บทที่9
หลังจากอยู่เล่นกับหลานสาวตัวน้อยจนถึงตอนเย็นใกล้จะมืดค่ำลดาก็ขอตัวลาพร้อมกับสัญญากับเด็กน้อยว่าเธอจะมาหาใหม่ คำพูดของกุ้งนางซึ่งเปรียบดั่งพี่สาวยังคงชัดเจนอยู่ในหู บางทีระยะเวลาของความรักที่เดินทางมาหลายปีบางทีมันอาจจะถึงจุดอิ่มตัวจนทำให้แฟนหนุ่มของเธอนั้นได้เจอกับผู้หญิงคนใหม่ซึ่งสามารถมอบความสุขให้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ใช่ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอที่มอบให้ได้แค่เพียงแก้มนวลเป็นที่อิงหอมให้ได้เพียงเท่านี้ ตลอดหลายปีที่คบกันมา
แม้แต่จูบแรกเธอก็ยังไม่เคยมอบให้แฟนหนุ่มเลย อย่าได้นึกไปถึงขั้นถอดเสื้อผ้าขึ้นเตียงนอน ด้วยความคิดแบบสมัยเก่า สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับลูกผู้หญิงเธออยากจะมอบให้กับชายคนรักในวันแต่งงานร่วมเรียงเคียงหมอน อยากให้เขาเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดที่ได้รับสิ่งมีค่ามากที่สุดในชีวิตจากเธอ แต่ดูเหมือนกับว่ามันช่างยาวนานจนอีกฝ่ายทนรอต่อไปไม่ไหว ทำให้เขาต้องออกไปหาคนที่สามารถมอบความสุขให้เขาได้
"จะไปไหนครับ"
"ไปห้างGGค่ะ"นี่คือเป้าหมายของเธอหลังจากก้าวขาขึ้นมานั่งบนรถแท็กซี่ ถึงเวลาพลบค่ำแต่ใจของเธอในตอนนี้นั้นยังไม่อยากจะกลับไปอยู่บ้านเพียงลำพัง เพราะถ้าหากกลับไปอยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบงันสมองของเธอนั้นก็คงไม่พ้นคิดถึงเรื่องของแฟนหนุ่มกับเพื่อนสาวอีกเป็นแน่
เมื่อรถแท็กซี่วิ่งมาจอดตรงหน้าห้างใจกลางเมืองกรุง สิ่งแรกที่ลดาเห็นคือผู้คนมากมายกำลังเดินไปมาจนเวียนหัว เวลาตกค่ำแบบนี้ผู้คนมักจะออกมาเดินเที่ยวหาความสุข และมันก็ไม่ต่างจากเธอที่มาเดินเที่ยวปลดปล่อยความทุกข์
หลังจากจ่ายเงินคนขับก็เปิดประตูรถสองขาเดินก้าวเข้าไปภายในตัวห้างอย่างเชื่องช้า สายตากวาดมองผู้คนซึ่งกำลังเดินอยู่บริเวณโดยรอบ ทุกคนล้วนแต่มีคนเดินเคียงข้างกาย ตัดมาที่เธอกลับเดินคนเดียวอย่างไม่มีใคร คิดแล้วก็มันหน้าน้อยใจในชีวิตที่มีความสุขแค่เพียงน้อยนิดไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ
"นี่ เมื่อกี้ตอนที่ฉันเดินผ่านร้านขายชุดชั้นในฉันเห็นคุณภีรวัฒน์ลูกชายเจ้าของโรงแรมกำลังเลือกซื้อชุดชั้นในกับผู้หญิงด้วยแกเอ๊ย แถมคุณภีรวัฒน์นะทั้งกอด ทั้งหอม ทั้งจูบผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่อายคนที่ยืนอยู่ในร้านเลย"
"ว้าย ตายแล้ว แล้วแกเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นไหมว่าใช่แฟนคุณภีรวัฒน์ที่คบหากับหรือเปล่า"
"ถ้าฉันจำไม่ผิด ไม่ใช่นะ แฟนคุณภีรวัฒน์ที่เคยถูกตามถ่ายได้ในตอนนั้นถ้าฉันจำไม่ผิดเธอออกจะน่ารัก และดูเรียบร้อย แต่ผู้หญิงคนนี้เธอดูกร้านโลกยังไงก็ไม่รู้ เสื้อผ้าที่ใส่เหมือนไปคุ้ยจากถังขยะมาสวมเสียมากกว่า"ขาทั้งสองข้างซึ่งกำลังเดินไปด้านหน้าถึงกับหยุดชะงักเมื่อมีผู้หญิงสองคนเดินผ่านแล้วกำลังเม้าท์มอยเรื่องแฟนหนุ่มของเธอกับผู้หญิงที่คิดว่าเป็นเพื่อนกันอย่างสนุกปาก หัวใจดวงน้อยเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มของเธออยู่ที่นี่และกำลังคลุกคลีอยู่กับผู้หญิงอีกคน แถมทั้งคู่ยังช่วยเลือกชุดชั้นในอย่างไม่คิดจะอายใคร ทั้งที่ทุกคนทั่วประเทศต่างรู้ว่าลูกชายเจ้าของโรงแรมอย่างภีรวัฒน์มีหวานใจอยู่แล้ว นี่เขาไม่คิดอายคนที่พบเห็นเลยหรืออย่างไร หรือว่าหัวใจและใบหน้าของเขามันด้านชาไปเสียแล้วถึงได้กล้าพาผู้หญิงคนอื่นมาเปิดตัวในที่สาธารณะแนบชิดอิงกายกันอย่างไม่อายใครแบบนี้ แต่เมื่อได้รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่กับผู้หญิงอีกคนก็ดีเหมือนกัน เธอก็อยากจะรู้ให้แน่ชัดกับสิ่งที่คนอื่นบอกมา ว่ามันจะเป็นอย่างที่คนในบริษัทบอกกับเธอมาไหมว่าแฟนหนุ่มของเธอนั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนของตัวเอง
สองเท้าเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง สายตามุ่งดูไปตรงหน้าที่มีร้านขายชุดชั้นในตามได้ยินสองสาวที่เดินผ่านไปพูดมา ขาทั้งสองของเธอจะหยุดนิ่งเมื่อได้เจอในสิ่งที่ทำเอาน้ำตาแทบหลั่งไหล ผู้ชายที่เธอรัก ทุ่มเทใจ และไว้ใจกำลังโอบกอดเอวบางของร่างเพื่อนสนิทอย่างอัปสรเอาไว้ รอยยิ้มมีความสุขเหลือหลายซึ่งต่างฝ่ายต่างมอบให้มันเหมือนกับมีอะไรมาทิ่มแทงใจจนเจ็บรอน ๆ
สองขาอ่อนแรงค่อย ๆ เดินเข้าไปในร้าน พยายามหลบหน้าไม่ให้ทั้งคู่ซึ่งกำลังยืนเลือกซื้อชุดชั้นในอยู่ได้เห็น ร่างกายบอบบางเดินไปแอบใกล้กับห้องลองมีชุดซึ่งจุดนั้นใกล้กับจุดที่ทั้งสองคนยืนเลือกชุดชั้นใน หัวใจอ่อนแรงปวดหนึบเมื่อเธอได้ยินคำพูดหยอกล้ออ่อนหวานจากปากของทั้งสอง
"ภีมคะ คุณว่าสีนี้เป็นยังไงบ้างคะ"ชุดชั้นในสีแดงเพลิงถูกหยิบขึ้นมาทาบกับหุ่นเพรียวบางอัดแน่นเต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้ง ก่อนจะเอ่ยถามคนจ่ายเงินซื้อชุดพวกนี้ให้เธอ
"ผมว่าสีนี้คุณใส่ก็สวยนะที่รัก แต่คุณจะสวยกว่านี้ถ้าบนร่างของคุณไม่มีอะไรปกปิดอยู่เลย"น้ำตาสีใสแทบกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ไม่นึกเลยว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนอย่างเธอจะต้องมายืนฟังคนรักของตัวเองคุยกะหนุงกะหนิงกับผู้หญิงอีกคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของตัวเธอ
"ปากหวานจังเลยนะคะ พูดแบบนี้เห็นทีคืนนี้สรคงต้องให้รางวัลหนัก ๆ เสียแล้วล่ะ"
"หนักแค่ไหนผมก็ไม่กลัวครับ เพราะแค่สรจัดมาพร้อมก็พร้อมตั้งท่ารอรับ"
"แหม พูดแบบนี้ถ้าลดามาได้ยินก็ต้องเสียใจแย่"
"อยู่กันสองคนทำไมชอบพูดถึงคนอื่นด้วยล่ะครับสร"
"คนอื่นที่ไหนกันคะ ลดาคือแฟนของคุณเชียวนะคะภีม"
"แฟนที่ไม่เคยให้ความสุขกับผม คบกันมาตั้งหลายปีแต่ทำได้แค่จับมือกับหอมแก้ม เหอะ ผมไม่ต้องการ"น้ำเสียงฉุนขึ้นจมูกของแฟนหนุ่มมันทำให้ลดาถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว เพราะอย่างนี้สินะแฟนของเธอถึงได้หันไปสนใจคนที่สามารถมอบความสุขในแบบที่เขาต้องการได้
"ถ้าลดารู้ว่าสรเป็นเมียคุณมาตั้งหลายปี มันคงจะเจ็บใจไม่ใช่น้อยเลยนะคะ"
"คุณก็อย่าให้ลดารู้สิสร คุณก็รู้ว่าที่ผมทนคบกับลดาอยู่เป็นเพราะอะไร"เพราะถ้าไม่ใช่ครอบครัวของเขารักและปลื้มในตัวของลดาอย่าหวังว่าเขาจะคบกับเธอต่อ และอีกอย่างครอบครัวของเขาอยากจะได้ผู้หญิงที่นิสัยดีอย่างลดามาเป็นลูกสะใภ้ แถมบิดายังใช้คำขู่เอาไว้ว่าถ้าหากเขาเลิกกับลดาวันไหนทรัพย์สมบัติทั้งหมดเขาก็จะไม่ได้ แต่จะให้เขาทนอยู่กับผู้หญิงที่หวงเนื้อตัวได้อย่างไร เขาเป็นผู้ชายมีเลือดเนื้อมีความต้องการเหมือนกัน แต่ในเมื่อแฟนอย่างเธอไม่สามารถมอบความสุขให้กับเขาได้ เขาก็ต้องออกไปหาความสุขที่อื่น
"แต่มันนานมากแล้วนะคะที่เรื่องของเราต้องปิดปังไม่ให้ใครรู้"
"อย่าคิดมากเลยนะสร ไว้พ่อกับแม่ของผมล้มเลิกที่อยากจะได้ลดามาเป็นลูกสะใภ้เมื่อไหร่ ผมจะเปิดเผยเรื่องของเราให้ทุกคนได้รู้"เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่แบบที่จะต้องหลบซ่อนแบบนี้เหมือนกัน แต่ที่เรื่องนี้ยังไม่เปิดเผยนั้นก็เป็นเพราะผลประโยชน์ทั้งนั้นที่เขายังทนคบหากับลดาอยู่
"จริง ๆ นะคะภีมคุณไม่หลอกให้สรดีใจเล่นนะคะ"อัปสรถึงกับเต้นเร่าด้วยความดีใจเมื่อในที่สุดสิ่งที่เธอหวังก็ใกล้จะสำเร็จ
"จริงสิ ผมจะหลอกคุณไปทำไมกัน"
"สรรักภีมที่สุดเลย"สองแขนเรียวโอบกอดร่างของชายหนุ่มอย่างไม่อายใคร ในใจของเธอตอนนี้นั้นเต้นอย่างบ้าคลั่ง เธออยากจะให้เพื่อนรักอย่างลดามาได้ยินประโยคเมื่อครู่เสียเหลือเกิน แต่คนอย่างเธอหารู้ไม่ว่าประโยคที่ทั้งคู่กล่าวมันมา ลดาได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ