EP.4 เดี๋ยวเปิดให้
ฉันเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปก่อนหน้า ใครบอกว่าฉันหันหนี เพื่อนฉันบังคับต่างหาก
“ดรีมไม่เห็นพี่ จะหันหน้าหนีตอนไหน” ฉันแกล้งโกหกออกไปเพราะตรงที่ฉันอยู่นั้นมืดพอสมควรเขาคงไม่รู้หรอกว่าฉันเห็นหรือเปล่า
“รู้ไหมว่าการโกหกมันไม่น่ารัก” เขาไม่พูดเปล่าแต่เชยคางฉันขึ้นก่อนจะบีบเบาๆ แล้วเลื่อนริมฝีปากลงมาดูดริมฝีปากฉันจนเกิดเสียงน่าอายแล้วผละออก “อยากให้ฉันลงโทษเธอมากกว่านี้เหรอ”
ทั้งที่รู้ว่าคำพูดของเขามันฟังดูเอาแต่ใจแต่มันกลับรู้สึกชวนให้ใจสั่นเหลือเกิน จนฉันต้องเก็บอาการนั้นด้วยการเม้มริมฝีปากแน่น
ครืด~
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นมาขัดจังหวะ เหมือนมันช่วยชีวิตฉันเอาไว้เพราะกำลังรู้สึกหายใจติดขัด
“ปล่อยได้แล้วค่ะ” ฉันดันตัวเขาออกก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นยัยธัญญ่าจึงกดปิดเสียงแล้วหันมาบอกพี่คีตะ “ขอตัว”
พูดจบฉันก็หันหลังให้เขาแล้วเดินออกมาจากมุมมืดนั้น เจอกับเพื่อนสาวคนสนิทพอดี แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงจากคนด้านหลังดังขึ้นมา
“รออยู่หน้าห้อง” เขาเอ่ยขึ้นมาแบบนั้นทำให้ฉันต้องหันไปมองด้วยความสงสัย ก็เห็นกุญแจห้องของตัวเองที่คล้องอยู่กับนิ้วเรียวของเขา แถมยังควงเล่นอย่างท้าทาย ที่จำได้เพราะพวงกุญแจนั่นมีตุ๊กตาน้องหมีเน่าห้อยอยู่ “เดี๋ยวจะไปเปิดให้”
“เดี๋ยว! นี่!…” ฉันกำลังจะเดินตามไปแต่กลับถูกธัญญ่าคว้าข้อมือเอาไว้แล้วออกแรงดึงให้ตามมันไปในห้องน้ำ
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปสนใจ ดูมันทำดิ เดินหนีแกขนาดนั้น” เพื่อนสาวคนสนิทดุฉันพร้อมสีหน้าตำหนิก่อนจะมองตามพี่คีตะไป จากตอนแรกที่มันไม่ค่อยจะถูกใจเขาอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ “เมาแล้วใช่ไหม อย่าให้ฉันเห็นว่าจะโดนหิ้วไปอีก”
ฉันหัวเราะตามหลังมันเบาๆ เข้าใจนะว่ามันเป็นห่วงถึงได้บ่นแบบนี้ แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อฉันชอบเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นเลย ถ้าเขายังเล่นด้วยแบบนี้คนแอบชอบมาหกปีอย่างฉันมีหวังได้ยอมถูกหลอกแน่ๆ
พอเข้าห้องน้ำเสร็จเราก็กลับมาที่โต๊ะ ฉันคิดจะไปเอากุญแจจากพี่คีตะคืนมาก็ไม่รู้จะไปหาเขาตรงไหน เพราะมองขึ้นไปจุดเดิมเขาก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ถ้าบอกธัญญ่ารู้มันก็ต้องโวยวายแน่ๆ
ค่อยไปขอกุญแจสำรองเอาก็ได้
“แกขึ้นไปไหวนะ” วาวากับธัญญ่ามาส่งฉันที่หอ ฉันไม่ได้ดื่มเยอะขึ้นเลยหลังจากเจอพี่คีตะ เพราะกลัวตัวเองจะเมาไม่ได้สติแล้วไปทำอะไรเสียหายอีก
“ไหว”
“ให้ไปส่งก่อนไหม หน้าแกเหมือนจะไม่ไหว” ธัญญ่ามองฉันด้วยความเป็นห่วงแต่ฉันรีบปัดมือบอกมัน เพราะที่หน้าฉันเปลี่ยนไปตอนนี้เป็นเพราะกำลังรู้สึกกังวลกับอย่างอื่นอยู่ต่างหาก
“ไม่ ไม่ต้อง แกรีบกลับเถอะดึกแล้ว” ฉันบอกมันแล้วโบกมือให้ก่อนจะรีบเดินเข้าหอและกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นสี่ ฉันชั่งใจอยู่ว่าเขาจะมาจริงๆ หรือแค่แกล้งหลอกให้ฉันไปเอากุญแจคืน มองดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือตอนนี้ก็เกือบตีหนึ่งแล้วถ้าเขาไม่เอามาคืนก็คงต้องลงไปขอกุญแจสำรอง
ติ้ง!
เสียงลิฟต์ที่ตั้งขึ้นมาเหมือนเสียงที่เตือนให้ฉันตื่นขึ้นจากความคิดเรื่อยเปื่อย แต่หลังจากนั้นหัวใจกลับเต้นแรงอย่างไม่มีสาเหตุ ค่อยๆ ก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ฉันมองตรงทางเดินที่ไปยังห้องของตัวเองนั้นพบกับความว่างเปล่า เขาไม่ได้มาอย่างที่พูดจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง แต่อีกใจกลับรู้สึกผิดหวังแปลกๆ
นี่ฉันหวังอะไรอยู่กันนะ คิดไม่เข้าท่าเลยนะยัยดรีม
“พี่จูนคะดรีมขอยืมกุญแจสำรองหน่อยค่ะพอดี ลืมไว้ที่บ้าน” ฉันลงมาขอกุญแจสำรองอีกครั้งกับพี่จูน คนงานกะดึกที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย เพราะหอพักแห่งนี้มีร้อยกว่าห้อง แถมยังราคาค่าเช่าค่อนข้างสูงจึงต้องได้รับการบริการที่ดีพอสมควร
ฉันอยู่ที่นี่มาปีกว่าจึงพอจะสนิทกับพนักงานที่นี่อยู่บ้าง ตั้งแต่คนดูแลหอ ยันแม่บ้าน และลุงคนสวน เพราะทุกคนที่นี่ค่อนข้างอัธยาศัยดีด้วย
“ตอนเช้าค่อยเอามาคืนพี่ก็ได้ ดึกแล้ว” พี่จูนส่งกุญแจสำรองมาให้ฉันแล้วยิ้มกว้าง จากนั้นก็กลับไปล็อกกุญแจตู้ที่เก็บของ ฉันจึงกล่าวขอบคุณแล้วรีบขึ้นมาบนห้อง
พอใช้กุญแจสำรองเปิดห้องของตัวเอง แสงไฟภายในห้องที่สว่างไสวก็ทำเอาฉันขมวดคิ้วแน่น เพราะฉันจำได้ว่าก่อนออกไปฉันปิดมันไปแล้วแต่ทำไมถึง…
“มาช้า…” เสียงเข้มของใครบางคนดังขึ้นก่อนที่เขาจะโผล่มาจากอีกฝั่งของประตูจนฉันต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เขาจับประตูให้เปิดกว้างแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนจะตวัดแขนรวบเอวของฉันเข้าไปใกล้จนชิดกับตัวของเขา แล้วใช้เท้าถีบประตูปิดเสียงดัง “ฉันรอเธอจนจะหลับอยู่แล้ว”
ปึก!
“เดี๋ยวก่อน อื้อ!!”
พูดจบเขาก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉันเป็นฝ่ายถามต่อ มือใหญ่ดันฉันชิดติดกับประตู ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาประกบริมฝีปากของฉันที่กำลังจะอ้าปากถามเขา จนกลายเป็นการเปิดทางให้เข้าแทรกเรียวลิ้นเข้ามาอย่างง่ายดาย
เสียงล็อกประตูดังขึ้นในเวลาถัดมาขณะที่ฉันกำลังถูกเขาดึงความสนใจไปที่ริมฝีปากที่กำลังบดจูบลงมาอย่างหนักหน่วง ฝ่ามือหนาก็ขยับขึ้นมาที่ไหล่เปลือยเปล่า มีเพียงสายเสื้อที่เป็นอะไหล่เส้นเล็กๆ พาดไว้ แต่มันกลับถูกเขากระชากออกในเวลาต่อมาจนมันขาดออกจากชุดด้านล่าง
แคว่ก!
“อื้อ!”
“แต่งตัวไปยั่วใคร”