ตอนที่ 1 คุณหนูสาม
“ยัยอัปลักษณ์ ยัยอ้วน ยัยโง่ไสหัวไปให้พ้นนะ เจ้ามันเป็นหญิงอ้วนแพศยา เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเจ้ามันคนไม่เจียมตนเอง
เจ้าดูสารรูปเจ้าเวลานี้สิมีอะไรคู่ควรกับองค์ชายรัชทายาทกัน เจ้าไม่รู้ตัวอีกหรือว่าองค์รัชทายาทเห็นเจ้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้วเจ้ายังจะเสนอหน้า ตามตอแยอยู่อีกไปตายซะไป"
"ใช่ไปตายซะไป..ฮ่าฮ่า"
เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นทางด้านหลังจวนแม่ทัพใหญ่ด้านหลังภูเขาจำลอง ริมทะเลสาบในวันนั้นหลินลู่หยุนจำได้ขึ้นใจ
มันเป็นวันเดียวกันกับวันที่ตนได้ข้ามภพมาที่นี่ มาอยู่ในร่างของคุณหนูสามจวนแม่ทัพแห่งนี้ ตลอดระยะเวลาที่เธอรักษาตัวจากการโดนหลินเจียเสวี่ยและสาวใช้ในเรือนของนางทุบตีก็ไม่เห็นใครสักคนโผล่หน้ามา
หลินลู่หยุนใช้ชีวิตอยู่ในเรือนสวนไผ่กับสาวใช้หนึ่งคน ระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บก็ได้สาวใช้คนนี้ช่วยดูแล เพราะในจวนแม่ทัพแห่งนี้แม้แต่หมอมารักษาให้ก็ไม่มี
หลินลู่หยุนเป็นถึงบุตรสาวสายตรงของแม่ทัพหลินกับจางฮูหยิน ฮูหยินเอกของแม่ทัพแต่ภายหลังมารดาของนางเสียชีวิต เด็กสาวที่ฉลาดเฉลียวจู่ๆก็กลายเป็นคนสมองสั่งการเชื่องช้า ง่วงนอนตลอดเวลาและหิวตลอดเวลาจนทำให้สองสามปีมานี้ร่างกายก็อวบอ้วนขึ้นจนถึงปัจจุบัน หลินลู่หยุนมีน้ำหนักราวเจ็ดสิบห้ากิโลในขณะที่สูงร้อยหกสิบเซ็นติเมตร
หลังจากที่มารดาของนางเสียชีวิตหลินฮวนบิดาของนางก็พาเหยาซูเฟินเข้ามาในจวนและได้มอบหมายให้นางดูแลความเรียบร้อยในจวน
พวกเขามีบุตรชายและบุตรสาวสองคนอายุมากกว่าหลินลู่หยุนเสียอีก และอีกหนึ่งคนอายุน้อยกว่าหลินลู่หยุนไม่ถึงปี
นั่นแสดงว่าคนทั้งหมดเป็นบุตรนอกสมรสของแม่ทัพหลินฮวน
บุตรชายคนโต คุณชายใหญ่หลินเจียเฉินและคุณหนูรองชื่อหลินเจียซินและหลินเจียเสวี่ยเป็นคุณหนูสี่
ส่วนหลินลู่หยุนคือบุตรสาวสายตรงแต่เป็นคุณหนูสามเสียอย่างนั้น
หลังจากที่มารดาของนางเสียชีวิตลงนางจึงเป็นส่วนเกินในครอบครัว อีกทั้งเป็นเพราะนางอ่อนแอและขี้โรคมาตั้งแต่ยังเด็ก บวกกับโรคอ้วนทำให้นางไม่ใส่ใจร่ำเรียนไม่สนใจสิ่งใดนอกจากกินนอนแล้วก็วิ่งตามองค์รัชทายาท
ตั้งแต่ข้ามภพมา คราแรกเห็นสภาพตัวเองที่หนักถึงเจ็ดสิบห้ากิโลเธอก็แทบช็อค เพราะชีวิตของหลินลู่หยุนในทศวรรษที่ยี่สิบสองนั้นช่างเป็นอะไรที่สวยงามเป็นอย่างมาก
เธอเป็นศัลยแพทย์มือทองอัจฉริยะของวงการแพทย์ในวัยเพียงยี่สิบหกปีก็เป็นศาสตราจารย์แล้ว แต่เพราะทำงานหนักอยู่ในห้องวิจัยติดต่อกันหลายวันจึงวูบทำให้เกิดอุบัติเหตุ ดวงวิญญาณก็ทะลุมา
หลังจากฟื้นฟูร่างกายจนหายดี ก็พบว่าโรคอ้วนนั้นเกิดจากยาที่เหยาซื่อให้คนส่งมาให้
หลังจากตรวจพบสารพิษนางก็ไม่ได้ดื่มอีก เพราะนั่นคือยาพิษทำให้คนสติฟั่นเฟือนอย่างช้าๆ โง่ เชื่องช้าง่วงนอน และก็หิว ทำให้นางไม่สนใจการเรียน อ้วน และเกียจคร้านจนผู้คนรังเกียจ
ตลอดระยะเวลายี่สิบสี่วันหลินลู่หยุนวิ่งออกกำลังกายทุกเช้าและเย็น อาหารการกินของเธอก็มีเพียงผลไม้นิดหน่อย ตอนนี้น้ำหนักของเธอนั้นก็อยู่ที่หกสิบกิโล
"คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้ท่านสวยมากๆเลยนะเจ้าค่ะ สวยกว่าคุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่อีกเจ้าค่ะ" โตวโตวสาวใช้เพียงคนเดียวของนางเอ่ยขึ้น
"เจ้าพูดรอบที่สิบแล้วในวันนี้" หญิงสาวที่กำลังนั่งแยกสมุนไพรอยู่เอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
"คิกคิก คุณหนูก็เป็นเรื่องจริงนี่นา ท่านดูสิเวลานี้คุณหนูของบ่าวทั้งผอมทั้งสวย สวยจนคนในเมืองลั่วเฉิงนี้เห็นต้องต่างพากันอิจฉาเจ้าค่ะ"
หลินลู่หยุนยกยิ้ม ส่ายหน้าเบาๆ "เอาล่ะเลิกพูดเล่นได้แล้วเจ้านำสมุนไพรนี้ไปบดให้ละเอียดประเดี๋ยวข้าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย"
"คุณหนูจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ?" โตวโตวเอ่ยถามด้วยความตกใจ
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่คุณหนูของนางไม่ออกไปไหนนับตั้งแต่ที่ฟื้นขึ้นมาครานั้นคุณหนูของนางก็เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนสวนไผ่
นางจำได้ว่าวันแรกที่คุณหนูเริ่มตื่นเช้านางก็เอาแต่วิ่งจนร่างกายเหนื่อยหอบ
'คุณหนูหยุดพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ ท่านวิ่งมาสองชั่วยามแล้วนะเจ้าคะ!'
'ขอข้าวิ่งอีกสักนิด เจ้าไม่เห็นหรือว่าร่างกายข้าอ้วนขนาดไหนเหนื่อยแค่นี้ข้าทนได้!'
คราแรกตนก็นึกว่าคุณหนูนั้นไม่ได้จริงจังอะไร แต่ใครจะรู้ผ่านมาหนึ่งเดือนคุณหนูของนางจะผอมลงมากมายจนกลายเป็นคนละคน
แต่ถึงอย่างนั้นคุณหนูก็ยังไม่หยุดที่จะวิ่งในตอนเช้าและรับสำรับเล็กน้อยเพียงผักและผลไม้ในตอนค่ำ และที่น่าตื่นเต้นอยู่เรื่องหนึ่งคือ คุณหนูของนางสนใจเรื่องสมุนไพรที่ฮูหยินเคยพร่ำสอนเมื่อตอนที่นางยังเด็กๆผ่านมาจนตอนนี้คุณหนูอายุสิบสี่ปีแล้ว ก็ยังถือว่าไม่สาย
โตวโตวรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา นางรีบยกสมุนไพรเข้าไปในห้องเก็บสมุนไพร นี่ก็เป็นห้องที่คุณหนูของนางลงแรงต่อเติมทำเป็นห้องเก็บยา
ถึงคุณหนูจะแปลกไปบ้างแต่คุณหนูก็แปลกเปลี่ยนไปในทางที่ดี มีอะไรที่นางจะไม่พึงใจ
ถึงแม้ว่าในสมองจะมีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอยู่ แต่ว่าเธอก็ยังนึกอยากจะเห็นกับตาตนเองว่าการใช้ชีวิตของคนในยุคสมัยนี้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง
“ครึกครื้นดีจริงๆ!” หลังจากที่เดินเตร็ดเตร่ไปบนถนนสองสายหลินลู่หยุนก็หยุดลงหน้าประตูร้านค้าแห่งหนึ่งพลางมองดูผ้าไหมและผ้าหลากสีที่วางเรียงรายอยู่ด้านใน เมื่อมองเห็นสัตว์ชุดที่เสี่ยวเอ้อยกขึ้นมาแขวนโชว์เธอก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
“ไอหยา… นี่มิใช่คุณหนูสามหลินหรอกหรือ! คุณหนูสามหลินเชิญเข้ามาเร็วขอรับวันนี้ต้องการสินค้าอันใดหรือไม่ ไอ้หยาไม่คิดเลยว่าไม่พบคุณหนูสามหลินเพียงหนึ่งเดือนท่านจะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้
ช่างเป็นคุณหนูที่งดงามล่มเมืองผู้หนึ่งจริงๆ มาๆวันนี้เป็นวันแรกที่ทางร้านลงขายชุดของฤดูกาลนี้มีเพียงสองชุดเท่านั้นสตรีหนึ่งชุดบุรุษหนึ่งชุดเช่นเดิมนะขอรับ"
เสี่ยวเอ้อร์ในร้านมองเห็นหลินลู่หยุนที่หน้าประตูแล้วรีบออกมาต้อนรับดูท่าทางจะคุ้นเคยกับเจ้าของร่างเดิมเป็นอย่างดี
หลินลู่หยุนค้นหาดูในความทรงจำครู่หนึ่ง เจ้าของร่างเดิมสนิทสนมกับร้านนี้จริงๆ เสียด้วย เพราะว่านางมักจะซื้อชุดคู่รักฤดูกาลของร้านนี้ในราคาแพงลิบลิ่วเพื่อมอบให้องค์รัชทายาททุกฤดูกาลนับได้ว่าเป็นวิธีหนึ่งในการเอาอกเอาใจเขา
เพราะว่ามาอุดหนุนที่นี่อยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับทั้งเจ้าของร้านและเสี่ยวเอ้อร์ร้านนี้เป็นอย่างมาก
“คุณหนูสามหลิน ท่านดูสิ นี่คือชุดในฤดูกาลใหม่ทั้งหมดที่ทางร้านวางจำหน่ายยังไม่มีผู้ใดได้ไป ยังมีชุดนี้ด้วยทำจากขนหมาป่าพายุเป็นอย่างไรบ้างไม่เลวเลยใช่ไหมเล่าขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์นำทางหลินลู่หยุนเข้ามาภายในร้าน มาตรงหน้าชุดใหม่ของฤดูกาลทั้งสองชุดแล้วชี้ไปยังชุดคลุมสีฟ้ามีขนหมาป่าประดับอย่างสวยงามพลางเอ่ยแนะนำ
“อืม ดูไม่เลวเลยจริงๆ” หลินลู่หยุนมองดูชุดคลุมสีฟ้าขนหมาป่าพายุที่แขวนอยู่ถึงแม้ว่าชุดฤดูกาลทั้งสองชุดนั้นจะดูงดงามมากก็จริงแต่มีไว้สำหรับคู่รักไม่ใช่เหรอ “แต่ว่าวันนี้ข้ามิได้พกเงินออกมาด้วยไม่ได้คิดจะซื้อ แล้วข้าก็ยังไม่ได้มีชายในดวงใจหรือคู่รักพอที่จะสวมใส่ชุดคู่เช่นนี้ จะซื้อไปทำไมกัน”
ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าคุณหนูสามแห่งจวนแม่ทัพนั้นเป็นคนโง่ ไม่ยอมร่ำเรียนอะไรวันๆนางเอาแต่วิ่งไล่ตามองค์รัชทายาททั้งวัน และทุกครั้งที่ชุดฤดูกาลของร้านว่านเซวียนออกนางจะมาเหมาซื้อเสื้อผ้าชุดคู่ฤดูกาลกลับไปจนหมดผู้คนอยากได้ก็จะไม่ได้
แต่เพราะต้องการทำกำไร เสี่ยวเอ้อร์จึงมิได้สนใจว่านางจะเอาไปทำอะไร ขอเพียงแค่ดูดเงินจากนางมาก็ใช้ได้แล้ว
“คุณหนูสามหลินอยากจะติดเงินร้านเราไว้ก่อนก็ได้นะขอรับ ถ้าหากคุณหนูสามพอใจ ท่านก็สามารถนำเสื้อผ้าเหล่านี้ไปก่อน พอกลับไปแล้วค่อยให้คนส่งเงินมาก็ได้นี่ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์พูด
“เฮ้อ เสียดายที่คราวก่อนองค์รัชทายาทบอกไว้ว่าอยากได้ชุดคลุมขนหมาป่าพายุสักตัวหนึ่ง น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่มีของ หากคุณหนูสามหลินพบองค์รัชทายาทมู่หรงอานเมื่อใดก็ช่วยบอกพระองค์ทีนะขอรับว่าชุดคลุมขนหมาป่าพายุนี่มาแล้ว แต่ช่วยรีบมาให้เร็วหน่อย เพราะเพียงไม่นานก็น่าจะไม่มีของแล้วล่ะขอรับ”
หากเปลี่ยนเป็นก่อนหน้านี้หลินลู่หยุนก็ต้องพูดว่าเธอต้องการเสื้อคลุมชุดนี้อย่างแน่นอน ขอเพียงได้เอาใจองค์รัชทายาทมู่หรงอาน ซื้ออะไรจ่ายเท่าไหร่สิ้นเปลืองเงินสักหน่อยจะเป็นอะไรไปเล่า
แต่ว่าเธอในตอนนี้ไม่ใช่เธอคนเดิมอีกแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวเอ้อร์แล้วก็พยักหน้ารับ “ได้สิ คราวหน้าถ้าข้าพบเขาข้าจะบอกเขาให้อย่างแน่นอน”
พูดจบแล้วเธอก็หมุนตัวเดินออกไปจากร้านขายเสื้อผ้าว่านเซวียนในทันที
“…”
เสี่ยวเอ้อร์ยังไม่ทันได้ตอบสนองหลินลู่หยุนก็ออกไปจากร้านแล้ว เขาแตะหน้าผากตนเองพลางเอ่ยว่า “ก็มิได้เป็นไข้เสียหน่อย เหตุใดจึงเกิดภาพหลอนได้เล่า คราวนี้คุณหนูสามหลินผู้นี้ได้ยินว่าเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทชมชอบไม่เพียงแต่ไม่ซื้อเท่านั้น แต่ยังเดินจากไปอย่างเฉยเมยอีกด้วย หากนี่มิใช่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ก็เป็นตัวข้าเห็นภาพหลอนแล้วล่ะ”
ในเวลานี้ในห้องส่วนตัวของหอใต้หล้า
บุรุษชุดขาวผู้หนึ่งนั่งพิงหน้าต่างฟังการโต้ตอบของเสี่ยวเอ้อร์และหญิงสาวในชุดสีเหลืองมือของเขาที่ถือถ้วยกระเบื้องขาวบีบแน่นเล็กน้อย
“ท่านอ๋อง เสี่ยวเอ้อร์ที่ร้านว่านเซวียนบอกว่าเมื่อสักครู่เป็นคุณหนูสามไม่ผิด นางไม่ออกจากจวนเดือนกว่าเมื่อออกมาวันนี้ร่างกายที่อวบอ้วนก่อนหน้าก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว
หนำซ้ำนางยังดูแปลกไป จากที่เคยสนใจทุกสิ่งอย่างที่องค์รัชทายาทชื่นชอบ แต่วันนี้นางแปลกนาง นางไม่สนใจเลยสักอย่าง เหมือนกับว่านางไม่ได้ชื่นชอบองค์รัชทายาทดังเดิมแล้วขอรับ" องครักษ์หมิงยวี่เปิดปากพูด
ชื่อเสียงของคุณหนูสามตระกูลหลินบุตรสาวสายตรงของท่านแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเหย่าฮั่นนั้นมีใครไม่รู้บ้างว่านางหลงใหลองค์รัชทายาทมากเพียงใด
ทุกวันนางจะไปเฝ้ารอที่ประตูวังขององค์รัชทายาท หรือแม้แต่เข้าวังตามหาองค์รัชทายาท ของมีค่าสิ่งใดบ้างที่นางไม่ปรนเปรอเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการดูถูกเหยียดหยามจนแม่ทัพฮ่วนนั้นรู้สึกอับอายไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
องครักษ์อีกคนด้านนอกประตูเดินเข้ามา “ท่านอ๋องข้าน้อยสืบมาได้แล้วว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนองค์รัชทายาทได้ไปทูลขอฝ่าบาทพระราชทานงานสมรสระหว่างองค์รัชทายาทและคุณหนูสี่หลินทำให้คุณหนูสามไม่พอใจจึงทะเลาวิวาทกัน
แต่ในจวนไม่มีผู้ใดสนใจเนื่องจากคุณหนูสามกับคุณหนูสี่ตบตีกันเป็นประจำอยู่แล้วแต่คราวนี้คุณหนูสามถึงกับสลบไปสามวันเลย
ท่านแม่ทัพได้รับคำสั่งให้ไปดูการสร้างเขื่อนที่เมืองหนานจึงไม่มีใครไปดูแล และหมอจวนก็ถูกห้ามไปให้การรักษา คุณหนูสามไม่ออกจากเรือนมาเดือนหนึ่งเต็มๆ วันนี้ทุกคนในจวนก็เห็นพร้อมๆกันคือ..คุณหนูสามผอมลงมากเลยขอรับ"
สีหน้าซีดเผือดของมู่หรงหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมิงยวี่เจ้านำข่าวการเปลี่ยนแปลงของคุณหนูสามตระกูลหลินให้ผู้คนได้รับรู้เถอะให้รู้ถึงพระราชวังได้ก็ยิ่งดี”
“ขอรับ” หมิงยวี่รีบไปจัดการ
“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำเช่นนี้เล่า?” เซี่ยวรุ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
....