บทที่9
อรมองตามรถของเพื่อนลูกชายจนลับตาก็เดินกลับเข้าบ้าน นางมองนามบัตรที่หญิงสาวคราวลูกให้ไว้แล้วแย้มยิ้มอย่างพอใจ
อุบัติเหตุและอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับบุตรชาย ทำให้คนเป็นแม่มีความวิตกกังวลไม่น้อย เมื่อผ่านไปหลายวันแล้วอนันตยศไม่ฟื้นเสียที นางก็ทนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ จึงไปหาหมอดูชื่อดังคนหนึ่ง
หมอดูนั่งทางในแล้วบอกว่า...ที่บุตรชายของนางไม่ฟื้นเสียที ก็เพราะดวงจิตของอนันตยศกำลังหลงใหลหญิงสาวคนหนึ่งอย่างหัวปักหัวปำ จนไม่ยอมกลับเข้าร่าง
วิธีเดียวที่จะทำให้ฟื้นก็คือ...ต้องให้ผู้หญิงคนนั้นช่วยนำทางวิญญาณกลับคืนร่าง และต้องทำโดยเร็วที่สุด
ตอนแรกอรยังสองจิตสองใจว่าผู้หญิงคนที่หมอดูบอกเป็นใคร แต่เมื่อนางนึกย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่อนันตยศประสบอุบัติเหตุ ก็สะดุดใจเรื่องหนึ่ง
หลายครั้งที่บุตรชายนอนกระสับกระส่าย และละเมอชื่อใครบางคนออกมา ตอนแรกที่ได้ยิน อรแปลกใจและแปลกหู จนกระทั่งได้เจอกับรุ่นน้องสาวที่ทำงานบริษัทเดียวกับบุตรชายครั้งแรก เมื่อหล่อนแนะนำตัวว่าชื่อ นีรา และคนอื่นๆ เรียกหล่อนว่า นี
นางก็สะกิดใจ
ยิ่งครั้งหลังๆ ที่ไปหาหมอดูเพื่อหาทางช่วยให้บุตรชายฟื้น อรยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงที่อนันตยศหลงใหลจนไม่ยอมฟื้น น่าจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...นีรา
เพียงแต่อรไม่เข้าใจว่าทำไมบุตรชายถึงเฝ้าหลงใหลนีราแทนที่จะเป็นแฟนตนเอง
เมื่อครู่อรถึงซักไซ้ถามโน่นนี่กับหญิงสาว ก็พบว่า...หล่อนกับบุตรชายของนางไม่ได้สนิทสนมกัน แค่เพียงรู้จักกันในฐานะเพื่อนร่วมงานเท่านั้น ถึงอย่างนั้นนางก็มีความหวังเพียงอย่างเดียว คือ อยากให้บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนฟื้น
นั่นเอง...อรจึงชักชวนให้นีรามาเที่ยวบ้าน
แต่อรยอมรับอยู่ข้อหนึ่งว่า...นางถูกใจในตัวนีราไม่น้อย ไม่ว่าจะหน้าตา หรือกิริยามารยาท อย่างน้อยก็ชอบมากกว่าผู้หญิงที่บุตรชายเลือกมาเป็นแฟน แถมยังเป็นต้นเหตุให้บุตรชายประสบอุบัติเหตุ
ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล อรจึงไม่ยอมให้เข้าเยี่ยม แต่กับนีรา นางถึงกับชวนมาที่บ้าน ทั้งยังคิดวางแผนต่อด้วยว่า จะขอให้นีรามาช่วยดูแลอนันตยศคืนวันศุกร์หน้า
เพราะอรจะต้องไปงานแต่งงานของบุตรสาวเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนของนาง
นลธวัชพานีราไปส่งที่อพาร์ตเมนต์ตามที่ตกปากรับคำไว้ นีรายกมือไหว้ขอบคุณหนุ่มรุ่นพี่แล้วจึงกล่าวลาคนเป็นเพื่อน
“เจอกันพรุ่งนี้นะแก”
“จ้า”
“ไปนะนี ท่าทางรถเริ่มเยอะแล้ว เดี๋ยวภัทรจะถึงบ้านดึก” นลธวัชบอกเสียงขึงขัง ทว่าภัทรากลับหน้าแดง
นีราได้แต่ยิ้มตอบ...ทั้งที่แอบตอบในใจ
‘พี่นลกลัวภัทรจะถึงบ้านดึก...หรือกลัวจะมีเวลาอยู่กับภัทรน้อยกันแน่’
โบกมือลาแล้วหล่อนก็เดินขึ้นห้องพัก วันนี้นีรารู้สึกว่าหัวใจพองโตด้วยความหวัง หล่อนไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม...มารดาของอนันตยศน่าจะเอ็นดูหล่อนไม่น้อย ถึงกับชวนให้ไปเที่ยวที่บ้าน ให้ไปช่วยทำขนม
นีราดีใจเหลือเกินที่รู้ว่า บ้านของรุ่นพี่หนุ่มที่แอบรัก อยู่ใกล้อพาร์ตเมนต์หล่อนแค่นี้เอง ถ้าหล่อนจะหาเรื่องเข้าไปหาไปเยี่ยมก็คงไม่แปลกแล้วกระมัง
อนันตยศก็ไม่ได้สติ ไม่รู้สึกตัว เขาคงไม่รู้สึกว่าผิดปกติหรอกน่า เขาฟื้นเมื่อไร ก็ค่อยว่ากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดเขาแล้ว
นีราไขกุญแจเข้าห้อง ถอดรองเท้าวางกระเป๋าเรียบร้อย ก็หยิบเสื้อยืดสายเดี่ยวตัวเล็กกับกางเกงขาสั้นผ้าเนื้อนิ่มจากตู้เสื้อผ้าแล้วหายเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกครั้งหล่อนก็อยู่ในชุดลำลองสบายๆ
วันนี้นับว่าหล่อนกลับมาถึงห้องไว แม้ว่าจะแวะไปเยี่ยมอนันตยศมาแล้วก็ตาม จึงพอมีเวลาพักผ่อนหย่อนใจบ้าง ไม่ต้องรีบอาบน้ำเข้านอนเหมือนทุกที นีราหยิบนิยายที่อ่านค้างขึ้นมาพลิกหาหน้าที่คั่นไว้ แต่อ่านไปได้ไม่เท่าไร...ตัวหนังสือตรงหน้าก็เริ่มเลือนรางไปทีละนิด กระทั่งทนฝืนไม่ไหว...หญิงสาวก็ผล็อยหลับไปไม่รู้ตัว
กระทั่งความรู้สึกวูบวาบแปลกๆ ก่อตัวขึ้น นีราพยายามปรือเปลือกตาหนักอึ้ง ทว่าเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างหู
“อย่าเพิ่งตื่นสินี หลับตา...หลับไปเรื่อยๆ อยู่ในความฝันกับพี่ก่อน”
เสียงคุ้นหูทำให้สมองนีราวิ่งวนด้วยพยายามคิดให้ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน เสียงเดิมบอกอีกครั้ง
“นั่นแหละ ดีแล้ว...หลับแล้วก็ตื่นขึ้นมาในความฝัน พี่รอนีอยู่”
นีราจึงปล่อยตัวเองดำดิ่งสู่นิทรา...แล้วปล่อยใจไปกับฝันที่เปิดประตูทักทายเมื่อหล่อนลืมตาขึ้น...อีกครั้ง
และเมื่อลืมตา...หญิงสาวก็แทบไม่เชื่อสายตา
คนที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงชะโงกมองเหนือร่างของหล่อนคือเจ้าของร่างสูงใหญ่กำยำ...คนที่หล่อนเพิ่งไปเยี่ยมมาเมื่อเย็นนั่นเอง
“พี่ยักษ์!”
รุ่นพี่ตัวโตยิ้มให้หล่อน
“ใช่ พี่เอง”
“พี่ยักษ์มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ก็พี่ยักษ์...” ทันทีที่คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจนีราหล่นวูบ “หรือว่าพี่ยักษ์...”
“พี่ยังไม่ตาย ไม่ต้องตกใจกลัว พี่ก็ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น แต่พอรู้สึกตัวพี่ก็มาอยู่ที่นี่กับนีแล้ว”
“อะไรนะคะ” หล่อนร้อง
“พี่รู้ว่าพี่ประสบอุบัติเหตุ แล้วพอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่ห้องนี้”
“เดี๋ยว” นีราส่ายหน้า ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นี่หล่อนกำลังฝันไม่ใช่เหรอ...แต่ทำไมมันเหมือนจริง
เหมือนอนันตยศมาอยู่ตรงหน้าจริงๆ
