบนเชิงเขา ข้ามักจะชอบไปที่นั่นแต่ตอนนี้ข้าบาดเจ็บและไม่ได้ขึ้นไปอาบน้ำที่นั่นแล้ว ที่นั่นค่อนข้างจะเงียบและไม่มีใครขึ้นไปเพราะเป็นเหมือนสถานที่ต้องห้ามสำหรับเหล่าทหาร”
“ไม่เคยทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาไว้เจ้าลองไปดูสิ ที่นั่นน่าจะมีสมุนไพรหายากเผื่อว่าเจ้าอยากจะทำยา”
“พ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
หลี่เหยาที่ฟังและกำลังคิดถึงบ่อน้ำพุในถ้ำที่ว่านั้นก็เผลอยิ้มออกมา นานแค่ไหนแล้วนะที่นางไม่ได้แช่น้ำเช่นนั้นหลังจากที่เดินทางมายังเมืองลู่โจวแห่งนี้
ส่วนอีกฝ่ายที่ลอบสังเกตท่าทีก็พยายามทำเป็นไม่สนใจเพราะที่เขาบอกไปก็เพื่ออยากจะพิสูจน์ หากว่านางไปจริง ๆ เขาก็จะมั่นใจได้ว่าสิ่งที่เขาคิดและเห็นไม่ผิดจากที่คิด
“เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ จากนี้เพียงแค่ใส่ยาตามเวลาก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องพันแผลพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ขอบใจเจ้ามากหลี่เหยา เจ้าไปพักผ่อนเถอะ”
หลี่เหยารีบเก็บของและออกไปด้วยอารมณ์ที่ดีกว่าทุกครั้ง เขาที่ลอบมองถึงกับแอบยิ้มออกมาอย่างเผลอตัวแต่ก็รีบหุบยิ้มทันทีเมื่อนึกถึงฟางอี้หลงและราชโองการหมั้นหมายที่เขาได้รับเมื่อครั้งก่อน
หากว่าผิดสัญญากับสกุลฟาง เรื่องระหว่างเขากับฟางอี้หลงจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่ แต่ว่าในยามนี้สายตาที่หลี่เหยามองอี้หลงก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรคงจะต้องพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ให้ได้เสียก่อน
“ขออย่าให้เป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้เลย หลี่เหยา”
คืนนั้น
หลี่เหยาค่อย ๆ เดินเลี่ยงออกมาหลังจากที่ทหารยามยอมปล่อยนางออกมาโดยอ้างว่าจะต้องไปเก็บยาสมุนไพรที่หลังเขาตามคำสั่งท่านอ๋อง ทหารในค่ายคุ้นเคยกับนางดีจึงเสนอตัวมาคุ้มกันแต่นางบอกเพียงว่านางไปเองจะสะดวกกว่าพวกเขาจึงกลับไปประจำการที่เดิม เมื่อนางเดินตามทางที่ท่านอ๋องบอก ไม่นานก็เห็นปากถ้ำที่อยู่ไม่ไกล
“ที่นี่เองหรือ ยอดไปเลย”
นางค่อย ๆ จุดตะเกียงและเดินเข้าไปตามเส้นทางและไม่นานก็เห็นแสงที่ส่องลงไปที่บ่อน้ำด้านในถ้ำ แสงจันทร์ที่ส่องลอดลงมายังบ่อน้ำทำให้สว่างจนไม่ต้องพึ่งพาแสงไฟทำให้หลีม่านตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
“งดงามยิ่งนัก น้ำนี่อุ่นมากเลย ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
นางค่อย ๆ หันไปมองแต่ที่นี่เงียบและไร้เสียงนางจึงค่อนข้างวางใจก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยผมลงมาและถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นจนเหลือเพียงชั้นในสีอ่อนด้านใน ทำเอาหัวใจผู้ที่ลอบมองอยู่เต้นกระตุกรุนแรงจนมือไม้สั่น
“ไม่จริง…นางเป็นผู้หญิงจริง ๆ ถ้าอย่างนั้น…นางชอบฟางอี้หลงงั้นหรือ”
เสียงเดินลงบ่อน้ำทำเอาหยางห่าวหรานกลืนน้ำลายลงคออย่างลืมตัวและต้องรีบหันหลบทันทีเพื่อมิให้นางจับได้ อีกทั้งใบหน้ายามต้องแสงจันทร์ของนางในยามนี้อาจจะทำให้เขาอยากจะเผยตัวออกจากที่ซ่อนเพื่อแสดงตัวให้นางรู้ว่าเขารู้ความลับของนาง แต่ก็ต้องยอมถอยออกมาและรอจนนางแช่น้ำจนพอใจและตามนางลงจากเขา
“นางเป็นสตรี แล้วเหตุใดจึงปกปิดความลับนี้เอาไว้ ท่านหมอตง….”
หลี่เหยายังคงมาทำแผลให้เขาทุกวันจนแผลหายสนิท แต่เขาก็อ้างหลากหลายเหตุผลให้นางมาทำแผลให้จนหลอกให้นางต้มยาเพื่อบำรุง
“ต้าเป่าต้มไม่ถูกวิธี ข้าเป็นแม่ทัพจำเป็นต้องบำรุงร่างกายให้ดี จากนี้เจ้าต้มมาให้ข้าดื่มเช้าเย็น”
แม้ว่าหลี่เหยาจะไม่ทราบสาเหตุแต่นางก็ไม่ได้ถาม ความสัมพันธ์ของนางกับคนในค่ายก็สนิทกันมากขึ้น ท่านอ๋องมักจะเห็นนางอยู่กับต้าเป่าและอี้หลงและทุกครั้งที่นางอยู่กับเขานางมักจะใช้สายตาที่เขามองแล้วต้องอิจฉาทุกครั้งจนเริ่มไม่พอใจ และลุกลามไปจนกระทั่งเป็นความหึงหวงโดยไม่รู้ตัว
“เช่นนั้นพวกท่านก็สามารถจัดการได้ในดาบเดียว ยอดจริง ๆ”
“ไม่ใช่ข้าคนเดียว ท่านอ๋องน่ะ”
“อะแฮ่ม!!”
“ท่านอ๋อง”
“พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่กระโจมนี้ นี่มิใช่กระโจมของหมอหลวงหรอกหรือ”
“กระหม่อมต้องรีบนำยาไปให้พวกทหารที่บาดเจ็บ ขอตัวพ่ะย่ะค่ะ”
ต้าเป่าเป็นคนแรกที่เอาตัวรอดไปได้ ส่วนอี้หลงที่กำลังช่วยนางบดยาอยู่นั้นยังไม่รู้ตัวว่าทำให้ท่านอ๋องไม่พอพระทัยอยู่ เขายังหันไปถามหลี่เหยา
“บดเช่นนี้ทุกวันมือของเจ้าคงแตกหมดแน่”
“พี่อี้หลงกล่าวเกินไปแล้วข้าก็มิได้...”
“อี้หลง!”
“ท่านอ๋อง มีสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่เจ้าเป็นรองแม่ทัพของข้าหรือว่าเป็นผู้ช่วยหมอ”
“เอ่อ…กระหม่อม…”
“ข้าสั่งให้เจ้านำหน่วยลาดตระเวนออกไปรอบค่ายเจ้าทำหรือยัง”
“ยังพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้ อ้อหลี่เหยาข้าเห็นต้นเหวินลี่สีม่วงที่เจ้าบอกอยู่แถว ๆ เนินเขา ขากลับข้าจะแวะเก็บมาให้เจ้านะ”
“ขอบคุณพี่อี้หลงขอรับ”
“ข้าไปก่อนนะ”
สายตาที่ยิ้มให้อี้หลงผ่านผ้าปิดปากนั่นทำให้ท่านอ๋องนึกอยากจะกระชากตัวฟางอี้หลงและลากคอเขาออกไปจากค่ายเสียจริง ๆ นับตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหยาเป็นสตรีเขาก็แทบจะไม่อยากให้ผู้ใดเข้าใกล้นางและทำตัวสนิทสนม แม้แต่องครักษ์ข้างกายของเขาก็มักจะมาขลุกตัวกับนางบ่อย ๆ จนเขาเริ่มโมโห
“ดูเหมือนว่ากระโจมของหมอหลี่เหยาจะเนื้อหอมเสียจริงนะ ทั้งองครักษ์ของข้าและรองแม่ทัพข้างกายต่างก็ชอบมาที่นี่กันหมด”