รักลวง
ในเวลานี้เขมมิกาแทบกลายเป็นอากาศธาตุ ความรักความซื่อสัตย์ ความไว้ใจที่เธอมีให้ปรเมศกลับสูญเปล่า ตลอดระยะเวลาห้าปีกับสี่เดือน ชีวิตการแต่งงานที่เคยวาดฝันเอาไว้อย่างสวยหรูกลับไม่ราบรื่น สำหรับเธอแล้วไม่ต่างจากการตกอยู่ในนรกขุมอเวจี
ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านศิระเมฆา ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ก่อนหน้านั้นรักกันปานจะกลืนกิน เขาค่อย ๆ ทำตัวเย็นชาห่างเหิน ละเลยต่อหน้าที่ของสามีที่ดี จนกลายเป็นช่องว่างในหัวใจ ต่างคนต่างหมางเมินใส่กัน
“เขาทำแบบนี้กับแกได้ไงอ่ะ!” เนเน่เริ่มเดือดแทนเพื่อน เมื่อเห็นเขมมิกานอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้ เธอไม่สบายขนาดนี้ปรเมศกลับเพิกเฉย
“ช่างเถอะ”
“เขม!สามีของแกเห็นงานสำคัญกว่าเมีย นี่เขากำลังหาเงินไว้เผาแกรึไง”
“เขาหาไว้เผาตัวเองต่างหาก” เขมมิกาตอบออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ผู้ชายอย่างอาจารย์ปรเมศ แม้แต่แม่ของเขายังไม่รักเขาเลยด้วยซ้ำ ท่านถึงได้ด่วนจากไปแบบนั้น”
“เนเน่!”
“แกก็เป็นซะแบบนี้ไง เขาถึงทำอะไรตามอำเภอใจ ความผิดทั้งหมดเกิดจากพี่สาวนอกไส้ของแก ทำไมไม่บอกความจริงเขาไป” ใบหน้าและแววตาของเนเน่พร้อมบวกแทนเพื่อนรัก เมื่อได้รู้ความจริงจากแม่บ้าน
“ตั้งแต่แม่เขาเสีย เขมกับคุณปรเมศก็แทบไม่เจอหน้ากันด้วยซ้ำ”
“ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันเนี่ยนะ”
“เขมกับเขา เราอยู่กันคนละโลกต่างหาก” น้ำเสียงแผ่วเบา ดวงตาที่เคยเป็นประกายแฝงไปด้วยความสิ้นหวัง หลังจากปรเมศประกาศตัดขาดความสัมพันธ์ ซึ่งเขายืนกรานที่จะไม่หย่า เพราะอยากทรมานเธอให้อยู่อย่างตายทั้งเป็น
“ความรักมันสวยงามนะเขม แต่ความรักของแกกับเขา มันทำให้ฉันรู้สึกไม่อยากมีความรัก หมดรักก็บอกกันตรง ๆ ไม่เห็นต้องทรมานอีกฝ่ายเลยนี่นา”
“ความรักมันละเอียดอ่อนเกินกว่าจะอธิบายได้ เขมเองก็มีส่วนผิดที่เป็นคนพาพี่มิ้น เข้ามาสร้างความร้าวฉานให้กับครอบครัวของคุณปรเมศ” หยดน้ำใส ๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่หญิงสาวพยายามกลั้นเอาไว้สุดกำลัง เป็นใครก็คงทนไม่ไหว เมื่อความเจ็บปวดโหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า
“ฟังนะเขม!คนที่ผิดคือผู้ชายไม่รู้จักพอกับผู้หญิงหน้าเงินคนนั้นต่างหาก ชายโฉดหญิงชั่วสมกันดี” มินดาหรือมิ้นคือพี่สาวซึ่งเป็นลูกติดของแม่เลี้ยง แต่ทุกคนต่างคิดว่ามินดาคือลูกสาวคนโตของบิดาเขมมิกา
“เนเน่!นั่นพ่อสามีฉันนะ”
“พ่อสามีเหรอ... ชิ! แกจะรับบทนางเอกเจ้าน้ำตาไปทำไม ร้องไปก็เท่านั้น ฉันจะบอกให้ยังไงแกก็ไม่ได้ตุ๊กตาทองหรอกนะ สิ่งที่แกจะได้รับมีแต่ความเจ็บปวดและพ่ายแพ้ แกลุกขึ้นมาเป็นคนใหม่ได้แล้วเขม!”
เนเน่พยายามดึงสติเขมมิกากลับมา หลังจากเห็นเพื่อนรักเอาแต่จมปรักอยู่กับความผิด ทั้งที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อ
“เขมขอเวลาอีกสักพักนะเนเน่ เขมสัญญาว่าจะกลับมารักตัวเองให้มากกว่าเดิม”
“แกรู้ไหมอะไรที่ทำให้คุณค่าในตัวเราหมดลง”
“รู้สิ ทำไมเขมจะไม่รู้”
“ไหนลองบอกฉันมาซิ”
“ถ้าเราไม่ให้คุณค่าตัวเอง แล้วจะหวังเอาจากใคร เขมรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร ขอเวลาให้เขมได้ทำใจหน่อยนะเนเน่”
“ฉันรู้ว่าแกรักเขามากแค่ไหน แต่อย่าลืมรักตัวเองก็แล้วกัน”
“ขอบใจแกมากนะ ที่ผ่านมาทุกช่วงเวลาไม่ว่าสุขหรือเศร้า เขมก็มีเนเน่อยู่ข่าง ๆ เสมอ” คนทั้งสองโผเข้ากอดกันไว้แน่น ประหนึ่งจะไม่มีวันทอดทิ้งอีกฝ่ายให้เดียวดาย
“ฉันโตมาพร้อมกับแก ท่ามกลางผู้คนมากมายรายล้อม แต่ชีวิตของฉันกลับมีเพียงแก ฉันก็แค่เด็กกำพร้าที่บ้านผู้ดีเขาเก็บมาเลี้ยง พอมีลูกเป็นของตัวเองฉันก็กลายเป็นหมาหัวเน่า” ชีวิตของเนเน่ไม่ไดโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทว่าทุกย่างก้าวนั้นกลับเต็มไปด้วยขวากหนาม
“เราสองคนก็ไม่ต่างกัน พ่อพาผู้หญิงอีกคนเข้าบ้าน ส่วนแม่ทิ้งฉันไปตั้งแต่แบเบาะ สุดท้ายชีวิตของเราสองคนก็ไม่เหลือใคร ฉันเหนื่อยเหลือเกินเนเน่”
“เขม... เขม! แกเป็นอะไรไป” เนเน่รีบรั้งเพื่อนรักนอนราบกับเตียง ก่อนที่เธอจะรีบหยิบสมาร์ตโฟนเครื่องแพงของเพื่อนรักโทรหาปรเมศ แต่เขากลับไม่รับสายทั้งที่ใช้โทรศัพท์มือถือของเขมมิกา
“หึ! เมียจะตายอยู่แล้วยังบ้างานได้อีกนะ บ้าเอ๊ย!” หญิงสาวกำมือแน่นด้วยความโกรธ ก่อนจะโทรหามาลิค ซึ่งชายหนุ่มรีบบึ่งรถมาที่บ้านปรเมศทันที สาเหตุที่เนเน่ไม่โทรเรียกรถพยาบาล เพราะเธอคิดว่ามันคงนานกว่าจะมาถึง