6.บ๊ะจ่างลูกนั้น
“แหม หนูแสน ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเรื่องนี้คือความจริง” ศรีกล่าวอย่างออกรสออกชาติ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ขอให้หนูได้ฝันกลางวัน ต่อไปอีกสักปีสองปีไม่ได้เหรอ”
“อย่าเลย ตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้แล้วหันมองคนใกล้ตัวบ้างดีไหม ยังมีผู้ชายอีกเพียบเลยที่หนูแสนควรให้โอกาส” ศรีว่าพลางมองไปยังร่างสูงที่เดินผ่านไปมาอยู่หน้าประตูห้องครัว
“อย่างเช่นใครคะ ป้าอย่าบอกว่าพี่เมสเซนเจอร์ ลุงยาม หรือน้าปิติแผนกบุคคล” แสนเสน่ห์ไม่ได้ดูถูกพวกเขา แต่ถ้าคนไหนใจมันไม่คลิก หล่อนคงไม่อาจหลับหูหลับตาแล้วคบกันไปแบบส่งเดชได้!
“บางทีหนูแสนอาจมองข้ามคนใกล้ตัว” ป้าแม่บ้านย้ำอีกครั้ง
แสนเสน่ห์ส่ายหน้าหวือ เอาเข้าจริงในสายตาหญิงสาวตอนนี้มีเพียงบอสหนุ่มจะให้มองใครได้อย่างไรเล่า ในเมื่อทุกคืนหล่อนเพ้อถึงแต่เขา และติดรูปอีกฝ่ายไว้เต็มห้องนอน
ในขณะที่กำลังคิดอะไรเข้าข้างตัวเองอย่างสุดๆ ร่างสูงของลายสิงห์ คนขับรถผู้บริหารก็โผล่มาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง!
“อ๊ะๆ ผู้บ่าวคนนี้ เทียวเข้าออฟฟิศบ่อยๆ มีอะไรหรือเปล่าน้า” ศรีเอ่ยทักอีกฝ่ายอย่างคนสนิทสนมกัน
ลายสิงห์ยิ้มให้แม่บ้าน เขามองเลยมายังแสนเสน่ห์ สายตาเขาดูปกติ แต่ไม่รู้เหตุใดหญิงสาวถึงรู้สึกว่าลำคอแห้งผากเสียดื้อๆ ด้วยดวงตาคมคู่นั้นกับใบหน้าเรียบเฉยส่งแรงขับเคลื่อนของบุรุษซึ่งร้อนแรง ดุดัน อีกทั้งชวนให้ท้องน้อยร้อนวูบวาบ และแผ่นหลังหล่อนเริ่มมีเหงื่อชื้นๆ
“สวัสดีค่ะ วันก่อนขอบคุณสำหรับกะหรี่ปั๊บนะคะ แต่อย่าลำบากเลยค่ะ สาวๆ กลัวอ้วนกันทั้งออฟฟิศ” หญิงสาวบอกเขา ทั้งที่ลายสิงห์ซื้อมาฝากทุกคน เขาไม่ได้เจาะจงให้หล่อนสักหน่อย แต่หล่อนกลับร้อนตัว ด้วยพอเดาออกว่าอีกฝ่ายสนใจตนอยู่แน่ๆ
ลายสิงห์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนเอ่ยกับแม่บ้าน
“ป้าครับ ขอกาแฟหอมๆ ใส่น้ำผึ้งสักแก้วได้ไหม”
หญิงวัยกลางคนยิ้มรับคนรูปหล่อ แล้วหันไปชงกาแฟให้เขา ระหว่างนั้นแสนเสน่ห์เหมือนตัวจะหดเล็กลง หญิงสาวรู้สึกประหม่ามากเมื่อลายสิงห์นั่งลงที่เก้าอี้ข้างกัน
อันที่จริงเขาหล่อ ดูสุภาพ และผิวเข้มๆ กับดวงตาคมก็ชวนให้มองอย่างไม่รู้เบื่อ
“ช่วงบ่ายพี่นวลบอกคุณหรือยังว่าให้ไปรับเอกสารกับผมที่บ้านนาย วันนี้เขาไม่เข้าบริษัท”
“คะ?” แสนเสน่ห์ตกใจ หล่อนใฝ่ฝันอยากไปบ้านของมาตินหลายหนแล้ว และนี่คงเป็นโอกาสได้ใกล้ชิดชายที่หล่อนฝันถึงตลอดมา
“ไปรับเอกสารครับ...” ลายสิงห์บอกสถานที่แก่หญิงสาว เป็นตอนนั้นที่แสนเสน่ห์เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตสานสบกับอีกฝ่ายพอดี
เหมือนโลกหยุดหมุนเสียดื้อๆ แต่หล่อนรีบดึงสติและหัวใจตัวเองกลับได้ทัน
“ไปก็ไปค่ะ” แสนเสน่ห์ยิ้มในใจ หล่อนวางแผนในหัวหลายอย่าง ยามนั้นคิดถึงภาพบอสหนุ่มสุดหล่อซึ่งเพียบพร้อมไปเสียหมด รวย มีบริษัทใหญ่โต และยังใจบุญ
“ถ้างั้นตอนบ่ายเจอกัน” ลายสิงห์บอกหญิงสาว และป้าแม่บ้านชงกาแฟให้เขาเสร็จพอดี
ลายสิงห์หยิบถ้วยกาแฟขึ้น เขาดื่มรวดเร็วหมดแก้ว จนทั้งศรีและแสนเสน่ห์ต้องอึ้ง
“อุ๊ยๆ ระวัง หน่อยซีพ่อคุณ เดี๋ยวได้ลวกปากพอดี”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ร้อนนิดหน่อยผมทนได้ อีกอย่างน้องเขาคงอึดอัดที่ผมอยู่ที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยตรงไปตรงมา คนที่นั่งเงียบอยู่เลยหน้าบึ้งตึงทันควัน
“อยากนั่งก็นั่งไปสิคะ แสนจะกลับออฟฟิศแล้ว”
หญิงสาวเอ่ยจบจึงลุกขึ้นยืน แต่ไม่รู้ยืนอีท่าไหนถึงได้สะดุดขาตัวเอง และเป็นจังหวะนั้นที่มือใหญ่คว้าร่างเพรียวไปอยู่ในอ้อมอกแกร่ง
“โอ๊ะ...ผะ ผมขอโทษ เห็นคุณจะล้ม”
ใช่ ภาพเมื่อครู่คือหล่อนเกือบล้มหน้าคะมำลงบนพื้นด้วยความเซ่อซ่า แต่เขาก็ไม่ควรคว้าตัวหล่อนไปแนบชิดเรือนกายแกร่งที่ส่งกระไอร้อนออกมาให้สัมผัสจนรู้สึกหวามใจ
“แล้วจะปล่อยได้หรือยังคะ” แสนเสน่ห์ส่งเสียงสูงใส่เขา
เมื่อลายสิงห์ปล่อยให้คนหน้าบูดเป็นอิสระ กลับกลายเป็นเรื่องชวนให้ฉงน หัวใจของแสนเสน่ห์กลับกระตุกไหวในจังหวะที่ทำให้ใบหน้าหวานแดงซ่านและร้อนผะผ่าว ความรู้สึกเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน แม้แต่กับมาติน ผู้ชายที่หล่อนอยากตีหัวแล้วลากเข้าป่าละเมาะ!
**********
เมื่อไปถึงบ้านของมาติน ซึ่งสถานที่แห่งนั้นควรถูกเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะเหมาะสม แสนเสน่ห์ก็นั่งรอเอกสารอยู่นานเกือบสามสิบนาที กระทั่งลายสิงห์เดินเข้ามาและบอกว่ามีบ๊ะจ่างมาฝาก แต่ลืมเอาให้หล่อนตอนอยู่ออฟฟิศ
“ขอบคุณค่ะ แต่แสนยังไม่หิว”
ลายสิงห์ไม่ได้เซ้าซี้อะไร ก่อนขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ เพราะมีสายเรียกเข้ามาพอดี ระหว่างนั่งรอเอกสารจากมาติน สายตาของหญิงสาวก็หันไปมองถุงกระดาษที่ด้านในมีบ๊ะจ่างจากร้านดัง
แสนเสน่ห์สะดุดรูปวาดผู้หญิงในชุดจีน ดูแล้วเหมือนถูกดึงดูดด้วยมนตร์สะกดลึกลับ กระทั่งหล่อนได้สติจึงเกิดความครั่นคร้ามใจ แวบหนึ่งเกิดภาพประหลาดในหัว ประหนึ่งว่าหญิงสาวเป็นแม่นางซูกุ้ยฟาง เจ้าของเรื่องราวที่อยู่ข้างถุงกระดาษ
“บ้าบอ สงสัยหมู่นี้จะอ่านนิยายท่านแม่ทัพและจิ้นการอุ่นเตียงหนักเกินไป” แสนเสน่ห์เอ่ยแล้วจึงยิ้มน้อยๆ พร้อมเปิดถุงกระดาษ หล่อนเห็นว่ามีบ๊ะจ่างที่ส่งกลิ่นหอมยั่วใจหลายชิ้น
“อร่อยนะครับ ผมซื้อฝากคุณแม่ประจำเลย” เสียงลายสิงห์ลอยมาเข้าหูในตอนที่อารมณ์แสนเสน่ห์เบื่อหน่ายกับการรอคอยอย่างที่สุด
“แต่มันดูไม่คลีนเลยนะคะ แสนไม่อยากอ้วน”
ชายหนุ่มมองหน้าหล่อน แววตาคมๆ มีประกายวิบวับอย่างหาดูได้ยาก
“อย่างคุณถึงจะอวบขึ้นอีกสักสิบกิโลก็ยังน่ารัก”
ใบหน้าหญิงสาวร้อนผะผ่าว แม้เขาไม่ใช่ผู้ชายที่หมายตา แต่ความเป็นสุภาพบุรุษและยังคอยเทคแคร์หล่อนตลอด แถมยังเป็นกำลังใจห่างๆ ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ พาให้หัวใจสาวโสดกระตุกไหว
“บ้าบอ ชมผู้หญิงที่ไม่ใช่แฟนแบบนี้ได้เหรอคุณสิงห์”
“ได้สิครับ แสนเป็นคนน่ารักนี่นา”
“ไม่เอาละค่ะ ยังไงแสนไม่หลงกลกินบ๊ะจ่างของคุณแน่ๆ เดี๋ยวเก็บเอาไว้ให้ป้าศรีกับพี่ๆ ที่ออฟฟิศดีกว่า”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหัวคิ้วเข้มๆ ของลายสิงห์จึงขมวดเข้าหากัน และเขาอดถามหล่อนไม่ได้
“หรือบ๊ะจ่างของผมสู้ขนมฝรั่งราคาแพงๆ ไม่ได้ครับ แสนถึงไม่อยากลองชิม” ชายหนุ่มถามพลางมองไปที่กล่องขนมซึ่งแม่บ้านเอามามอบให้ อีกฝ่ายบอกว่ามาตินฝากไปให้พนักงานที่ออฟฟิศแบ่งกันกิน รวมถึงหล่อนด้วย
“คิดมากไปได้นะคะ เพียงแต่ช่วงนี้แสนอยากกินอะไรตามใจปากก็เท่านั้น” หล่อนเอ่ยออกไปตรงๆ อย่างใจคิด เหมือนเป็นการตัดโอกาสเขา ไม่ใช่เพราะหล่อนหวังสูงอยากเป็นผู้หญิงของมาติน เพียงแต่คนขับรถที่งานหนักพอๆ กับหล่อน ในอนาคตต้องขยันอีกสักเท่าไหร่ถึงจะลืมตาอ้าปากได้
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่กวนนะครับ เชิญแสนตามสบาย” เขาเอ่ยแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้แสนเสน่ห์คิดวุ่นวายใจไปต่างๆ นานา
กระทั่งหล่อนรู้สึกหิวนั่นแหละ จึงอยากหาอะไรรองท้อง แต่ขนมโก้หรูของมาตินไม่อาจแกะกินได้ ส่วนบ๊ะจ่างถึงไม่ค่อยปลื้ม แต่สุดท้ายหญิงสาวทนความหิวไม่ไหวจึงแกะห่อใบไผ่ออก ด้านในเป็นบ๊ะจ่างที่หอมชวนให้รับประทาน และเป็นแนวไส้เยอะจนทะลักตามสมัยนิยม
แสนเสน่ห์เลือกหยิบกินถั่วและเม็ดแปะก๊วย พอเอาเข้าปากหล่อนจึงยิ้มออก มันอร่อยถูกปากทีเดียว พอได้กินคำแรกหล่อนก็เริ่มกินต่อเนื่อง จากนั้นเลยสนุกในการกินจนบ๊ะจ่างหมดไปเกือบครึ่งลูก
หญิงสาวหัวเราะออกมาน้อยๆ นึกขำตัวเองที่ตอนแรกปฏิเสธของฝากจากลายสิงห์ ในตอนนั้นสายตาหล่อนพลันเหลือบไปมองที่ถุงกระดาษซึ่งมีประวัติความเป็นมาของเจ้าตำรับบ๊ะจ่างยี่ห้อนี้
“ซูกุ้ยฟาง...” หล่อนเพิ่งพินิจแล้วอ่านประวัติของหญิงงาม ซึ่งมันน่าสนใจทีเดียว สตรีนามว่า ซูกุ้ยฟาง นางคือลูกสาวคหบดีจากเมืองหลวง ถูกบิดาบังคับให้ไปเป็นของกำนัลแทนพี่ชาย ณ เมืองไคหนาน ก่อนที่จะได้แม่ทัพหนุ่มอนาคตไกลช่วยเหลือไว้ ในปีแรกที่แต่งเข้าสกุลหยางอย่างเงียบๆ นางให้กำเนิดบุตรหัวปี และในปลายปีเดียวกันก็คลอดลูกชายอีกคนสร้างความปลาบปลื้มใจให้แก่สามียิ่งนัก
แสนเสน่ห์กวาดตาอ่านไปอีกหนึ่งถึงสองบรรทัด หล่อนจึงคว้าบ๊ะจ่างมากัดอีกคำ และไม่ทันได้มองว่ามีถั่วลิสงกับแปะก๊วยอัดแน่นอยู่ข้างใน ความที่อร่อยและติดใจรสชาติ หล่อนกินด้วยความเร็ว ในตอนนั้นจู่ๆ หูได้ยินเสียงจุ๊บจั๊บดังอยู่ไม่ห่าง แสนเสน่ห์นิ่งงันชั่วขณะ หญิงสาวตัวแข็งทื่อ ทั้งที่ในมือถือบ๊ะจ่างค้างไว้
ซึ่งเสียงดังกล่าวดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เป็นเสียงหวานบอกคำรักกันอย่างไม่อายผีอายสาง
“เราควรมีฮันนีมูนที่ประเทศไทยดีไหมคะ ลีน่าอยากเที่ยวทะเล และชอบอาหารไทยมากๆ” เสียงหญิงสาวออดอ้อนหนัก ท่าทางคงหลงชายหนุ่มจนหัวปักหัวปำ
“ได้สิครับ แต่เราต้องไปเกาะปิดนะ เกาะที่มีแค่เราสองคน แบบไม่ต้องใส่เสื้อผ้าสักชิ้น” มาตินเอ่ยอย่างหนุ่มเจ้าชู้
“ไม่เอาค่ะ แบบนั้นคงไม่ได้ทำอะไรกันพอดี อีกอย่างลีน่ายังไม่พร้อมมีลูก คุณก็รู้นี่คะ”
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องรีบมีสิครับ ผมรู้น้าว่าต้องทำยังไง” เสียงชายหนุ่มคุยอย่างติดตลก ก่อนตามด้วยเสียงครางหวานของหญิงสาวซึ่งคาดว่าเธอคงถูกจูบ หรือไม่คงโดนมาตินเย้าหยอกอย่างหนัก ด้วยจังหวะการหายใจที่ฟังดูเหมือนคนใกล้ขาดใจตาย แล้วยังตบท้ายด้วยการหวีดเสียงสูงอย่างสุขสม
“อูย อ๊าย อ๊า เบบี๋...ไม่เอานะคะ ตรงนี้ไม่เหมาะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ไม่หรอกครับ เด็กๆ ไม่มากวนใจเราอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“ใช่...ผมอยากกินลีน่าที่ห้องรับแขกมาก จำตอนที่เราสนุกกันบนโซฟาได้ไหม เปิดหน้าต่างให้เห็นข้างนอก แล้วคุณค่อยก็ขึ้นขย่มไง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแสนเสน่ห์ก็หูผึ่ง มาตินหมายถึงโซฟาที่หล่อนกำลังนั่งอยู่ตอนนี้ใช่หรือไม่
อึดใจต่อมา ภาพจึงตัดให้เห็นร่างสูงของมาติน เขาอุ้มนาตาลีแนบอก ฝ่ายหญิงนั้นทำท่าฉอเลาะอย่างน่าหมั่นไส้
แสนเสน่ห์ชอกช้ำใจอย่างหนัก บ๊ะจ่างที่ถือค้างอยู่ในมือเลยถูกส่งเข้าปาก และหล่อนสะอื้นฮักๆ น้ำตาตกใน แต่ดูเหมือนอาการหล่อนจะหนักยิ่งกว่านั้น เพราะสำลักอาหารอย่างแรง ซึ่งมันน่าประหลาดใจ เพียงแค่เมล็ดถั่วลิสงกับแปะก๊วยติดคอ แต่แสนเสน่ห์กลับโชคร้าย ด้วยมันเป็นเหตุให้วิญญาณสาวหลุดออกจากร่างในเวลาต่อมา!!