บทที่ 9 ออกหน้าช่วยเหลือ
บทที่ 9
ออกหน้าช่วยเหลือ
“แล้วเรื่องนี้ผมควรจะทำอย่างไรดี พูดไปชาวบ้านคงไม่เชื่ออย่างที่คุณบอก” ตงเหวินหมิงเริ่มเห็นด้วยกับสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าบอก เนื่องจากเขาเป็นผู้ชายและไม่ค่อยสนใจคำครหาของชาวบ้าน แต่ลืมไปว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจจะกระทบกับลูกทั้งสองคน โดยเฉพาะลูกสาวอย่างตงฟางลี่
“เรื่องนี้ฉันจัดการเองถ้าคุณไม่ตำหนิฉันนะ หากไม่เช่นนั้นแล้วผู้หญิงคนนั้นคงไม่หยุดวุ่นวายกับคุณแน่” หยางเหมยจินคล้ายกับจะตัดสินใจบางอย่าง เนื่องจากเธอไม่มีอะไรจะให้เสียหายแล้ว ชื่อเสียงสำหรับเธอเป็นเพียงแค่ของประดับเท่านั้น การที่จะได้ช่วยผู้มีพระคุณทำให้เธอยอมที่จะแลก
“อย่าบอกนะว่าคุณจะ...” ตงเหวินหมิงเหมือนจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ จึงได้มีสีหน้าตกใจ
“ใช่ค่ะ เรื่องอื่นปล่อยไว้ก่อน หากทำแบบนี้อย่างน้อยฉันก็สามารถออกมาจากบ้านของคุณและช่วยงานทุกคนได้ แต่คุณไม่ต้องกังวลนะ ถ้าเมื่อไรที่คุณมีหญิงสาวที่ชอบ ฉันจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอคนนั้นได้รับรู้ด้วยตัวเอง คุณคิดเห็นว่าอย่างไร” หญิงสาวคิดว่าเขารู้แล้วว่าเธอจะทำอะไร จึงบอกเขาไม่ให้กังวลหากเขามีคนรักในภายหลัง
“คุณคิดดีแล้วใช่ไหมที่จะทำแบบนี้ แต่คุณจะเสียหายได้นะ” ตงเหวินหมิงยังคงกังวลถึงชื่อเสียงของหญิงสาวตรงหน้า หากเธอออกหน้าช่วยเขา บางทีเรื่องราวอาจจะยุ่งเหยิงกว่าเดิมหรือว่าอาจจะดีขึ้นอย่างที่คิด เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้
“คิดดีแล้วค่ะ อย่างน้อยเวลานี้ฉันยังสามารถช่วยเหลือคุณได้บ้าง เอาเป็นว่าเราสองคนมาร่วมมือกันก่อนดีกว่า แต่คุณมั่นใจใช่ไหมว่าเรื่องเอกสารตัวตนของฉันจะไม่มีปัญหา เท่าที่ฟังคุณและสองแฝดเล่ามา หากฉันไม่มีเอกสารส่วนนั้นคงทำให้เรื่องยุ่งยากกว่าเดิม”
ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร หยางเหมยจินไม่ต้องการที่จะสร้างเรื่องวุ่นวายหรือว่าทำให้บ้านตงเดือดร้อนหากเธอปรากฏตัวขึ้นมา จึงถามเรื่องเอกสารขึ้นมา
“เรื่องเอกสารคุณไม่ต้องกังวล อีกสามวันผมจะไปรับเอกสารชุดนั้นมาให้คุณเอง” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างมั่นใจ
ในส่วนเอกสารส่วนตัวของหยางเหมยจินเขาไม่เป็นกังวล เพราะรู้ดีว่านายท่านหลู่นั้นทำงานเป็นอย่างไร หากเขาทำงานเสร็จตามที่ได้รับข้อเสนอมา ก็สามารถไปรับเอกสารชิ้นนั้นได้เลย
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายรับปากเรื่องเอกสาร เวลานี้หยางเหมยจินไม่คิดที่จะกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว
“เช่นนั้นเราออกจากมิติกันเถอะ” พูดจบหยางเหมยจินจึงคว้ามือของชายหนุ่มแล้วพาออกมาจากมิติทันที
เมื่อมายืนอยู่ในบ้าน ทั้งสองจึงนัดแนะกันอีกเล็กน้อย จากนั้นตงเหวินหมิงจะเป็นฝ่ายเดินออกมาจากบ้านก่อน
“มีอะไรกันหรือเปล่า ถึงมาโวยวายอยู่ตรงนี้” ตงเหวินหมิงเปิดประตูออกมาพร้อมกับถามขึ้นทันทีพร้อมกับจ้องมองไปที่หญิงสาวอย่างไม่พอใจ
“พี่แอบซ่อนผู้หญิงไว้ในบ้านใช่ไหม ฉันยืนเรียกอยู่นานพี่ถึงไม่ยอมออกมาเปิดประตูเสียที” ซูหว่านถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมเปิดประตูแล้ว
ชาวบ้านบริเวณนี้ก็ไม่ยอมไปไหนเหมือนกัน นั่นก็เพราะต้องการชมเรื่องราวสนุก
“ผมจะแอบซ่อนหรือว่ามีผู้หญิงอยู่ในบ้าน เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ว่าแต่คุณยังไม่ตอบผมเลยว่าคุณมาโวยวายอะไรในบ้านของผม เท่าที่ผมจำได้ก่อนเข้ามาประตูรั้วผมก็ปิดไว้แล้ว”
สายตาคมเข้มมองไปยังประตูรั้วที่เวลานี้เปิดกว้างคล้ายกับต้อนรับคนเข้ามา
“กะ ก็ฉันเองนี่แหละที่เปิดเข้ามา พี่ลืมไปหรือเปล่าว่า พี่ต้องรับผิดช...” แต่ซูหว่านยังพูดไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงหวานดังออกมาจากในบ้าน
“ใครมาวุ่นวายบ้านเราหรือคะพี่หมิง”
เนื่องจากเจอมารยาสตรีในจวนอ๋องจากชาติที่แล้วมานักต่อนัก การที่หยางเหมยจินจะแกล้งทำเป็นสตรีที่ยั่วยวน จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นมากนัก
สภาพหญิงสาวที่เดินออกมานั้นเสื้อผ้าคล้ายกับไม่ค่อยเรียบร้อยนัก คนที่เห็นภาพนี้คิดอย่างอื่นไม่ได้เลยจริง ๆ แม้กระทั่งตงเหวินหมิงที่เห็นสภาพของผู้ร่วมแผนการ ก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอเล่นเกินความจริงไปหรือเปล่า คิ้วของชายหนุ่มจึงขมวดแทบจะชนกัน ก่อนสายตาหันไปเห็นผ้าผืนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจึงคว้ามาไว้แล้วคลุมร่างกายของเธอไว้อย่างมิดชิด
“ทำไมออกมาสภาพนี้ พี่บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอาเหมยไม่ต้องออกมา” ชายหนุ่มส่งเสียงดุปนอ่อนโยนกลับไปให้หญิงสาว พร้อมกับเปลี่ยนคำเรียกตามที่นัดแนะกับหยางเหมยจินไว้
ทว่าหยางเหมยจินยังไม่ทันได้ตอบ ซูหว่านที่หน้ามืดเพราะความอิจฉาก็ถลาเข้ามาหมายจะจิกหัวของคนที่มาแย่งตงเหวินหมิงไปจากเธอ แต่เพราะหยางเหมยจินเตรียมการมาอย่างดีจึงเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ทำให้อีกฝ่ายล้มไปกองกับพื้นเสียงดังลั่น
โครม!!
ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ปิดตาอย่างหวาดเสียว เพราะรู้ดีว่าล้มทั้งยืนนั้นเจ็บแค่ไหน
ส่วนหยางเหมยจินนั้นยืนไม่ต่างจากจุดเดิม เนื่องจากเธอแค่เบี่ยงตัวหลบเท่านั้นทำให้ไม่ต้องขยับเขยื้อนไปไหน
“กรี๊ดดด!!!!!! นี่แกกล้าทำร้ายฉันหรือ” ซูหว่านกรีดร้องขึ้นมาเสียงดัง พร้อมกับโวยวายและโยนความผิดให้หยางเหมยจิน ที่ทำให้เธอต้องล้มมากองอยู่ตรงนี้
“อ้าวคุณ จะกล่าวหาใครหัดดูเสียก่อนนะคะ ไม่ใช่คุณหรอกหรือที่จะเข้ามาทำร้ายฉัน ว่าแต่คุณทำอีท่าไหนล่ะถึงได้ล้มลงไปนอนกองอย่างนั้น” หยางเหมยจินยืนกอดอกถามขึ้นพร้อมกับ
ปรายตามองในขณะที่ถาม
นั่นทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ได้แต่ยกมือปิดปากเพื่อกลั้นหัวเราะ พร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วยในคำพูดของหญิงสาวแปลกหน้า
ใบหน้าของซูหว่านเวลานี้บิดเบี้ยวแทบดูไม่ได้ เพราะแค้นใจที่เธอกลายเป็นตัวตลกของทุกคน แต่เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบลุกขึ้น แม้จะยังมีความเจ็บที่ก้นและสะโพกอยู่ก็ตาม
“หล่อนเป็นใคร ทำไมถึงได้มาอยู่ในบ้านของพี่เหวินหมิง ดูสภาพของหล่อนสิ น่าอายสิ้นดี”
ซูหว่านจ้องหน้าหยางเหมยจินอย่างเอาเรื่องพร้อมกับพูดจาจิกกัดและกระทบกระทั่งอีกฝ่าย เพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นใคร
“ผู้หญิงคนนี้จะเป็นใคร มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยหรือ” ตงเหวินหมิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาบ่งบอกว่าเขาไม่ชอบใจอย่างยิ่งที่มีใครบางคนมายุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของเขา
“ทำไมฉันจะถามไม่ได้ พี่ก็น่าจะรู้ว่าฉันถามเพราะอะไร พี่อย่าลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราสิ”
ซูหว่านพูดขึ้นเสียงดังขึ้นอีก เพื่อหวังว่าให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ได้ยินและสงสัยในคำพูดของเธอ เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจะได้เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา คราวนี้ล่ะพี่เหวินหมิงจะต้องรับผิดชอบเธอ โดยการรับเธอเป็นภรรยาของเขา
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างพี่กับผู้หญิงคนนี้หรือคะ หรือว่าเป็นเรื่องวันนั้น วันที่ฉันกำลังอาบน้ำอยู่อีกฝั่งแล้วมีผู้หญิงเข้ามากอดพี่จากทางด้านหลังจนพี่ต้องวิ่งหนีมาหาฉัน หรือว่าคนคนนั้นคือผู้หญิงตรงหน้าฉันหรือคะ ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ”
หยางเหมยจินถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนจะเดินหน้าขึ้นมาคล้ายกับจะเอาเรื่องหญิงสาว
นี่จึงทำให้ซูหว่านผงะจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว และพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “หมะ หมายความว่าอย่างไร เรื่องระหว่างฉันกับพี่เหวินหมิงในวันนั้น ทำไมถึงมีคนอื่นอยู่ด้วยล่ะ”
“นั่นสิอาหมิง เรื่องราวในวันนั้นที่ซูหว่านพูดถึงคือเรื่องอะไรกันแน่ แล้วผู้หญิงคนนี้คือใครกัน ตอนที่พวกนายย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน ได้บอกว่าแม่ของสองแฝดตายแล้วไม่ใช่หรือ”
พ่อเฒ่าในหมู่บ้านคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา เรื่องที่ภรรยาของตงเหวินหมิงตายไปแล้วนั้นทุกคนล้วนรู้ดี และสงสารในชะตากรรมของสามคนพ่อลูกยิ่งนัก ผู้นำหมู่บ้านในวันนั้นเลยแบ่งที่ดินและให้สร้างบ้านอาศัยอยู่ วันเวลาผ่านมาเกือบสิบเอ็ดปี เรื่องข่าวคาวความเสียหายไม่มีเลยจากบ้านตง แต่ครั้งนี้ทำไมถึงมีหญิงสาวสองคนมาโต้เถียงกันล่ะ คนชราเช่นเขาไม่เข้าใจคนหนุ่มสาวเสียเลย