เจ็บปวด
เสิ่นเปาหลิวถอนหายใจผู่หยงดึงมือเปาหลิวให้ขึ้นไปนั่งบนเกี้ยว ซีหยินมองตามร่างอ้อนแอ้นของเปาหลิวไม่วางตา
เปาหลิวขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวบีบมือไปมา อากาศค่อนข้างหนาว พรุ่งนี้เช้าจึงได้กลับ ห้องที่ล็อกจากด้านในคงพอให้ป้าเหยาคิดว่าเปาหลิวอยู่ในนั้นทั้งคืน พรุ่งนี้จะต้องรีบกลับตั้งแต่รุ่งสาง กันความสังสัย
เกี้ยวถูกหามลัดเลาะ ผ่านบ้านเรือนออกไปนอกย่านบ้านเรือนจนกระทั่งไปถึงสองข้างทางที่เป็นป่ารก เปาหลิวบีบมือของตัวเองที่เย็นเฉียบ บางคราความคิดก็สับสนอยากจะเลิกเสียกลางคันบอกให้เกี้ยวหันหลังกลับบางครั้งก็คิดว่ายอมๆ ไปเสียพรุ่งนี้จึงจะมีทอง มาใช้หนี้ทั้งยังเหลือทำทุนได้อีกไม่น้อย พอเลี้ยงคนบ้านเสิ่นที่ตั้งใจอยู่ช่วยกันบางส่วน คิดไปก็ยิ้มไป ก่อนที่จะเห็นแสงไฟท่ามกลางดงไผ่หนาทึบมีบ้านหลังใหญ่ซุกซ่อนอยู่ในนั้นหากมองเผินๆ คงไม่เห็นแต่เมื่อเกี้ยวหยุดลงจึงรู้ว่าบ้านหลังนี้ ใหญ่โตเพียงใด
“คุณหนูพรุ่งนี้ช่วงปลายๆ ของยามอิ๋น (03.00.04.59) เกี้ยวจะมารอรับ”คนหามเกี้ยวเอ่ยปากด้วยความนอบน้อม
เสิ่นเปาหลิวหยิบก้อนเงินส่งให้คนหามเกี้ยว แล้วยืนนิ่งไม่ไหวติง
“คุณหนูรีบเข้าไปเถิดข้างนอกหมาป่าและงูพิษมีมากมาย ในบ้านก็อุ่นใจกว่า คุณหนูอย่ายืนนาน”
คนหามเกี้ยวเหมือนจะหวังดี
แต่ยามนี้ใจของเสิ่นเปาหลิวเต้นไม่เป็นจังหวะ มือเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ข้างในนั้นจะพบเจอกับสิ่งใดบ้าง หากเลือกได้ ยอมถูกงูพิษฉกกัดหรือหมาป่าฉีกทึ้งเนื้อหนังยังดีเสียกว่า
“เข้ามา”
เสียงทุ้มที่ทำเอาเปาหลิวใจชื้นขึ้นมาบางอย่างน้อยก็ไม่แก่ชรา
ค่อยๆ เดินเข้าไปในบ้าน ที่ประตูเปิดอ้าออกแสงไฟสีเหลืองจากเปลวไฟ รอบกายทำให้ใจสั่นไม่น้อย
“อุ๊ป”
อกอูมกับเอวคอดกิ่วถูกรวบไว้ทันทีก่อนที่ จะถูกปิดตาด้วยผ้าสีดำ ผูกไว้ที่ด้านหลังศีรษะแน่น
“ใต้เท้าฮง ทำไมต้องปิดตาด้วย”
ถามเสียงสั่น กลิ่นกายหอมประหลาดชวนให้ตื่นกลัวคุณหนูบ้านเสิ่น เสิ่นเปาหลิวงดงามยิ่งทว่าหยิ่งผยองบัดนี้ตกอับไร้คนเหลียวแลบิดาหนีหนี้หอบเงินหนีหายไม่สนใจหนี้สินที่ค้างคา ปล่อยลูกสาวไว้ในบ้านเพียงลำพัง
ทิ้งให้เจ้าหนี้ตามล้างตามเช็ดไม่เลิก
"จะจ่ายหรือไม่บิดาเจ้าหนีไปแล้วมีไม่มีก็ควรจะพูดมา" เปาหลิวหยิบเอาถุงทองห่อสุดท้ายส่งให้เจ้าหนี้ที่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
เปาหลิวถอนหายใจ เหลือเจ้าหนี้อีกหลายราย บัดนี้กับโดนขู่ บิดาใจไม่สู้ถูกเจ้าหนี้ตามราวีทิ้งลูกสาวคนเดียวไว้หนีไปกับอนุแสนสวย ชีวิตคนบ้านเสิ่น70ชีวิตอยู่ภายใต้การดูแลของเปาหลิว
"คุณหนู ต้องแยกย้ายกันแล้วจะเลี้ยงดูอย่างไรไหว หลายปากหลายคนล้วนลำบาก"แม่นม เอ่ยปากด้วยจำใจ
"ข้าไม่อาจทิ้งใครไว้เบื้องหลัง"
"จะพลิกฟื้นตระกูลเสิ่นจะต้องใช้เงินไม่น้อยคุณหนูเองเพิ่ง18จะดูแลได้อย่างไร"
"ขอข้าคิดดูก่อน หากจะต้องแยกย้ายป้าเหยา เปาหลิวจะอยู่ที่ไหนได้บ้านนี้เป็น บ้านเก่าของท่านแม่ ท่านพ่อเปลี่ยนป้ายเป็นตระกูลเสิ่นข้าไม่อยากเสียมันไป"
"คุณหนูแล้วแล้วเรื่องที่ใต้เท้าตู้ ยอมช่วย แต่ให้คุณหนูเข้าไปอยู่ในบ้านตู้ในฐานะฮูหยินสี่เล่าเจ้าคะ"เปาหลิวหน้าเสีย
“ป้าขา เปาหลิวจะต้องเอาตัวเข้าแลกป้าอยากให้เป็นอย่างนั้นหรือ”
“โถ่คุณหนูไม่เจ้าค่ะ คุณหนูของนมจะต้องพบเจอคนที่ดีที่ดูแลปกป้องคุณหนูได้ ลูกขุนนางหรือยิ่งไปกว่านั้นต้องเป็นองค์ชายสักคนดีไหม”
เปาหลิวยิ้มในเวลาแบบนี้ อย่างน้อยก็มีป้าเหยาที่พูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้ได้ยิ้ม
“แล้วไท่จือกับฝ่าบาทไม่มาด้วยหรือคะป้า”
ป้าเหยาโอบกอดร่างเล็กของเปาหลิวไว้ยิ้มๆ
“ฝ่าบาท แก่หงำเหงือกส่วนไท่จืออะไรนั่นก็มีเมียตั้งแต่12ปี แล้วยังมีหลายเมียคุณหนูของป้าจะต้อง เป็นหนึ่งเดียวของคนที่รักเดียวหนึ่งใจ”
หอโคมแดง
“คุณชายฟ่าน เชิญเลยคร้า วันนี้มีใหม่ๆ มากมายทีเดียวให้เลือกสรร”
ร่างสูงเกินบุรุษทั่วไปกับอาภรณ์สีขาวขลิบฟ้าสว่างสะกดทุกสายตา พู่สีฟ้าห้อยลงมาบ่งบอกฐานะที่ไม่ธรรมดาชัดเจน
“เฒ่าแก่เนี๊ยข้ามีเรื่องรบกวน”
“เจ้าค่ะ อุ๊ยอย่าบอกนะว่าวันนี้อยากได้กลับไปที่บ้าน เด็กๆ ใหม่ๆ มาให้เลือกนิสัยเรียบร้อยอ่อนหวาน คุณชายไม่รับไปเลี้ยงดูสักคนหรือไร”ฟ่านหงเหวินทำสีหน้าเฉยชา