7 คนอย่างฉันพูดจริงทำจริง
“ผมคงไม่หลงกลคุณเหมือนนายไตรหรอก ที่จะจ้างให้คุณไปอยู่ด้วยก็แค่ชั่วคราวพอนายไตรฟื้นเมื่อไหร่ก็เลิกจ้างตกลงไหมล่ะ”
“ฉันว่าคุณกับน้องของคุณระแวงเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวมองว่ามันไร้สาระมากเลยแกล้งเรียกเงินเขาไปมากถึงห้าหมื่น
“อะไรที่ทำแล้วน้องผมสบายใจผมก็จะทำตกลงคุณจะไปกับผมไหมล่ะ”
“ถ้าคุณให้ฉันห้าหมื่นฉันก็ตกลง”
ที่กานต์ชิสายอมรับข้อเสนอของเขมณัฏฐ์ไปเพราะกลัวว่าชายหนุ่มและน้องสาวจะไปยุ่งวุ่นวายกับกานต์สิชาที่ร้านเบเกอรี่ แต่ถ้าหากหญิงสาวยอมไปกับผู้ชายคนนี้พี่สาวของเธอก็จะได้เปิดร้านตามปกติและตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้ทำงานอะไรการไปอยู่กับเขาระหว่างที่รอให้ไตรภพฟื้นมันก็คงไม่น่าเสียหายเท่าไหร่อีกอย่างกานต์ชิสาก็รู้สึกว่าเขาจะเป็นรักแรกพบสำหรับเธอ
จังหวัดที่เขาบอกน่าจะอยู่ทางภาคเหนือซึ่งถือเธอจะรู้มาว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ค่อนข้างเยอะมาก เธอคงสนุกมากแน่ๆ ถ้าจะได้ไปอยู่ที่นั่นก็จะได้ไปเที่ยวโดยมีเงินเดือนใช้ด้วย
“อย่าคิดช้านะคะ ฉันอาจจะเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ” หญิงสาวสาวพูดกระตุ้นเพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นต่อ
“ตกลงก็ได้ห้าหมื่นพรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณที่ร้านเบเกอรี่” เขารีบตกลงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจอย่างที่พูด
“คุณจะไปรับฉันที่นั่นไม่ได้”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่อยากให้ใครรู้นี่ว่าฉันไปกับคุณเอาเป็นว่าฉันจะรอคุณที่ไหนพรุ่งนี้ฉันจะส่งพิกัดให้คุณก็แล้วกันนะ”
“ก็ได้ผมหวังว่าคุณคงไม่ให้ผมรอเก้อ”
“คนอย่างฉันพูดจริงทำจริงค่ะ ขอตัวก่อนนะคะขอบคุณสำหรับกาแฟค่ะ”
เมื่อคุยกับเขมณัฏฐ์เสร็จแล้วกานต์ชิสาก็รีบกลับมาที่บ้านเธอเก็บของใช้ส่วนตัวที่มีไม่มากกับเสื้อผ้าอีกไม่กี่ชุดลงกระเป๋าเป้เตรียมสำหรับเดินทางไปอยู่ที่บ้านของผู้ชายที่ชื่อเขมณัฏฐ์ในวันพรุ่งนี้
“เค้กทำอะไรอยู่มากินได้แล้วเดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก”
“แป๊บหนึ่งค่ะพี่ครีม” หญิงสาวเก็บของใช้ชิ้นสุดท้ายลงกระเป๋าเป้จากนั้นก็เดินออกมาจากห้องนอนและตรงไปยังห้องครัวที่อยู่ถัดออก
“โอ้โหราดหน้าทะเลของโปรดเค้กเลยค่ะ”
“ของโปรดก็ต้องกินเยอะๆ นะเราน่ะผอมไปแล้ว”
“ผอมที่ไหนพี่ครีมแบบนี้เขาเรียกหุ่นนางแบบต่างหากล่ะ”
“ถ้าไม่พอก็ตักเพิ่มนะเค้ก พี่ทำไว้เยอะเลย”
“ขอบคุณค่ะพี่ครีมกับข้าวฝีมือพี่ครีมอร่อยมากที่สุดเลยค่ะ”
“พูดแบบนี้แล้วกับข้าวที่พ่อทำไม่อร่อยเหรอ”
“พักหลังพ่อไม่ค่อยทำแล้วค่ะ เรามีพ่อครัวที่เป็นคนไทยพ่อเลยดูอยู่ห่างๆ”
“เค้กมาทำงานที่เมืองไทยแบบนี้พ่อไม่บ่นแย่เหรอ”
“ก็มีบ่นบ้างค่ะแต่เค้กไม่ฟัง”
“เราเนี่ยนะเมื่อไหร่จะโตสักที”
“เราอายุเท่ากันนะคะพี่ครีมถ้าเค้กไม่โตพี่ครีมก็ไม่โต”
“พี่ไม่ได้หมายถึงอายุพี่หมายถึงความคิด เค้กชอบคิดอะไรเป็นเด็กๆ เห็นอะไรเป็นเรื่องสนุกไปหมด แล้วเมื่อกี้หายเข้าไปในห้องนอนตั้งนานมัวไปทำอะไรอยู่”
“เค้กกำลังจะบอกพี่ครีมอยู่เลยค่ะ เค้กจะไปเที่ยวกับเพื่อน”
“เพื่อนที่ไหนล่ะ”
“ก็เพื่อนที่นัดเจอกันวันนี้ค่ะเขามาเที่ยวเมืองไทยแล้วก็จะแบคแพคไปเรื่อยๆ”
“แบบนี้มันจะอันตรายหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะเราไปกันหลายคน”
“แต่พี่เป็นห่วงยังไงต้องโทรหาบ่อยอย่าเงียบหายไปถ้าติดต่อไม่ได้หลายวันพี่จะแจ้งความคนหาย”
“อย่าทำแบบนั้นนะคะพี่ครีม”
“ทำไมละหรือคิดจะหายไปนานๆ ถึงกลัว”
“เปล่าแต่เค้กอายค่ะ เค้กแค่ไปเที่ยวกับเพื่อนนะคะเพื่อนกลุ่มนี้เราเที่ยวด้วยกันตอนอยู่ที่อังกฤษค่ะ”
“ถ้างั้นก็อย่าหายไปนานพี่เป็นห่วง”
“ไม่หายไปหรอกค่ะ พี่ครีมอยู่ทางนี้ก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ถ้ามีอะไรผิดปกติก็โทรหาเค้กหรือไม่ก็โทรแจ้งตำรวจแล้วก็อย่าไปเยี่ยมคุณไตรภพเขานะคะ เดี๋ยวเมียเขาจะไม่พอใจอีก” กานต์ชิสากลัวพี่สาวจะถูกเขมิกาต่อว่าหรือทำอันตรายเพราะถ้าเป็นแบบนั้นพี่สาวของเธอคงสู้ไม่ไหวแน่ๆ
“ทำไมพี่จะไปเยี่ยมไม่ได้ล่ะถ้าพี่ไม่ไปเยี่ยมเขาพี่จะรู้ได้ยังไงว่าเขาฟื้นขึ้นมาหรือยัง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เค้กบอกพี่ชายของคุณเขมิกาไว้แล้วว่าถ้าหากคุณไตรภพฟื้นให้โทรบอกด้วยเพราะเรามีเรื่องจะต้องคุยกันต่อหน้าเขา อีกอย่างตอนนี้ดูเหมือน เมียเขาก็สั่งห้ามเยี่ยมด้วย”
“ถ้าทางนั้นติดต่อมาเค้กต้องรีบบอกพี่เลยนะ พี่อยากจะคุยกับคุณไตรภพทุกอย่างมันจะได้จบจริงๆ”
“ได้ค่ะถ้าเขาติดต่อมาเค้กจะรีบบอกพี่ทันทีเลย แต่พี่ครีมช่วยบอกกับนิได้ไหมว่าอย่าไปเยี่ยมคุณไตรภพเพราะเมียของเขาคอยจับตาดูอยู่ถ้าไม่อยากถูกจับได้”
“เดี๋ยวพี่จะบอกให้นะ” กานต์สิชารับปากน้องสาวไปอย่างนั้นแต่ไม่รู้ว่าถ้าหากบอกชลนิภาไปแล้ว หญิงสาวจะฟังเขาหรือเปล่าเพราะดูเหมือนเธอก็เป็นห่วงคุณไตรภพมากๆ เหมือนกัน
“แล้วพรุ่งนี้เค้กจะไปกี่โมง”
“คงเป็นช่วงบ่ายๆ ค่ะ”
“พาเพื่อนมาเจอพี่หน่อยได้ไหมล่ะ ที่อยากจะคุยกับเขา”
“ไม่ได้หรอกค่ะพี่เราไปกันหลายคน เค้กไม่อยากให้พวกเขาเสียเวลา”
“งั้นให้พี่ไปส่งเค้กขึ้นรถดีไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ครีมทำงานเถอะ พี่อย่าทำเหมือนเค้กเป็นเด็ก หน่อยเลย”
“ก็พี่เป็นห่วงเค้ก”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ เค้กเอาตัวรอดได้ เค้กนั่นแหละที่ต้องห่วงพี่ครีมอยู่ที่ร้านก็ระวังตัวเองด้วยนะ ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็โทรแจ้งตำรวจก่อนเลย เค้กกลัวว่าคุณเขมิกาเขาจะมาป่วนที่ร้าน”
“ไม่หรอกน่าเพราะดีผ่านมาเขาก็ไม่เคยมาที่ร้าน”
“เค้กก็หวังว่าเขาจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับพี่นะคะ” หญิงสาวพูดแล้วทำเป็นก้มหน้าทานราดหน้าไปด้วยเธอกลัวว่าพี่สาวฝาแฝดจะเห็นแววตาของเธอที่กำลังซ่อนอะไรไว้
ครั้งนี้เธอจะต้องเดินทางไปกับเขมณัฏฐ์ทั้งที่เธอเพิ่งเจอได้แค่สองครั้ง แต่คนอย่างกานต์ชิสาไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว การได้ออกไปทำอะไรแบบนี้มันก็เหมือนการได้เที่ยวได้พักผ่อนก่อนที่เธอจะกลับมาทำงานอย่างเต็มที่
กานต์ชิสาเรียนจบปริญญาโททางด้านจิตวิทยาและสมัครเข้าทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตำแหน่งนักจิตวิทยาซึ่งการทำงานแบบนี้บางครั้งก็ต้องการแรงบันดาลใจและการได้ออกไปตามสถานที่แปลกใหม่มันก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและได้แรงบันดาลใจมากขึ้น
เนื่องจากทุกครั้งที่คุยกับคุณไข้ก็มักจะมีแต่เรื่องเครียดเข้ามาในหัว การได้ออกไปเคลียร์ตัวเองก่อนจะเริ่มงานมันเป็นเรื่องที่ดี
หญิงสาวคิดว่าคงใช้ระยะเวลาไม่นานเพราะเธอให้รุ่นพี่คนหนึ่งที่เคยเรียนกับเธอที่อังกฤษสอบถามไปทางโรงพยาบาลแล้วทางนั้นแจ้งว่าตอนนี้สมองของไตรภพยุบบวมแล้วและคาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ชายหนุ่มน่าจะฟื้นขึ้นมาส่วนเรื่องจะจำอะไรได้หรือเปล่านั้นก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีหลังจากที่คนไข้ตื่นขึ้นมาแล้ว
กานต์ชิสาได้แต่ภาวนาให้ไตรภพพื้นขึ้นมาแล้วจำทุกอย่างได้ เธออยากให้เรื่องเข้าใจผิดพวกนี้จะได้จบลง เธอไม่ชอบเลยที่พี่สาวยอมทนให้เขาเข้าใจผิดแบบนี้ แม้จะเป็นฝาแฝดแต่นิสัยของกานต์ชิสาและกานต์สิชาก็ต่างกันมาก อาจเป็นเพราะการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน
กานต์สิชาอยู่กับมารดาที่มีจิตใจอ่อนโยนอะลุ่มอล่วยส่วนเธออยู่กับบิดาที่เป็นคนค่อนข้างตัดสินใจอะไรเด็ดขาด ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลอะไรที่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ถ้าหากเธอบอกเรื่องนี้กับบิดาท่านจะต้องโมโหและบินกลับจัดการเรื่องนี้อย่างแน่นอน