บทที่ 4
บทที่ 4
หวงจิงอวี๋นั่งทอดถอนใจอยู่บนเรือที่ลอยลำกลับจากการสู้รบกับแคว้นศัตรู แม้จะนำชัยชนะกลับมาให้เสด็จพี่และปกป้องแผ่นดินบ้านเกิดได้สำเร็จ แต่ในใจของเขากลับไม่มีความยินดี เบื้องหน้าคือทัศนียภาพของแผ่นดินบ้านเกิดที่เขาเคยรักและคุ้นเคย แสงอาทิตย์อัสดงสาดส่องลงบนท้องทะเลและแผ่นดิน ทำให้เกิดภาพที่งดงามและสงบสุข ทว่าในใจของหวงจิงอวี๋กลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความเศร้าหมอง
หวงจิงอวี๋กำลังนั่งทอดถอนใจอยู่บนกาบด้านหน้าของเรือ
แม้จะกำชัยชนะกลับมาให้เสด็จพี่ของตน แต่กลับไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกยินดีนัก
เพราะการเอาชนะเมืองแถบนี้เป็นเรื่องที่แคว้นของเขาสามารถทำได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้หากส่งบรรณาการ เสด็จพี่ของเขาก็จะไม่ทำอะไรเหล่าเมืองเล็กเมืองน้อย
นั่นมันเป็นเรื่องก่อนที่มเหสีของเสด็จพี่จะถูกสังหาร เหล่าขุนนางที่รับเงินและถูกหลอกว่าหากจัดการกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ลงได้จะได้รับบัลลังก์เป็นสิ่งตอบแทน
คนเหล่านั้นไม่มีทั้งหัวคิดและความสามารถ อาศัยยามที่เสด็จพี่ไปออกศึกจัดการทุกคนที่เสด็จพี่ของเขารัก หวงจิงอวี๋รู้ดีว่านี้เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของพี่ชาย แต่เขาก็ช่วยเหลืออะไรมากไม่ได้ คนตายก็ได้ตายไปแล้ว
การจากไปของมเหสีและะรัชทายาทที่รักทำให้หวงตี้ที่ยังคงมีใจเมตตาอยู่บ้างแปรเปลี่ยนไป เพราะรู้ถึงสาเหตุจึงไม่ปล่อยให้บรรดาเมืองใหญ่น้อยเป็นหอกข้างแคร่อีก นั่นจึงทำให้พี่ชายทำเช่นนี้เขาจึงจำต้องออกรบถี่ขึ้นกว่าเดิม
โดยแต่ละครั้งที่กลับมา แม้จะมีชัยชนะมาถวาย แต่สิ่งที่ได้ก็คือใบหน้าที่นิ่งเฉยจากพี่ชายเพียงเท่านั้น
หวงจิงอวี๋ยังนึกเสียดาย หากเขากลับมาก่อนพี่ชายในศึกครั้งนั้นจะสามารถช่วยพี่สะใภ้และหลานชายเอาไว้ได้หรือไม่ ชายหนุ่มถอนหายใจหนัก ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดไปแล้ว
ดวงตาของหวงจิงอวี๋มองไปยังสายน้ำตรงหน้าก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นบางอย่างที่ไม่ควรจะอยู่ตรงนั้น
“นั่นมัน” เสียงของเขาเรียกสายตาองครักษ์ข้างกายให้หันกลับมามองด้วยความสงสัย แต่หวงจิงอวี๋ไม่ทันจะอธิบายอะไรกับคนของตนก็หยิบเอาเชือกพันกับตัวเองและส่งปลายเชือกให้กับองครักษ์จู
“ดึงเอาไว้”
จบคำแม่ทัพใหญ่ก็กระโดดลงจากเรือ ทำเอาคนในเรือต่างแตกตื่น ไม่ใช่เพราะไม่เคยเห็นแม่ทัพใหญ่ทำเช่นนี้ แต่เพราะเรื่องศึกมันจบแล้วก็ไม่น่าจะต้องมีเรื่องตื่นเต้นอะไรอีก
ทางด้านหวงจิงอวี๋ก็ว่ายน้ำตรงไปยังร่างที่เขาเห็น ตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าตัวเองตาฝาดจะมีใครผมสีนี้ได้กันหากไม่ใช่คนแก่ แต่แม่นางตรงหน้า ใบหน้าเนียนเรียบเช่นนี้และผมสีขาวยาวสลวยเช่นนี้ ราวกับเซียนกับเทพ ชายหนุ่มไม่คิดอะไรอีกเขาจับเชือกที่พันตัวเองพันเข้ากับอีกฝ่ายด้วยก่อนจะว่ายไปยังเรือของตน
บรรดาคนในเรือส่งบันไดลิงลงมาให้ชายหนุ่ม พร้อมกับใช้เชือกที่ดึงร่างคนทั้งสองเมื่อครู่ดึงร่างของ...ทุกคนปิดปากสนิทเมื่อเห็นการแต่งตัว ใบหน้า และสีผมของร่างหญิงสาวที่เจ้านายของตนพาขึ้นมาจากน้ำ
ทันทีที่หวงจิงอวี๋ขึ้นมาจากน้ำเขาก็พาหญิงสาวไปยังห้องพักของตนในเรือ อีกฝ่ายได้สติเพียงชั่วครู่ก่อนจะสลบไปอีกครั้ง ไม่มีหญิงสาวคนใดจะสามารถเปลี่ยนชุดให้แม่นางตรงหน้านี่ได้
แม่ทัพหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าอยู่นานก่อนจะหยิบเอาเศษผ้ามาพันตาเอาไว้ แล้วจัดการถอดชุดที่เปียกชื้นของนางออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดของเขา รวมถึงตัวเขาเองก็เปลี่ยนเป็นชุดใหม่เพราะชุดเก่าเปียกหมดแล้วจากการลงไปช่วยนางตรงหน้า
หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างชายหนุ่มก็ออกไปบอกกับคนของตนให้ต้มยาแก้หนาวให้กับหญิงสาว แม้จะไม่รู้ว่านี่เป็นคนหรือเซียนเทพลงมาจุติ สิ่งที่เขาเห็นชัดที่สุดก็คือร่างที่สั่นน้อย ๆ จากความหนาวเย็นที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อใกล้ถึงเมืองของเขา
เพราะสีผมที่แปลกตาและใบหน้าที่...หวงจิงอวี๋ต้องยอมรับกับตัวเองว่าเขานั้นถูกใจใบหน้าของนาง เขาไม่สามารถปล่อยหญิงสาวเอาไว้ด้านนอกกับคนอื่น ๆ ในเรือได้ ไม่ใช่เพราะนางเป็นหญิง หรือเพราะเขาถูกใจ แต่สีผมของนางจะทำให้เกิดคำพูดมากมาย แต่หากเขาเป็นคนพูดออกไปเองเรื่องทุกอย่างก็คงจะง่ายกว่า
เพราะนอกจากเรื่องที่พี่ชายเขานิสัยเปลี่ยนไปแล้วมันยังมีเรื่องอื่นที่รุนแรงกว่านั้น พี่ชายของเขาเพราะความเสียใจจึงตัดสินใจใช้คัมภีร์โบราณกับร่างและวิญญาณของพี่สะใภ้และหลานของเขา
หลังจากนั้นทั้งเขาและเสด็จพี่ของเขาก็คล้ายจะติดต่อสื่อสารกับคนที่จากไปทั้งสองได้ แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด การทำพิธีเป็นการทำให้ร่างทั้งสองทรมานเพราะสิ่งที่เขียนเอาไว้ในคัมภีร์มันคือคำสาปทำให้วิญญาณของทั้งคู่ถูกจองจำเอาไว้ และนั่นก็ยิ่งทำให้หวงตี้ฮ่องเต้ที่เคยเข้มแข็งและยิ่งใหญ่แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน
“ยามเจ้าและลูกอยู่ข้าไม่สามารถช่วยชีวิตเจ้าและลูกเอาไว้ได้ ยามวิญญาณของเจ้าและลูกต้องการจะไป ข้ายังไปรั้งพวกเจ้าเอาไว้อีก”
หวงจิงอวี๋เคยคิดหากเขาสามารถที่จะลบล้างคำสาปได้ บางทีเสด็จพี่ของเขาอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ อย่างน้อยก็ไม่ติดค้างกับภรรยาและบุตรชายของตน
และยังไม่ทันที่หวงจิงอวี๋จะคิดมากไปกว่านั้นเขาก็ได้ยินเสียงละเมอของหญิงสาวที่ยังคงหลับตาสนิท มันจะไม่ทำให้ดวงใจของชายหนุ่มรู้สึกอะไรเลย หากไม่ใช่ว่าคำที่หลุดออกมานั้นจะเป็นชื่อของพี่สะใภ้และหลานชายที่จากไปแล้วของเขา