พ่อพระของแก้ว
คฤหาสน์หรูสไตล์โมนาโคหลังนั้นตั้งอยู่แถบชานเมือง แก้วกานดากะไม่ถูกว่ามันกินพื้นที่เท่าไร รู้เพียงว่าปากซอยมีร้านมินิมาร์ทเล็ก ๆ หลังเดียว ที่เหลือคือพื้นที่บ้านของคุณหมอทั้งหมด
สีขาวสะอาดตาที่ตัดกับสีทองบางแห่งของตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ ด้านซ้ายเป็นโรงจอดรถที่กว้างยิ่งกว่าบ้านของเธอกับยายที่บ้านนอกเสียอีก มีรถจอดอยู่ในนั้นสี่คันซึ่งเป็นยี่ห้อแปลกตาที่เธอไม่รู้จักเสียสาม
หน้าคฤหาสน์เป็นพื้นที่ยกระดับขึ้นไปที่สามารถมองเห็นจากที่ไกล ๆ ได้ว่าเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ รอบบริเวณเขียวขจีสลับดอกไม้สวย คงมีคนสวนคอยดูแลเป็นอย่างดี ถึงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างลงตัวและงดงามได้เพียงนี้
พื้นที่ซ้ายมือห่างจากตัวบ้านราวห้าสิบเมตรเป็นห้องแถวสีขาวที่คุณแม่บ้านแนะนำว่าเป็นห้องของคนรับใช้ที่มีกันอยู่ห้าคน รวมคนขับรถแล้ว ถึงแม้จะเป็นห้องคนใช้แต่ก็ถูกสร้างมาอย่างดี ไม่ขัดกับคฤหาสน์หลังใหญ่แต่อย่างใด
ส่วนเรือนรับรองที่คุณแม่บ้านว่าเป็นเรือนชั้นเดียวยกพื้นสไตล์คอจเทจสีขาวน่ารัก ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างคฤหาสน์และเรือนคนใช้ ตั้งอยู่ติดชายน้ำคล้ายทะเลสาบเล็ก ๆ ที่มีศาลายื่นออกไปริมน้ำ
เห็นแบบนั้นเด็กสาวก็แย้มยิ้ม บ้านของเธอกับยายก็แบบนี้ อยู่ติดริมคลอง มีสะพานน้อย ๆ ยื่นออกไปในคลองเพื่อตักน้ำมาใช้ในบ้าน มีต้นไม้ใหญ่น้อยร่มรื่น จะต่างกันก็แค่บ้านของเธอเล็กกระจิ๋วถ้าเทียบกับที่นี่ และต้นไม้ใบหญ้าก็ล้วนแล้วแต่ขึ้นงดงามตามธรรมชาติ ไม่มีใครคอยดูแลจัดแต่งให้เป๊ะปังอลังการอย่างตรงนี้
เดินถึงเรือนรับรองตอนไหนก็ไม่รู้เพราะมัวแต่มองโน่นมองนี่จนเพลินตา มีคนรับใช้ยกน้ำดื่มที่เป็นน้ำมะตูมหอม ๆ มาให้พร้อมกับขนมฝรั่งหน้าตาสะสวยที่แก้วกานดาไม่รู้จักแต่มันอร่อยมาก
“ เชิญคุณครูกับคุณแก้วกานดาพักผ่อนตามอัธยาศัย นะคะ มีอะไรให้รับใช้ก็เรียกฉันได้เลย ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดไว้เหนือตู้เย็นค่ะ ” คุณแม่บ้านบอกพลางทำทีจะเดินจากไป แต่เด็กสาวเรียกไว้ก่อน
“ เอ่อ คุณแม่บ้านคะ หนูอยากไปกราบสวัสดีและขอบพระคุณคุณหมอน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าจะไปเมื่อไรได้คะ ”
“ พวกคุณมาก่อนวันระบุนัดเร็วไปหนึ่งวัน ดังนั้นยังเข้าพบคุณหมอไม่ได้ค่ะ พรุ่งนี้เวลาหนึ่งทุ่มตรงคุณจะได้เข้าพบท่าน ” คำพูดของคุณแม่บ้านทำให้ครูกับลูกศิษย์รู้สึกผิด อันที่จริงวันนัดคือวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์ แต่พอดีครูรุ่งรัตน์ต้องมาติดต่อธุระกับทางคุรุสภาที่เปิดทำการแค่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ดังนั้นจึงทำให้ต้องมาก่อนหนึ่งวัน เมื่อโทรศัพท์แจ้งกับทางเลขานุการของคุณหมอก็ให้คำตอบกลับมาว่าให้เข้ามาก่อนได้ จึงได้ตัดสินใจมาวันนี้
“ เอ่อ... ขอโทษค่ะ แล้วอีกเรื่องหนึ่งก็คือคุณแม่บ้านไม่ต้องเรียกแก้วว่าคุณหรอกค่ะ เรียกแก้วเฉย ๆ ก็ได้ ” อีกฝ่ายยิ้มเย็นไม่ตอบอะไรในเรื่องนั้น
“ อาหารเย็นจะให้เด็กมาตั้งโต๊ะตอนหกโมงเย็นนะคะ ขอตัวค่ะ ” เธอทิ้งท้ายก่อนเดินจากไป
“ เป็นไงแก้ว บ้านอย่างกับวังเลย คิดว่าพออยู่ได้ไหม ” คุณครูรุ่งรัตน์ถามเมื่อคุณแม่บ้านคล้อยหลังไปแล้ว เด็กสาวถอนใจเบา ๆ
“ แก้วอยู่ไหนก็อยู่ได้ค่ะครู แต่บรรยากาศมันตึงเครียดชอบกล แค่คุณแม่บ้านก็ดูดุขนาดนั้นแล้ว คุณหมอจะขนาดไหน ” คุณครูเลิกคิ้ว
“ ก็ไหนว่าเขียนจดหมายมาคุยกับคุณหมอตลอด แล้วคุณหมอก็ใจดีตอบกลับด้วยนี่นา ไม่เห็นต้องกลัวเลย ถ้าไม่ใจดีจะให้ทุนแก้วได้เรียนถึงขนาดนี้แถมให้มาอยู่ที่บ้านฟรี ๆ ด้วยหรอจ๊ะ ” คำของคุณครูทำให้แก้วกานดายิ้มออก
“ นั่นสิคะครู แต่แก้วคิดถึงยายจังเลย ”
“ เพื่ออนาคต ท่องเอาไว้ อดทนไม่กี่ปีแก้วก็จะมีงานมีการดี ๆ ทำ ตอนนั้นค่อยเอายายมาอยู่ด้วยนะ ระหว่างนี้ครูจะแวะไปดูยายให้ทุกวันหยุดเลย ไม่ต้องห่วง ”
“ ขอบคุณค่ะครู ” เด็กสาวรับคำพลางยิ้มกว้าง
เธอคงไม่มีวันนี้ ถ้าไม่มีเขา
คุณหมอดุจตะวัน...
เขาให้ทุนการศึกษา และเมื่อเธอสอบเข้าได้ในมหาวิทยาลัยมีชื่อ ก็ยังเสนอให้เธอมาพักที่บ้านได้ฟรี ๆ เธออยากจะขออนุญาตออกไปทำงานพิเศษเพื่อจะได้มีเงินเก็บออมไว้ใช้จ่ายส่วนตัวเพราะไม่อยากรบกวนเขามาก แต่เขาก็ยังเสนอให้เธอไปทำงานพิเศษได้ที่โรงพยาบาลของตนอีก
พ่อพระของแก้ว...
เธอเทิดทูนเขาเช่นนั้น