บทที่ 4 พลอยพัตรา 1
บ้านหลังใหญ่กลางเมืองหลวงบนเนื้อที่กว่าสองไร่คือที่พำนักของครอบครัววงศ์วิวัฒน์ ตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่งของเมืองไทย ธุรกิจในมือมีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นโรงแรมทั้งในเมืองไทยและในฮ่องกง แล้วยังเป็นหุ้นส่วนอีกหลายธุรกิจ
เจ้าของบ้านมีนามว่าอัยการ อาศัยอยู่กับจิรวรรณหรือดวง พลอยพัตราหรือแพท ลูกสาวคนที่สอง และคนรับใช้อีกสามคน คนขับรถอีกหนึ่งคน แม้ว่าบ้านหลังนี้จะอยู่รวมกันแล้วเจ็ดคน ขาดสมาชิกหนึ่งคนที่ถูกไล่ออกจากบ้านไปเมื่อหกปีก่อน ที่ดูเหมือนว่าจะไม่กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีกตลอดชีวิต
พลอยพัตราลูกสาวคนที่สองของบ้าน เดินลงมาจากชั้นบนด้วยรอยยิ้มเพราะวันนี้มีแขกพิเศษมากินข้าวเที่ยงด้วย ซึ่งนานๆ ครั้งเขาจะมีเวลามาบ้านหลังนี้ ซึ่งครั้งเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือน
“วันนี้ลูกแม่แต่งตัวสวยมากเลยนะลูก ชุดใหม่ซะด้วย” จิรวรรณพูดกับลูกสาว
“ชุดนี้สั่งมาจากฝรั่งเศสค่ะ แค่สี่หมื่นกว่าๆ เองค่ะคุณแม่ ไหนๆ ก็สั่งแล้วแพทเลยสั่งมาสิบตัวค่ะ” คนเป็นลูกตอบมารดา ก่อนหันมาพูดกับบิดาแล้วหมุนตัว “คุณพ่อคะ แพทสวยไหมคะ”
อัยการละสายตาจากมือถือ เงยหน้ามองบุตรสาวแล้วตอบ
“สวยจ้ะ ลูกพ่อสวยที่สุดเลย” คนถูกชมเดินมานั่งใกล้ร่างบิดา
“คุณพ่อขา วันเกิดปีนี้พลอยอยากได้บีเอ็มซีรี่แปดค่ะ คุณพ่อซื้อให้พลอยได้ไหมคะ” พลอยพัตรากอดร่างบิดาแล้วอ้อนเป็นเด็กๆ
“ได้สิ อยากได้ก็สั่งเลย” อัยการไม่เคยขัดลูกสาวคนนี้ ขออะไรได้หมด พูดอะไรก็ฟังและเชื่อทุกอย่าง ต่างกับลูกอีกคนที่เลี้ยงดูตามหน้าที่ มอบความรักให้น้อยนิด
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” พลอยพัตรายิ้มกว้างหอมแก้มอัยการ จิรวรรณยิ้มเมื่อเห็นความรักที่สามีมีต่อบุตรสาว การสนทนาของสามพ่อแม่ลูกหยุดลงเมื่อร่างสูงใหญ่ของภาคินทร์เดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับกระเช้าผลไม้
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” นายแพทย์หนุ่มอนาคตไกลพนมมือไหว้บิดามารดาคนรัก
“สวัสดีธาม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะลูก” อัยการทักทายคนรักลูกสาวกลับ “ไม่ต้องมีของฝากก็ได้นะ มาแต่ตัวลุงก็ดีใจแล้ว”
“ไม่เหนือบ่ากว่าแรงครับ อีกอย่างผมเต็มใจซื้อมาฝากคุณลุงคุณป้าด้วยครับ” ภาคินทร์กล่าวอย่างนอบน้อม
“หิวหรือยัง ไปกินข้าวกันดีกว่านะ วันนี้ป้าให้แม่ครัวทำกับข้าวของโปรดธามด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากหรือเปล่า” จิรวรรณเอ่ยขึ้น นางให้อุบล แม่ครัวของบ้านจัดทำอาหารตามที่พลอยพัตราบอก ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นอาหารที่ภาคินทร์ชอบกินทั้งสิ้น
“ผมกินง่ายครับ กินได้ทุกอย่าง”
“จริงค่ะคุณพ่อคุณแม่ พี่ธามกินง่ายมากๆ พี่ธามเล่าให้แพทฟังว่า ตอนเข้าไปออกค่าอาสาบนดอย คนบนนั้นผัดเผ็ดงูเห่าให้กิน ไหนจะกบและเขียดอีก แต่ละอย่างแพทกินไม่ลง” พลอยพัตราเล่า
“แต่พ่อว่าอาหารแบบนี้ก็อร่อยดีนะ อีกอย่างมันก็เป็นวิถีชีวิตของเขาด้วย ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก” อัยการพูดอย่างคนเข้าใจโลก
“ใช่ครับ มันเป็นวิถีชีวิตของเขา หมูไก่และเนื้อสัตว์อื่นๆ หายากเพราะต้องลงมาซื้อข้างล่าง ใช้เวลาเดินทางนานหลายชั่วโมง พวกงู กบจึงเป็นอาหารที่พวกเขาหากินได้ง่าย มันไม่แปลกสำหรับพวกเขาครับ แต่ผมชอบนะ มันอร่อยดี” ภาคินทร์พูดเพิ่มเติม
“ลุงว่าไปกินข้าวกันดีกว่านะ กินร้อนๆ อร่อยดี” อัยการเชื้อเชิญแขกพิเศษของบ้าน ทุกคนจึงย้ายที่กันไปยังห้องกินข้าวที่แยกเป็นสัดส่วน
ทั้งสี่นั่งกินข้าวและพูดคุยกันอย่างออกรส ภาคินทร์กับพลอยพัตราเจอกันครั้งแรกเมื่อแปดเดือนก่อน วันนี้ทั้งคู่ไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อน ภาคินทร์เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ส่วนพลอยพัตราเป็นเพื่อนเจ้าสาว ภาคินทร์ถูกใจในความสวย เมื่อได้พูดคุยก็รู้สึกว่า เข้ากันได้ เขาจึงเดินหน้าจีบพลอยพัตรา และอีกสองเดือนต่อมาทั้งคู่ตกลงเป็นคนรักกัน
สำหรับพลอยพัตราแม้ว่าจะมีอดีตที่ไม่ดีนัก เป็นสาวรักสนุก ไม่หวงเนื้อหวงตัว และไม่เคยรักใครจริง จนกระทั่งมาเจอภาคินทร์ เธอรักเขาตั้งแต่แรกเห็น ความคิดอยากปรับเปลี่ยนตัวเองก็เกิดขึ้นในหัว เธอหยุดการกระทำที่เรียกว่า มั่ว ไม่คบผู้ชายคนไหนซ้อน ไม่ยุ่งกับชายใด และมีอีกเรื่องที่ทำคือ เธอทำรีแพร์เพื่อให้ตนเองกลับมาเป็นสาวอีกครั้ง เพื่อเขาในคืนแต่งงาน
“อาทิตย์หน้าวันเกิดแพท ธามว่างไหมลูก” อัยการถามชายหนุ่มที่คิดว่าต้องเป็นลูกเขยในอนาคตแน่นอน เพราะพลอยพัตราไม่เคยพาผู้ชายคนไหนมาแนะนำให้ตนกับภรรยารู้จักในฐานะคนรัก ภาคินทร์เป็นคนแรก
“ผมทำตัวว่างไว้ล่วงหน้าแล้วครับ” ภาคินทร์ตอบ พลอยพัตรายิ้มดีใจที่คนรักให้ความสำคัญตน “สรุปว่าจัดงานที่บ้านใช่ไหมครับ”
“ไม่นะ ลุงว่าจัดที่โรงแรมสะดวกกว่า” แขกที่มาในงานนอกจากเป็นเพื่อนของพลอยพัตรา ยังมีญาติทางเขาอีกหลายคน แม้ว่าสนามหญ้าภายในบ้านจะรองรับแขกเหรื่อได้ แต่ก็คงไม่สะดวกเท่าโรงแรมที่จัดทุกอย่างให้พร้อมสรรพ ขอแค่มีเงินจ่ายแค่นั้น “จัดที่โรงแรมพอเสร็จงานก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ถ้าจัดที่นี่กว่าจะเก็บของเสร็จก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง อีกอย่างลุงเกรงใจคนรอบบ้านด้วย กลัวว่าเสียงเพลง เสียงต่างๆ จะรบกวนข้างบ้าน กลัวว่าจะทะเลาะกันด้วย”
“มันก็จริงนะครับ งานแบบนี้เป็นงานส่วนตัว บางทีคนข้างบ้านอาจไม่อยากร่วมงานกับเรา” ภาคินทร์เห็นด้วย “ว่าแต่จัดที่โรงแรมไหนครับ”
“มิราเคิลค่ะพี่ธาม” พลอยพัตราเป็นคนตอบ “พี่ธามคะ เดี๋ยวเราไปโชว์รูมรถกันนะคะ พลอยจะไปจองรถค่ะ”
“ได้สิครับ” ภาคินทร์ไม่ขัด ตามใจคนรักทุกอย่าง อัยการกับจิรวรรณมองดูสองคนรักที่ต่างฝ่ายต่างเอาใจใส่กัน ผลัดกันตักอาหารใส่จานของอีกคน พร้อมกับพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม ขณะนั้นอัยการนึกถึงลูกสาวอีกคนขึ้นมา การเปรียบเทียบระหว่างลูกทั้งสองคนจึงเกิดขึ้น
ลูกคนโตท้องไม่มีพ่อ...ทำให้อับอายขายหน้า นำความอัปยศมาสู่ครอบครัว
ลูกคนเล็กมีแต่เรื่องให้ชื่นใจ...ทำงานเก่งนิสัยดี ไม่ทำตัวเหลวแหลกให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
ความรักที่คนเป็นพ่อมีต่อลูก จึงเทให้พลอยพัตราทั้งใจ
ภาวิตเดินหน้าเปื้อนยิ้มลงมาจากชั้นบนของบ้าน ก่อนผิวปากอย่างอารมณ์ดี คนสองคนที่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของบ้านมองลูกชายคนเล็กด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน
“อารมณ์ดีแบบนี้จะไปหาเกรซล่ะสิ” ภูษิต ผู้เป็นบิดาถามลูกชายอย่างรู้ทัน
“คุณพ่อรู้ใจผมจริงๆ ครับ”
“กลับมาจากเมืองนอกแทนที่จะอยู่กับพ่อกับแม่ นี่อะไรดันไปหาผู้หญิงมีพันธะคนนั้น แกคิดอะไรของแกอยู่ภาม ผู้หญิงดีๆ มีชาติตระกูลที่แม่หามาให้ไม่สนใจ ดันไปสนใจผู้หญิงที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับแกเลยสักนิด” ภูรดาต่อว่าบุตรชายตัวดีอย่างอารมณ์เสีย ยิ่งนึกถึงต้นเหตุด้วยแล้ว อารมณ์ดูหงุดหงิดมากขึ้น ตอนที่รู้ว่า ภาวิตไปติดพันแม่ม่ายลูกติด นางโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมาก สั่งห้ามลูกชายเด็ดขาดว่า อย่ายุ่งเกี่ยว ตัดความสัมพันธ์ไปเลยยิ่งดี
“ก็ผมรักของผม” ภาวิตตอบมารดา ทรุดกายนั่งข้างนางแล้วกอดอย่างเอาใจ “ถ้าคุณแม่รู้จักเกรซ คุณแม่จะเปลี่ยนความคิด เกรซมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นเมียและแม่ของลูก”
“แกน่ะรักมันจนหน้ามืดตาลาย สมองตีบตันจนคิดอะไรไม่ได้ ถ้าคุณสมบัติครบถ้วนจริงจะเป็นม่ายได้ยังไง ผัวมันก็ต้องรักต้องหลง ต้องดูแลสิ เลิกกันทำไมล่ะ” คนคิดในทางไม่ดีต่อให้ภาวิตพูดอย่างไรก็ยังคงคิดเช่นเดิม นางเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“โธ่คุณแม่ครับ ให้โอกาสเกรซหน่อยสิครับ คุณแม่ลองเจอเกรซสักครั้ง รับรองคุณแม่ต้องเปลี่ยนใจ” ภาวิตอยากให้มารดาเปิดโอกาสให้ตนพาชมพลอยมาแนะนำให้รู้จัก ทว่าคนเป็นแม่ใจแข็งไม่ยอมท่าเดียว “นะครับคุณแม่ ให้ผมพาเกรซมาหาคุณแม่นะครับ”
“ไม่ ยังไงก็ไม่ แม่ไม่ยอมรับมันหรอก ต่อให้โลกแตกก็ไม่ยอม”
“คุณนี่นะ ลูกรักใครก็รักตามสิ ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่นะ” ส่วนสามีนั้นไม่ขัดเรื่องนี้ เขาคิดว่า คนเรามีอดีตด้วยกันทุกคน และเริ่มต้นใหม่ได้ทุกคนเช่นกัน “อีกอย่างคุณยังไม่รู้จักเกรซดีพอก็อย่าเพิ่งไปตัดสินใจว่าเกรซเป็นยังไง อดีตของเกรซเราก็ไม่รู้ ทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าไหม”
ภูรดาค้อนสามีที่พูดเข้าข้างลูกชายคนเล็ก
“ใครจะยอมรับหรืออยากได้เป็นสะใภ้ก็เชิญค่ะ แต่ฉันไม่ ยังไงก็ไม่ ไม่ ไม่ ไม่”
พูดจบภูรดาก็ลุกเดินไปทันที ภาวิตถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ถ้าภูรดายอมทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าไม่ยอมความรักของเขาก็คงไม่สมหวัง
“ผมจะทำยังไงดีครับคุณพ่อ คุณแม่ไม่ยอมท่าเดียวเลย”
“แกก็ต้องให้เวลาแม่บ้าง แกก็รู้นี่ว่า แม่เป็นคนยังไง เจ้ายศเจ้าอย่างขนาดไหน รักหน้าตัวเองเป็นที่สุด แม่คงรับไม่ได้ที่แกไปชอบแม่ม่ายลูกติด” คนเป็นพ่อพูดเป็นกลาง “รอให้เกรซรับรักแกก่อนดีไหมแล้วค่อยคิดว่าจะเอายังไงกันต่อ”
ประโยคหลังนี้หมายความว่า ภาวิตรักชมพลอย แม่ม่ายลูกสองฝ่ายเดียว ตามจีบมานานห้าเดือนเธอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรับรักตอบ ทว่าภาวิตไม่ย่อท้อ ตามจีบเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วหวังว่าสักวันเธอจะใจอ่อนมอบหัวใจให้ตน
“ผมไม่มีวันยอมแพ้แน่นอนครับคุณพ่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณแม่หรือว่าเรื่องเกรซ ผมจะทำให้สองเรื่องนี้ลงเอยด้วยดีให้ได้ครับ” ภาวิตพูดอย่างมั่นใจ
“พ่อเอาใจช่วยแกนะภาม ขอให้แกสมหวังเหมือนพี่ธาม”
เรื่องความรักของภาคินทร์ คนเป็นพ่อไม่เป็นห่วง เนื่องจากผู้หญิงที่จะมาเป็นลูกสะใภ้คนโตผ่านเกณฑ์ภูรดาทุกอย่าง
“ขอบคุณครับคุณพ่อ ผมไปก่อนนะครับ คิดถึงเกรซจะแย่อยู่แล้ว” ภูษิตพยักหน้า ตบบ่าลูกชายคนเล็กเบาๆ ภาวิตเดินยิ้มออกไปจากบ้าน วันนี้เขาจะได้เห็นชมพลอย ผู้หญิงที่ปักใจรักตั้งแต่แรกเห็น โดยไม่สนใจอดีตของเธอว่า จะผ่านการมีสามีมาแล้ว
สำหรับภาวิต...รักคือรัก รักอย่างไม่มีเงื่อนไข
ทางด้านภูรดาเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องนอน นางทรุดนั่งบนเตียง ใบหน้าส่อให้เห็นถึงความเครียดและความไม่พอใจ นึกถึงหญิงสาวที่ภาวิตหลงรัก นึกถึงทั้งที่ยังไม่เห็นหน้า แต่ไม่ว่าจะสวยมากแค่ไหน นิสัยดีมากเพียงไร นางไม่มีวันยอมให้มาเป็นสะใภ้ของตนแน่
“ฉันจะต้องกำจัดแกออกไปจากชีวิตภาม” คิดได้ดังนั้น นางหยิบมือถือของตนออกมากดโทรออก เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของใครบางคน เพื่อทำบางอย่าง เมื่อปลายทางตอบรับการทำงานการสนทนาจึงหยุดลง นางยิ้มเหี้ยมขณะมองมือถือ
“แกเสร็จฉันแน่...นังเกรซ”
จิรวรรณก้าวเดินเข้ามาในห้องทำงานบุตรสาวด้วยรอยยิ้ม วันนี้นางไม่ได้มาหาพลอยพัตราตัวเปล่า ยังซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมราคาเกือบสองแสนสองใบมาด้วย และยังมีของราคาแพงอีกหลายอย่างที่ซื้อรวมๆ ราคาแล้วเกือบหนึ่งล้านบาท
“คุณแม่หอบของมาแบบนี้ไม่ได้เอารถมาใช่ไหมคะ” พลอยพัตราละจากงานที่ทำ เดินมาหาคนเป็นแม่ที่นั่งบนโซฟา
“ใช่จ้ะ แม่ขี้เกียจขับ น้าหมายก็ขับรถให้คุณพ่อ แม่เลยนั่งแท็กซี่ไปชอปปิ้งแทน ซื้อเสร็จก็มาหาลูกจะได้กลับบ้านพร้อมกัน” จิรวรรณตอบบุตรสาว “แม่ซื้อกระเป๋ามาให้แพทด้วยนะลูก แม่เห็นว่ามันสวยดีเลยซื้อมาให้”