ตอนที่ 1 สตรีเช่นเจ้าไม่ควรฟื้นขึ้นมา
เซี่ยซูหลิงขยับร่างกายที่ชาของเธอด้วยความยากลำบาก ชาหนึบจนเธอส่งเสียงร้องเบาๆ
ยังไม่ตาย? ที่นี่ที่ไหน?
จำได้ว่าเธออยู่ที่สถาบันวิจัยไวรัสกำลังวิจัยยาตัวใหม่อยู่ จู่ๆ ทั่วทั้งห้องวิจัยก็เกิดไฟดับขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ไฟดับตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาอยู่ในห้องวิจัยเป็นเวลาสี่ปี
ในเวลานั้นเธอจำได้ว่าศาตราจารย์เคทอาจารย์ของเธอได้นำกระเป๋ายานาโนยัดใส่มือของเธอพร้อมกับบอกให้เธอรีบหนีไปและรักษากระเป๋านาโนนี้เอาไว้ให้ดี
แต่ยังไม่ทันได้หนีห้องวิจัยทั้งตึกก็ระเบิดขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตายแล้วสิ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
เซี่ยชูหลิงก้มหน้าอย่างงุนงงพร้อมกับสำรวจร่างกายของตนเอง เมื่อจับๆ คลำๆ ดูก็พบว่าตัวเองนั้นยังไม่ตายจริงๆ
คิดได้ดังนั้นเซี่ยชูหลิงก็ค่อยๆสำรวจบริเวณที่เธออยู่ ที่นี่โกโรโกโสมาก เตียงเก่าๆ ห้องคับแคบ "ที่นี่ที่ไหนกัน?" คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันปากก็พึมพำออกมา
ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวตัวผอมบางอายุราวสิบหกปีไว้ผมแกละสองข้างวิ่งพรวดพราดเข้ามากอบกุมมือของนางเอาไว้ ปากก็พร่ำร้องออกไปทั้งน้ำตา
"คุณหนูของบ่าวท่านยังไม่ตาย! ข้าคิดว่าคุณหนูจะทิ้งข้าไปแล้ว"
คุณหนู? บ่าว? นี่มันเรื่องอะไรกัน? เซี่ยชูหลิงตะลึงงันเป็นไปได้ไหมว่าเธอยังไม่ตายแต่ทะลุมิติมาเกิดใหม่ชาติแรกยังไม่ทันได้เกิดจู่ๆ ก็ ข้ามมาชาติที่สองเลยดั่งในละคร
ในขณะที่ความมึนงงยังคงเลือนลางจู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรงจนเซี่ยชูหลิงนั้นตื่นตกใจ เมื่อหันมองไปก็พบกับชายหนุ่มในชุดสีม่วงปักลวดลายเมฆเมฆา
ใบหน้าของเขาหล่อเหลา เย็นชา คิ้วเรียวยาวของเขาขมวดแน่นเข้าหากัน ทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึงร่างของเธอพลันมือที่แข็งแกร่งก็บีบเข้าที่คางเล็กของนางอย่างแรง
"เซี่ยชูหลิง เจ้าไม่น่าฟื้นขึ้นมาเลยจริงๆเหตุใดสตรีชั่วร้ายเช่นเจ้าถึงไม่ตายๆไปซะ!"
ความเจ็บปวดทําให้เซี่ยชูหลิงมีสติขึ้นมาทันที เธอยกมือขึ้นมาบีบมือแกร่งของเขาเอาไว้ พร้อมออกแรงทุบตี แรงของเขาเยอะจนคางของนางแทบหัก มืออีกข้างหนึ่งกําลังกำข้อมือเล็กๆของนางเอาไว้ให้หยุดทุบตี
เซี่ยชูหลิงหัวใจเต้นแรงเธอรู้ทันทีว่าเวลานี้ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่นรกหรือสวรรค์ แต่มันคือเรื่องจริงเวลานี้เธอกำลังถูกชายที่ไม่รู้จักสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์โบราณคุกคามทำร้ายแล้วเหตุใดเธอจะต้องยอมเป็นหมูรอเชือดด้วยเล่า
เซียชูหลิงรีบดิ้นรนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ต่อให้วันนี้ฉันสู้คุณไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทําอะไรฉันก็ได้นะ"
ในระหว่างที่ดิ้นรนต่อสู้กันอยู่นั้นในสมองของเธอก็ผุดความทรงจำต่างๆเข้ามา
บุรุษที่เต็มไปด้วยไอสังหาร บุรุษที่หล่อเหล่าผู้นี้เขาคือสามีที่หมั้นหมายไว้ด้วยนานแล้ว เขาคือองค์ชายสาม โอรสคนที่สามชองฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ปัจจุบัน และที่สำคัญเขายังเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามในตำนาน ของราชวงศ์ฉีเทียนอีกด้วย
ตัวเขานั้นติดตามท่านตาของเขาอันกั๋วกงไปรบตั้งแต่เด็กๆ เขามีความสามารถที่คนวัยเดียวกันไม่มี ยิ่งเรื่องการวางกลยุทธ์เขายิ่งชำนาญจนทำให้การออกรบนั้นได้รับชัยชนะหลายต่อหลายครั้ง
ด้วยความสามารถรอบด้านเขาเป็นอ๋องที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจและเป็นแบบอย่างที่บุรุษหลายคนในฉีเทียนก็เทียบไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นสามีที่หญิงสาวต่างถวิลหาอ๋องมู่หรงเหยียน
เจ้าของร่างเดิมมีสัญญาหมั้นหมายกับเขามาตั้งนานแล้วทั้งสองต่างก็ไม่เคยพบหน้ากัน
เมื่อราวๆหนึ่งเดือนก่อนเจ้าของร่างได้พบกับเขาที่จวนตระกูลเซี่ยเวลานั้นนางกำลังเดินชมดอกไม้อยู่ในสวนกับบ่าวข้างกาย
จู่ๆใครจะรู้ว่าเซี่ยชูหลางน้องสาวต่างมารดาของนางจะมาขวางทางจนทั้งสองเกิดการยื้อแย่งกันผู้ใดจะรู้ว่า น้องสาวต่างมารดาตัวดีนั้นจะทิ้งตัวเองตกลงน้ำไป
ในตอนนั้นบิดาตัวดีก็ไม่ถามไถ่เรื่องราวสักคำเดินมาถึงก็ตบหน้านางพร้อมกับด่าทอทันที
ความประทับใจแรกไม่มี คำพูดจากคนในจวนเสนาบดีคือนางเป็นคนชั่วร้ายมากกลั่นแกล้งน้องสาวต่างมารดา ทุบตีด่าทออนุของบิดา
จนทำให้เขาที่ไม่อยากสมรสกับนางและตัวเขาเองก็มีสตรีที่ชอบพออยู่แล้วจึงถือโอกาสนี้เข้าวังไปขอฮองไทเฮาถอนหมั้นถึงสองครั้งสองครา
แต่ฮองไทเฮานั้นก็ไม่ยินยอมเพราะพระนางตรัสว่า นี่คือพระชายาที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
สามวันที่แล้วเป็นวันที่เหยียนอ๋องสมรสชายารองแต่เพราะตลอดหนึ่งเดือนที่แต่งเข้ามานางเองยังไม่เคยได้รับความโปรดปรานเลยสักครั้ง สตรีคนอื่นจะแต่งเข้ามาได้อย่างไรจึงเกิดใจอิจฉาริษยาถือมีดสั้นเข้าไปในงานหวังไปทิ่มแทงเหยียนอ๋องให้ตายคามือ
แต่ยังไม่ทันได้เข้าถึงตัวเหยียนอ๋องชายารองของเขาก็วิ่งเข้ามารับมีดนั้นแทนเขา ด้วยความโมโหเขาจึงสั่งองครักษ์จับนางไปขังเอาไว้ในพระตำหนัก แต่เพราะความตื่นตกใจเซี่ยชูหลิงจึงวิ่งกรีดร้องออกไปทางด้านหลังแล้วกระโดดบึงบัวหลับไปสามวันสามคืน
และตลอดสามวันสามคืนนี้ไม่มีหมอคนใดเข้ามาดูนางเลยสักคน นางและนางกำนัลข้างกายถูกขังเอาไว้ในห้องเก็บของจวนอ๋องที่ทั้งเก่าและทรุดโทรม
แน่แล้วว่าตอนนี้ตนข้ามภพมาจริงๆ และก็มาเป็นพระชายาที่สามีรังเกียจนี่ด้วย
ในขณะที่เกิดความวุ่นวายอยู่นั้นที่นอกประตูก็มีเสียงอ่อนแอดังขึ้นมา
"ท่านพี่พระชายาอยู่ข้างในหรือไม่เพคะ?"
ปัง! ทันทีที่ได้ยินเสียงที่อ่อนแอนั้นมู่หรงเหยียก็เหวี่ยงร่างของเธอใส่โต๊ะน้ำชาพังๆที่ตั้งอยู่
"แม่งเอ้ย..." เซี่ยชูหลิงเจ็บแปลบที่ชายโครงแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็กัดฟันลุกขึ้นมาหมายจะเข้าไปต่อยเขาสักหมัดแต่ความเจ็บแปลบก็เสียดแทงขึ้นมา
มู่หรงเหยียนดวงตามืดครึ้ม ร่างสูงโปร่งของเขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามา บรรยากาศรอบตัวกดดันเป็นอย่างมาก
เซี่ยชูหลิงกัดฟันหลับตาลงด้วยความอ่อนแรงเธอยกมือขึ้นกุมท้องเอาไว้เบิกตาโพลงจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาแข็งกร้าว
"มู่หรงเหยียน แน่จริงท่านก็ฆ่าข้าเสียสิ"
มู่หรงเหยียนชะงักไปคราหนึ่งจากนั้นริมฝีปากบางก็ยกยิ้มเย้ยหยัน
"ฆ่าเจ้า? สู้ไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตายไม่ดีกว่าหรือ? เซี่ยชูหลิง สตรีชั่วร้ายเช่นเจ้าชาตินี้ก็อย่าได้หวังจะได้รับสิ่งดีดีจากข้า เจ้าจงรู้เอาไว้ด้วย แค่เห็นหน้าเจ้าข้าก็ขยะแขยงเต็มทนแล้ว"
"เหอะ! หลงตัวเองเกินไปแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากจะเห็นหน้าท่านแม้แต่ครู่เดียว"
“ดีเช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็เข้าวังไปขอหย่าพร้อมกับข้าเลยสิ?”
เซี่ยชูหลิงระบายยิ้ม “ได้..เชิญท่านอ๋อง?"
ชิงฮวนที่อยู่ด้านหลังกระตุกชายเสื้อของเธอพลางเอ่ยเสียงเบา “อย่านะเจ้าคะคุณหนู"
เซี่ยชูหลิงเองก็เข้าใจว่าการถูกหย่านั้นเป็นเรื่องเสื่อมเสียและน่าอับอายเป็นอย่างมากสำหรับสตรีในยุคสมัยนี้ บุตรสาวแต่งออกไปก็เหมือนสาดน้ำออกนอกบ้านจะกลับเข้าไปอาศัยอยู่ในจวนอีกครั้งนั้นย่อมไม่ได้ เพราะจะทำให้ตระกูลเสื่อมเสีย
แต่สำหรับเธอที่มาจากทศวรรษที่ยี่สิบเอ็ดจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องการหย่าร้างด้วยหรือ?
.......