บทที่ 13 สัญญาสองปี
หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดสงบไม่มีผู้ใดเหลืออยู่แล้ว นางรั่วซิวต่อว่าสะใภ้ตนเองเป็นการใหญ่ หากไม่เพราะอีกฝ่ายยั่วยุเรื่องทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้น
“เป็นเพราะแกคนเดียว แล้วทีนี้ผู้ใดจะทำงาน ค่าเลี้ยงดูก็ได้แค่นิดเดียว จะไปพอใช้อะไร” นางรั่วซิวชี้หน้าตำหนิถังหลิว ที่น่าแค้นใจไปกว่านั้น ยามเกิดเรื่องเจ้าตัวกลับหนีหายปล่อยให้ตนเองเผชิญหน้าอยู่คนเดียว
“ท่านแม่จะว่าข้าคนเดียวก็ไม่ถูกนะเจ้าคะ ท่านเองไม่ใช่หรืออยากจะได้ข้าวของพวกนั้น” ถังหลิวเองไม่ยอมให้แม่สามีโทษตนเองแต่ฝ่ายเดียวเช่นกัน ก่อนหน้ายังเห็นดีเห็นงามอยู่เลย
“นั่นเป็นเพราะเจ้าเป่าหูข้าน่ะสิ ไม่มีคนทำงานแล้วต่อไปจะมาเกียจคร้านไม่ได้แล้วนะ เจ้าต้องออกไปหางานทำ”
“ได้อย่างไรเจ้าคะ หากข้าออกไปทำงานแล้วฮุ้ยเอ๋อร์ผู้ใดจะเลี้ยง” เรื่องอะไรที่ตนจะทนเหนื่อยให้นังแก่นี่สุขสบาย ที่ตนทนอยู่ก็เพราะมีพี่สามีทำงานหาเงินเข้าบ้าน ตอนแรกเข้าใจว่ามีเพียงหนิงหลันที่ต้องออกไปเสียอีก ใครจะไปคิดพี่สามีก็ตามไปด้วย เช่นนี้แล้วนางจะทนยายแก่นี่ไปทำไมกัน
“เจ้าก็เอาไปด้วยสิ ข้าแก่แล้วทำอะไรไม่ได้หรอก” นางรั่วซิวไม่รอฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น รีบเดินเลี่ยงเข้าห้องพัก ปล่อยให้ถังหลิวยืนกระทืบเท้าเร่า ๆ อยู่ด้านนอกเพียงคนเดียว
แต่หารู้ไม่ว่าคล้อยหลังถังหลิวแอบเก็บเสื้อผ้า พาบุตรชายกลับบ้านเดิมไปเสียแล้ว
ด้านหนึ่ง ไคเฉิงหอบหิ้วของพะรุงพะรังเดินตามหลังภรรยาต้อย ๆ ไม่พูดไม่จาตลอดทาง ภายในหัวก็เอาแต่เป็นกังวลเรื่องที่พัก อีกไม่กี่ชั่วยามตะวันจะตกดินแล้ว จะหาที่พักทันหรือไม่ รั่วเอินก็ยังเด็กจะนอนกลางดินกินกลางทรายได้อย่างไร
“ท่านคิดว่าข้าทำเกินไปหรือไม่ จะต่อว่าข้าก็ได้นะ”
“ไม่หรอก เจ้าทำดีแล้ว เป็นข้าเองที่ไร้ความสามารถ” สิ่งที่รู้สึกผิดที่สุดก็คือเขาเป็นพ่อและสามีแท้ ๆ แต่กลับปกป้องลูกเมียไม่ได้ มิหนำซ้ำยังดูเหมือนว่าเป็นเขาเองต่างหากที่ถูกหนิงหลันปกป้อง
“ใครบอกว่าท่านไม่มีความสามารถ ดูอย่างวันนี้สิท่านมีความกล้าหาญ กล้าตัดสินใจ เท่านี้ก็พอแล้วมิใช่หรือ ต่อจากนี้เรามาเริ่มใหม่กันดีหรือไม่”
“ดี ขอบใจเจ้ามาก ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว” ไคเฉิงยิ้มบางหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร คงต้องปล่อยไปตามแต่โชคชะตา กังวลไปก็ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี
หนิงหลันผ่อนการเดินลงเล็กน้อยเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกันกับสามี ส่วนรั่วเอินบุตรสาวตัวน้อยนอนหลับปุ๋ยในอ้อมแขนมารดา เพื่อไม่ให้เด็กน้อยได้รับรู้เหตุการณ์รุนแรง ดีที่เจ้าภูตน้อยทำให้นางนอนหลับชั่วคราว
ทั้งสองเดินตามกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเกือบจะสุดปลายทางท้ายหมู่บ้าน ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งไคเฉิงมั่นใจว่าไม่เคยมีบ้านอยู่ตรงที่ตรงนี้มาก่อน
“ถึงบ้านแล้วเจ้าค่ะ”
“คืนนี้เราจะพักที่นี่กันหรือ บ้านผู้ใดค่าเช่าแพงหรือไม่” บ้านหลังใหญ่ทั้งดูดีค่าเช่าคงจะไม่น้อย ทั้งพื้นที่ก็กว้างขวาง ดูจากสภาพแล้วคงจะเพิ่งสร้างเสร็จเสียด้วยซ้ำ ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาเหลือเงินไม่ถึงห้าอีแปะจะพอจ่ายหรือ
“เช่าอะไรกัน นี่บ้านเราต่างหาก เข้าบ้านกันเถอะ”
หญิงสาวอุ้มลูกเดินบ้านตัวปลิวนำหน้าเข้าบ้านอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้สามียืนทำหน้าเหลอหลาคนเดียวอยู่หน้าบ้าน ไม่นานเจ้าตัวจึงวิ่งตามหลังมาติด ๆ
หลังจากเก็บของที่นำติดตัวมาจากบ้านเดิมเข้าที่ ชายหนุ่มเริ่มเดินสำรวจไปทั่วบ้าน ทุกชิ้นห้องทุกห้องล้วนมีสิ่งของครบครัน นางเอาเงินจากที่ใดมาใช้สร้างบ้าน พื้นที่ใช้สอยก็กว้างขวาง การจัดวางทุกอย่างก็ทำได้ดี ท้ายหมู่บ้านผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านเงียบสงบ นับว่าหนิงหลันเลือกที่ปลูกบ้านได้ดี
“เจ้าไปเอาเงินมากมายจากที่ใดมาสร้างบ้าน ข้าวของพวกนี้อีก ไม่ใช่ว่าเจ้าไปยืมฮั่วจินมาหรอกนะ” ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาไม่เคยเห็นภรรยามีของมีค่าติดตัวเลยสักชิ้น เงินมากขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครได้ ในเมื่อหนิงหลันมิได้สนิทกับผู้ใดเป็นพิเศษ
“ข้าเอาเครื่องประดับไปขาย ได้เงินมาจำนวนหนึ่งก็เลยฝากท่านลุงเหลียงคอยดูแลหาช่างมาสร้างบ้าน ตอนนี้เงินพวกนั้นข้าใช้สร้างบ้านและซื้อของหมดแล้ว ที่เหลือต้องเป็นหน้าที่ของท่านแล้วเจ้าค่ะ” เสียดายสมบัติตนเองมีมากมายแต่เอาออกมาใช้ไม่ได้อย่างที่ต้องการ
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง จากนี้ข้าจะขยันทำงานหาของป่าให้มากขึ้น ข้าไม่ปล่อยให้เจ้ากับลูกอดตายอยู่แล้ว” แค่ได้ยินว่าพวกนางต้องพึ่งพาตนเอง หัวใจเขาก็อุ่นซ่านแล้ว รู้สึกดีอย่างน้อยตนเองยังพอมีประโยชน์กับใครสักคน
“จริงสิ ข้าจะพาท่านไปดูห้อง รับรองว่าท่านต้องชอบมันแน่” หญิงสาวจัดท่าทางให้ลูกน้อยนอนในท่าที่สบาย ก่อนจะพาสามีชมห้องส่วนตัวของเขา
เพราะเกรงว่าเขาจะอึดอัดที่ต้องอยู่ห้องเดียวกัน บ้านเดิมไม่มีห้องแยกเป็นสัดส่วน เมื่อได้บ้านใหม่นางจึงทำห้องแยกให้เขาต่างหาก
“เจ้าอยากแยกกันอยู่” ไคเฉิงถึงกับหน้าเสีย ไม่คิดว่าภรรยาอยากจะแยกห้องกับตนเอง
“มันดีแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ท่านกับข้าลงเอยกันเพราะเหตุใด ข้ากลัวท่านจะอึดอัดก็เลยทำห้องแยกให้เจ้าค่ะ”
“แล้วนี่อะไร” ลำพังแยกกันอยู่คนละห้องก็ว่าใจหายแล้ว เจ้าหนังสือสัญญาตรงหน้านี้มันอะไรกัน
“หนังสือสัญญาสองปีที่เราจะอยู่ด้วยกันเจ้าค่ะ เมื่อครบสัญญาแล้วข้าจะให้อิสระกับท่าน” มิใช่ว่าทำแบบนี้ตนจะไม่เสียใจเพราะนั่นหมายถึงรั่วเอินจะขาดพ่อ และนางก็จะกลายเป็นม่ายตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ถ้าอยู่ด้วยกันเพราะฝืนใจตนก็ไม่อยากจะให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ไคเฉิงรับสัญญาฉบับนั้นไว้ เหลือเพียงเขาลงชื่อบนกระดาษแผ่นนั้น สัญญาสองปีจะถือว่าสมบูรณ์ ชายหนุ่มลงชื่อกระดาษทั้งสองแผ่นนั้น ก่อนจะยื่นอีกฉบับให้หนิงหลัน เขาไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะดันหลังให้อีกฝ่ายออกจากห้องแล้วเอาแต่เก็บตัวเงียบไม่ยอมออกจากห้องอีกเลย
หนิงหลันมองสัญญาในมือรู้สึกใจหายไม่น้อย นางเองก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้นเสียเมื่อไร แต่ในความทรงจำนี้ ทั้งเขาและหนิงหลันคนเดิมช่างเป็นความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิง และไม่คิดว่าทั้งสองจะมารักกันได้เลย
ทางด้านไคเฉิงหลังจากขังตนเองอยู่ในห้องนานสองนาน เขาเอาแต่จ้องมองกระดาษแผ่นนั้นตาเขม็ง พานรู้สึกไม่ยินยอม ทั้งที่เขาตั้งมั่นแล้วว่าจะประคองให้เป็นครอบครัว อยู่ด้วยกันเช่นนี้ตลอดไป แต่แล้วนางกลับพูดเรื่องไร้สาระเสียได้ เขาหรือก็หลงคิดว่านางจะตัดใจจากฮั่วจินแล้วเสียอีก สัญญาสองปีเช่นนั้นหรือ...
สัญญาไปคนเดียวเถอะ ข้าไม่ยอม
กระดาษแผ่นบางในมือถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนจะนำมันไปเผาเหลือเพียงกองขี้เถ้า
“เฮอะ! มาทำให้ข้าชอบแล้วจะมาไล่กัน อย่างไรข้าก็ไม่ยอม”
