คนน่ารำคาญ
“พี่เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” ฉันถามพี่เพทายด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเขาเดินกลับมาขึ้นรถด้วยใบหน้าซีเรียส
ไม่เครียดก็แปลกแล้ว รถพี่ทายราคาตั้งหลายล้านแต่กลับถูกไบรอันเล่นงานซะยับเลย
“พี่ไม่เป็นไรหรอกแต่รถน่ะสิ โดนชนเจ็บหนักเลย คงได้เข้าศูนย์หลายเดือนแน่ๆ”
“แล้วพี่จะแจ้งความไหม?”
“คงไม่ พี่ไม่ได้เจ็บตัวอะไรมาก แล้วก็ไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ด้วย ผู้ชายคนนั้นดูท่าทางไม่ธรรมดาเลยนะ”
“…..” ฉันนั่งเงียบพลางกลอกตาไปมา เพราะไม่อยากทำตัวมีพิรุธ ถ้าพี่ทายรู้ว่าฉันกับไบรอันรู้จักกันต้องเป็นเรื่องแน่ๆ
“ถ้าจำไม่ผิด ผู้ชายคนนั้นน่าจะเรียนที่เดียวกับเราด้วยมั้ง เพราะพี่รู้สึกว่าคุ้นๆ หน้าเขาอยู่เหมือนกัน”
“…..”
“นินรู้จักเขาหรือเปล่า?”
“รู้จักแค่ผ่านๆ น่ะค่ะ มะ…ไม่ได้สนิทอะไร”
“น่าแปลก พี่ไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่ทำไมเขาถึงมาหาเรื่องแบบนี้ได้”
“นินว่าเขาอาจจะจำผิดคนก็ได้นะคะ”
“พี่คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นแหละ”
“นินว่าเรากลับบ้านกันเลยไหม ตอนนี้นินหมดสนุกแล้วค่ะ” ฉันบอกอย่างหมดอารมณ์ พอเกิดเหตุการณ์บ้าๆ นั่นก็ไม่อยากจะไปไหนกับใคร เพราะกลัวว่านายไบรอันจะตามมารังควาน
อีกน่ะสิ
“พี่ขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ เอาไว้คราวหลังจะพาไปเที่ยวนะ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ไม่ใช่ความผิดของพี่สักหน่อย”
“เดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่ไปส่งนะ” พี่ทายหันมาพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แต่ถ้าจะมีคนผิดก็คงจะเป็นไอ้ฝรั่งนั่นแหละที่ทำตัวอันธพาลคอยระรานคนอื่นไปทั่ว
“อย่าลำบากเลยค่ะ เดี๋ยวนินนั่งแท็กซี่กลับเอง พี่จะได้ไม่ต้องนั่งรถเทียวไปเทียวมา”
“งั้นเอาแบบที่นินสบายใจเลยแล้วกันครับ”
-บ้านเอกอนันต์-
“ไหนโทรบอกพ่อว่าจะไปเที่ยวกับเพทาย แล้วทำไมถึงกลับเร็วนักล่ะ?” พ่อละสายตาจากเอกสารกองโตแล้วมองมาทางฉันที่เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางห่อเหี่ยวสุดๆ อุตส่าห์จะได้ไปเที่ยวกับพี่เพทายทั้งที ดันมีมารมาผจญ
“หมดอารมแล้วค่ะ คิดแล้วหงุดหงิด” ฉันบ่นพึมพำ พลางหย่อนตัวนั่งลงบนตักพ่อ ถึงแม้จะโตเป็นสาวแล้วแต่ฉันกับน้องก็ชอบอ้อนพ่อมากๆ
“เกิดอะไรขึ้น ใครทำให้คนสวยของพ่อหงุดหงิดขนาดนี้” พ่อเลื่อนมือมาลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน
ถึงแม้อายุของพ่อจะปาเข้าเลขสี่ แต่พ่อก็ยังดูดีเหมือนหนุ่มวัยสามสิบ อิจฉาแม่จริงๆ ที่ได้คนหล่อๆ แบบพ่อเป็นแฟน
“ช่างมันเถอะค่ะ นินไม่อยากพูดถึงผู้ชายคนนั้น” ฉันถอนหายใจทิ้งอย่างไม่คิดอะไร ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด
“แล้วนิรินอยู่ไหนคะ ยังไม่กลับจากโรงเรียนอีกเหรอ?”
“วันนี้น้องไปติวหนังสือกับเพื่อน อีกเดี๋ยวก็คงกลับ”
“หนูขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ กลับมาเหนื่อยๆ เหนียวตัวจะแย่”
เมื่อเดินเข้ามาในห้อง สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกคือทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอย่างเมื่อยล้า
ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่พัดผ่านกระทบใบหน้าให้ความรู้สึกสบายจนฉันเผลอหลับไปในที่สุด
ครืด~ มือบางควานหาโทรศัพท์เมื่อมีคนโทรเข้ามาหลายสายจนฉันสะดุ้งตื่นหลังจากที่ผล็อยหลับไปก่อนหน้านั้น
พอเห็นคนที่วิดีโอคอลมาหา มันถึงกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาซะงั้น
“โทรมาทำไม?” ฉันถามคนปลายสายอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก
(คิดถึง) ไบรอันตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมจ้องหน้าฉันผ่านโทรศัพท์ ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว แต่เขายังนั่งกินเหล้าสูบบุหรี่ที่คลับอยู่เลย
“วันนี้นายทำตัวไม่น่ารักเลยนะ ทำไมเป็นคนก้าวร้าวแบบนี้”
(ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เธอยังไม่ชินอีกเหรอ) ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มอย่างไม่รู้สึกผิดอะไร
เป็นเหมือนที่เขาบอก ฉันควรรู้สึกชินได้แล้ว เพราะไบรอันตามรังควานผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ฉันนั่นแหละ
“เมื่อไหร่จะเลิกทำนิสัยอันธพาลแบบนี้สักที ฉันเบื่อเต็มที่แล้วนะ!”
(ฉันจะเลิกระรานก็ต่อเมื่อไอ้พวกผู้ชายที่มายุ่งกับเธอตายๆ ไปจนหมด)
“นายมันน่าเบื่อ!”
(ขอบใจที่บอก แต่คนอย่างฉันมันหน้าด้านไม่สะทกสะท้านหรอก)
“ไบรอัน!” ฉันแผดเสียงใส่คนตัวโตจนแสบแก้วหู แทนที่เขาจะสลดแต่เปล่าเลย
ไบรอันกลับยิ้มให้ฉันแทน…
(รูปที่เธอลงในไอจีวันนี้ไปลบออกด้วยนะ เสื้อที่ใส่มันโป๊ไป ฉันไม่ชอบ)
“แต่ฉันชอบ ไม่ชอบก็เรื่องของนาย”
(วันนี้มางานวันเกิดไอ้ลีนะ กลับไม่เกินเที่ยงคืน)
“แล้วไง ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย”
(เธอไม่อยากรู้แต่ฉันอยากบอก)
“น่ารำคาญ!”
(กินข้าวหรือยัง ขากลับให้ฉันแวะซื้อข้าวต้มร้านที่เธอชอบไปฝากไหม?)
“ไม่หิว”
(เวลาโมโหเคยส่องกระจกดูตัวเองบ้างไหม ดูแก้มอมชมพูของเธอสิ คนอะไรน่ารักชะมัดเลย) ไบรอันมองฉันพร้อมยิ้มให้ ถึงแม้ว่าเขาจะหล่อมาก แต่ฉันก็ไม่ยอมใจอ่อนให้หรอกนะ
“ไม่อยากคุยด้วยแล้ว แค่นี้นะ”
ติ๊ด! ฉันรีบกดวางสายแบบไม่รีรอ เขาเป็นเหมือนเจ้ากรรมนายเวรที่คอยตามติดฉันแบบไม่มีวันสลัดออกไปได้
“ไอ้บ้าเอ้ย! เมื่อไหร่จะไปให้พ้นๆ สักทีนะ”