บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

แคทเธอรีน เลขาฯ ประจำหน้าห้องของไทเรลล์ต้องเลิกคิ้วที่อยู่เหนือแว่นตาหนาเตอะขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลเดินออกไปจากห้องของเจ้านายตัวเอง

“คุณหมอจะรับพนักงานใหม่เหรอคะ” หล่อนจึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

“เปล่าหรอก ผมก็แค่เรียกคุณสมควรมาคุยเรื่องของพนักงานทำความสะอาดเมื่อเช้านี้น่ะ ชื่ออะไรนะ ผมลืม...”

“งามระยับค่ะ”

“นั่นแหละ เรื่องของงามระยับ”

น้ำเสียงของไทเรลล์ราบเรียบ แต่แคทเธอรีนเลขาฯ ที่เป็นคนของมารดาของไทเรลล์อดที่จะสงสัยต่อไม่ได้

“ว่าแต่คุณหมอเรียกผู้จัดการมาคุยเรื่องแม่งามระยับทำไมล่ะคะ หรือว่าจะไล่ออก โทษฐานที่วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือมาชนคุณหมอ”

ศีรษะทุยได้รูปสวยของไทเรลล์ส่ายเล็กน้อย และเผยรอยยิ้มให้กับคู่สนทนาเมื่อตอบออกมา

“ไม่ใช่หรอก”

“อ้าว แล้วเรียกมาทำไมคะ...” แคทเธอรีนยังไม่หยุดสงสัย

“ผมแค่สั่งไม่ให้คุณสมควรตัดเบี้ยขยันของงามระยับน่ะ เธอไม่ใช่คนผิด ผมเป็นคนเดินไปขวางทางของเธอเอง”

“คุณหมอ?”

แคทเธอรีนเบิกตากว้างไม่เห็นด้วย รู้อยู่ว่าไทเรลล์เป็นคนใจดี แต่ก็ไม่ควรจะใจดีพร่ำเพรื่อแบบนี้

“ผมทำผิดหรือคุณแคท”

“ก็...ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่ไม่ควรใจดีกับพนักงานแบบนี้ อีกหน่อยก็คงจะมาสายกันทั้งโรงพยาบาลหรอกค่ะ”

“ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เรื่องไหนควรผ่อนปรน เรื่องไหนควรตึง ไม่อย่างนั้นผมคงบริหารที่นี่ไม่ได้หรอก จริงไหมคุณแคท”

“เอ่อ...”

แคทเธอรีนหน้าเจื่อน เมื่อถูกไทเรลล์ต่อว่าด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลแต่เจ็บไม่น้อย

“แล้วหวังว่าเรื่องนี้คุณแม่ผมคงจะไม่ทราบนะครับ”

“เอ่อ...”

“ผมรู้ว่าคุณรายงานท่านทุกอย่าง แต่ถ้าผมสั่งว่าอย่าพูด คุณก็ต้องไม่พูด เพราะผมเป็นนายจ้างสายตรงของคุณ และผมก็เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้คุณ ใช่ไหมครับคุณแคท”

แคทเธอรีนไม่มีทางเลือก จำต้องตอบรับด้วยการตกลง “ค่ะ คุณหมอ”

ไทเรลล์ระบายยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยถาม “ว่าแต่คุณมีอะไรกับผมหรือ ถึงเข้ามาหาน่ะ”

“เอ่อ มีบริษัทยาจะมาเสนอขายยาตัวใหม่ค่ะ แคทก็เลย...”

“ให้ทำเอกสารยื่นเรื่องเข้ามา แล้วนัดประชุมกับคุณหมอท่านอื่นด้วย”

“ค่ะ คุณหมอ”

“ทำตามที่ผมบอกก็แล้วกัน”

แคทเธอรีนยิ้มเจื่อนๆ ตลอดเวลา ก่อนจะค่อยๆ ถอยหลังและก้าวออกไปจากห้องทำงานของไทเรลล์เงียบๆ

คนตัวโตที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ เขาอึดอัดไม่น้อยที่มารดาซื้อตัวพนักงานใกล้ชิดของเขาเอาไว้ทุกคน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อท่านคือบุพการี

ปากกาด้ามทองในมือหมุนไปมา ก่อนที่ริมฝีปากหยักสวยจะระบายยิ้ม เมื่อนึกถึงดวงตากลมโตของแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้นยามที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นเขา

“ฉันรู้ว่าเงินสำคัญกับเธอมาก ดังนั้นฉันไม่ทำให้เธอสูญเสียรายได้เพราะความต้องการของฉันหรอก”

เขาระบายยิ้มมากขึ้น เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองยืนอยู่ที่ซอกเสา ปากของเขาคุยกับแคทเธอรีนเรื่องงาน แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างเล็กที่วิ่งกระหืดกระหอบมุ่งหน้าไปยังเครื่องสแกนบัตรตลอดเวลา และเมื่อหล่อนมาถึง เขาก็ตัดสินใจก้าวไปขวางหน้าเอาไว้ ร่างเล็กปะทะมาเต็มแรง เขาตั้งใจจะคว้าหล่อนเอาไว้ในอ้อมแขน แต่ไม่ทัน หล่อนจึงร่วงลงไปกองกับพื้น และน่าจะเจ็บมาก เขาขอโทษขอโพยหล่อนอยู่ในใจหลายครั้ง

ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืน เดินไปหยุดที่หน้าต่างที่เป็นกระจกใส มองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก

กี่ปีมาแล้วนะที่เขาเฝ้ามองหล่อนทุกฝีก้าว กี่ปีมาแล้วนะที่เขาต้องละสายตาจากงานในมือยามที่รถเคลื่อนผ่านป้ายรถเมล์เพื่อมองหล่อน ผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกสดใสทุกเช้าที่ได้มองเห็น

งามระยับไม่ได้สวยเด่น แต่หล่อนมีเอกลักษณ์ประจำตัวที่ทำให้เขาหยุดมองไม่ได้เลย

อาจเป็นลักยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากทั้งสองข้างของหล่อน หรือไม่ก็คงเป็นดวงตากลมโตที่มักจะเบิกกว้างตื่นเต้นกับสิ่งรอบๆ ตัวเสมอ หรือไม่งั้นก็คงเป็นริมฝีปากอวบอิ่มที่ทุกคนอาจจะมองว่าหนาเกินไป แต่สำหรับเขาเรียวปากคู่นั้นช่างน่าบดขยี้เป็นที่สุด

รอยยิ้มพึงพอใจระบายบนหน้าหล่อจัดของไทเรลล์ เมื่อในหัวเต็มไปด้วยภาพของงามระยับมากมาย

“ฉันต้องพยายามมากสักแค่ไหนกันนะ ถึงจะมีความกล้าพอที่จะจีบเธอ แม่สาวขี้งก”

“งาม เย็นนี้ไปเป็นเด็กปั๊มอีกหรือเปล่า” เสียงเรียกของเพื่อนร่วมงานทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาขัดอ่างล้างหน้าในห้องน้ำหญิงอยู่เงยขึ้นและหันไปมอง

“ไปสิ มีอะไรหรือเปล่ารส”

รสรินเพื่อนวัยเดียวกันกับหล่อนเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

“ก็ว่าจะชวนไปกินหมูกระทะด้วยกันสักหน่อย”

“ขอโทษจริงๆ นะรส ฉันไม่ว่างจริงๆ น่ะ”

งามระยับขอโทษขอโพยเพื่อนและก็ยังไม่หยุดมือที่ทำงานตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว

“ทำไมต้องทำงานหนักแบบนี้นะงาม เงินเดือนแม่บ้านอย่างเราไม่พอใช้เหรอ แถมพ่อเธอก็ทำงานด้วยนี่นา”

คราวนี้มือที่ขัดอ่างล้างหน้าอยู่หยุดเคลื่อนไหว และหันมาตอบคนตั้งคำถาม

“ฉันชอบเงินน่ะ แค่ได้กลิ่นของมันฉันก็มีความสุขแล้ว”

“ตายไปก็เอาไปไม่ได้นะจ๊ะ”

งามระยับรู้ดีว่าคำพูดของเพื่อนมันคือเรื่องจริง แต่หล่อนหยุดไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าไม่มีเงิน หล่อนก็จะรู้สึกไม่ปลอดภัย

“ฉันรู้ แต่ถ้าไม่มีเงิน เวลาเจ็บป่วยไปจะทำยังไงล่ะ เราต้องเก็บเงินเอาไว้ยามฉุกเฉิน”

“ก็บัตรสามสิบบาทรักษาทุกโรคไงล่ะ ใช้ไปสิจ๊ะ”

“ต้องต่อคิวยาวเป็นปีๆ คงไม่ไหวหรอกรส ให้ฉันทำงานหนักแบบนี้น่ะดีแล้ว ฉันจะได้เก็บเงินเอาไว้ใช้ยามที่จำเป็น และไม่อยากจะไปหยิบยืมใครด้วย”

รสรินฟังเพื่อนพูดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ทุกคนที่ทำงานร่วมกับงามระยับจะรู้ดีว่างามระยับนั้นเค็มระดับมหาสมุทรเลยทีเดียว

“ก็เอาที่สบายใจแล้วกันนะงาม”

งามระยับระบายยิ้มบางๆ และหันไปขัดอ่างล้างหน้าต่อ เพราะยังไม่สะอาด

“แล้ววันนี้ไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกันหรือเปล่า หรือว่าห่อข้าวมาอีกล่ะ”

“ฉันห่อมาน่ะ”

“ไข่เจียวหรือปลากระป๋องล่ะวันนี้” รสรินเอ่ยถามอย่างรู้ทัน

งามระยับระบายยิ้มน้อยๆ “วันนี้ไข่ต้มจ้ะ แต่ฉันทำน้ำพริกป่นมาด้วย กินด้วยกันแซบหลาย”

รสรินพยักหน้ารับน้อยๆ “งั้นฉันไปกินข้าวที่โรงอาหารก่อนนะ เธอก็รีบพักล่ะ อย่าขยันให้มากนัก เพราะยังไงเงินเดือนก็เท่าเดิม”

“เดี๋ยวขัดนี่เสร็จก็ไปกินแล้วจ้ะ”

หล่อนตอบรสริน และตั้งหน้าตั้งตาขัดอ่างล้างหน้าจนสะอาดเอี่ยม จากนั้นก็เก็บข้าวเก็บของ พร้อมกับหยิบกล่องใส่ข้าวของตัวเองถือไปนั่งกินใต้พุ่มไม้ที่เดิม

“พี่นั่งด้วยคนสิงาม”

งามระยับหันไปทางเสียงเรียกก็เห็นว่าวศินยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง ในมือถือถุงใส่อาหารมาเยอะแยะเลยทีเดียว

“แหม ไม่เห็นต้องของามเลยค่ะ งามไม่ได้เป็นเจ้าของโต๊ะนี้สักหน่อย” หล่อนกระเซ้ากลับไป

วศินเวรเปลหนุ่มที่อยู่บ้านติดกันกับงามระยับทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หญิงสาวที่ตัวเองสนใจ และนำเสนออาหารที่ตัวเองซื้อติดมือมาให้กับหญิงสาวอย่างภาคภูมิใจ

“ของชอบของงามทั้งนั้นเลยนะเนี่ย”

กลิ่นของอาหารก็ทำให้งามระยับน้ำลายสอไม่น้อย แต่หล่อนก็อดที่จะเตือนวศินไม่ได้

“ทำไมสิ้นเปลื้องแบบนี้ล่ะคะ ซื้อมาเยอะแบบนี้พี่กินหมดเหรอ”

“ก็พี่ซื้อมาเผื่องามด้วยไงครับ”

“ถึงงามจะกินด้วย แต่ก็ไม่หมดหรอกค่ะ” งามระยับมองอาหารตรงหน้าอย่างเสียดาย

“กว่าเราจะทำงานได้เงินแต่ละบาท เหงื่อแทบไหลออกหมดตัว แถมยังต้องถูกโขกสับอีกไม่รู้กี่ครั้ง งามไม่อยากให้พี่วศินต้องเอาเงินมาละลายกับของกินพวกนี้ค่ะ เรากินแบบพอเพียงดีกว่า”

“พี่ก็แค่...อยากให้งามกินของดีๆ บ้าง ไม่ใช่แค่ไข่กับปลากระป๋องน่ะ”

หล่อนเข้าใจวศิน แต่ก็ยังอดรู้สึกแย่ไม่ได้อยู่ดี เพราะเสียดายเงินที่วศินจ่ายไป

“ซื้อมาแค่อย่างเดียวก็พอนะคะ อย่าซื้อมาเยอะแบบนี้อีก”

วศินระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นมือมากุมมือเล็กของงามระยับที่วางนิ่งอยู่

“ถ้าเป็นความต้องการของงาม พี่วศินคนนี้ยินดีทำให้ได้เสมอครับ”

งามระยับยิ้มน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของวศิน

“ดีมากค่ะที่เชื่อฟังน้อง” หล่อนหัวเราะร่วน ก่อนจะตักอาหารใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย

วศินจ้องมองงามระยับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย ถึงเขาจะยังไม่เคยสารภาพออกไปตรงๆ ว่าชอบงามระยับ แต่เขาคิดว่าหล่อนน่าจะพอรู้บ้างแหละว่าเขาคิดยังไง

“กินเยอะๆ นะงาม จะได้มีแรงทำงาน”

“ค่ะ พี่วศินก็กินด้วยสิคะ”

งามระยับพูดทั้งๆ ที่มีอาหารอัดแน่นอยู่เต็มปาก หล่อนตักอาหารใส่จานให้กับวศินผู้เป็นเจ้ามืออย่างเอาใจ และก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย

ในขณะที่สองหนุ่มสาวกำลังพูดคุยหยอกล้อและกินข้าวกลางวันกันอยู่ใต้ต้นหูกวางนั้น ไทเรลล์ที่กำลังจะเดินไปยังโรงอาหารก็อดที่จะชะงักเท้าและหยุดมองภาพนั้นไม่ได้

แม้จะเคยเห็นจนชินตาแล้วกับภาพของหนุ่มเวรเปลคนนี้กับงามระยับ แต่เขาก็ทำใจให้ชาชินไม่ได้เสียที เพราะเป็นผู้ชายด้วยกันทำไมจะดูไม่ออกว่าไอ้หนุ่มวัยยี่สิบปลายๆ คนนั้นคิดยังไงกับผู้หญิงที่เขาหมายตาเอาไว้

กรามแกร่งที่มีไรหนวดขึ้นพองามขบกันเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตัดใจ หยุดมอง และเดินไปจากตรงนั้นโดยเร็วที่สุด

เขาภาวนาให้งามระยับคิดกับผู้ชายคนนั้นเพียงแค่พี่น้องกันเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นมดแดงแฝงพวงมะม่วงเช่นเขาก็จะต้องอกหักอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่แท้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel