บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 หญิงแพศยา

“มิน่าล่ะ เป็นแบบนี้นี่เอง”

“คุณหนูเจ้าคะ หิวหรือไม่เจ้าคะข้าจะยกสำรับเข้ามาให้”

“พอพูดแล้วก็รู้สึกเลยองค์ชายนั่นกลับไปแล้วใช่หรือไม่”

“คุณหนูเรียกขานเช่นนั้นหาได้ไม่เจ้าค่ะ องค์ชายแปดเจ้าค่ะ”

“ช่างเถอะ ๆ เรื่องผู้ชายเอาไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากันตอนนี้หิวข้าวแล้ว”

“เจ้าค่ะ ๆ อี้ฝูไปยกสำรับมาเร็ว ๆ เข้า ข้าจะไปดูยาที่ต้มว่าเสร็จหรือยัง”

หลังจากการมาเยือนขององค์ชายแปดในวันนั้น อีกราว ๆ สามวันฝ่าบาทก็พระราชทานอาหารบำรุงกำลังมาให้ที่จวนเสนาบดีมากมาย ว่านเยว่เฟยพักจนหายดีแล้ว นางมักจะเรียกเสี่ยวชิงมาเล่าเรื่องของเจ้าของร่างให้ฟัง นางเป็นบุตรคนโตของเสนาบดีว่านและองค์หญิงหยางเนี่ยเฟย น้องสาวของฮ่องเต้

หลังจากองค์หญิงสิ้นพระชนม์ “ซูหลิง” ซึ่งเป็นอนุก็ให้กำเนิดบุตรสาวอีกคนที่อายุน้อยกว่าเยว่เฟยสามปี “ว่านหนิงลี่” ซึ่งทั้งสองเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเยว่เฟยมาตลอด แม้ว่าซูหลิงจะไม่เคยสู้เยว่เฟยได้แต่ก็มักจะหาเรื่องทำร้ายนางมีเหตุผลในการเอาตัวรอดไปได้เสมอ

“แล้วท่านพ่อไม่เชื่อข้าหรือ”

“อนุซูมีข้ออ้างว่าสั่งสอนเจ้าค่ะ นายท่านก็เลยไม่ได้ใส่ใจ”

“ข้าพอจะรู้แล้วว่าเพราะเหตุใด ท่านพ่อละเลยถึงได้เป็นเช่นนี้”

“คุณหนู เหตุใดท่านพูดจาแปลก ๆ เจ้าคะ ข้าฟังความเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง”

“เอาเถอะ ๆ เพราะเป็นเช่นนี้….”

ว่านเยว่เฟยเดิมทีเป็นคุณหนูอยู่ในเรือนตามแบบท่านหญิง แต่เมื่อสิ้นฮูหยินใหญ่ นางไม่ต่างกับไม้หลักปักในเลนไร้ผู้สั่งสอนที่ดีอีกทั้งอนุซูที่คลอดบุตรสาวคนใหม่ยิ่งทำให้ว่านเยว่เฟยรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น

นางจึงหันมาใช้ชีวิตราวกับประชดประชันสังคมและบิดา แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงรักและเอ็นดูนางมากแต่ข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของท่านหญิงว่านก็แพร่สะพัดจนแม้แต่ฝ่าบาทเองก็ทรงเป็นกังวล

“เอาล่ะเข้าใจแล้ว เช่นนั้นวันนี้เราออกไปเดินเล่นสักหน่อยดีกว่า”

“คุณหนู ท่าน…จะออกไปหรือเจ้าคะ” / เสี่ยวชิง

“แน่ใจหรือเจ้าคะ” / อี้ฝู

“ทำไมเล่า ทำไมถึงทำหน้าเช่นนั้นข้าอยากไปก็ไป เงินก็มีนี่นา”

“เจ้าค่ะ ไปก็ไปเจ้าค่ะ”

ตลาดเมืองหลวง

“โอ้โหคนคึกคักน่าดูเลยนะนี่”

“เจ้าค่ะคุณหนู”

“คุณหนูเจ้าคะวันนี้จะแวะไปที่ร้านเครื่องหอมกับเครื่องประทินโฉมหรือไม่เจ้าคะ”

“ไปสิ ฟังดูน่าสนใจดีนี่”

เยว่เฟยพยายามทำตัวให้เหมือนเดิม หากว่านางจะต้องสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องการฆาตกรรมเจ้าของร่างนี้นางก็ต้องทำตัวเช่นเดิมเพื่อมิให้ผู้อื่นรู้สึกผิดสังเกต

“ผักนี่งามนัก”

“คุณหนูช่วยซื้อสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ผักนี่สด ๆ จากสวน…. เจ้า!! ออกไปจากหน้าร้านข้านะนังแพศยาหน้าไม่อาย”

“นี่เจ้า บังอาจนักนี่ท่านหญิงว่านนะ”

“ถุย!! จะท่านหญิงหรือองค์หญิงแล้วเช่นไรเล่า วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวและเที่ยวชายตามองชายอื่นจะลูกหรือสามีผู้ใดนางเคยสนด้วยหรือ”

“นี่มันเรื่องอันใดกัน”

“คุณหนูถอยออกมาเถอะเจ้าค่ะ อี้ฝูรีบพาคุณหนูหลบไปก่อนเร็ว”

“จะไปที่ใดข้ายังด่าไม่จบเลย แพศยาทำตัวน่ารังเกียจเป็นถึงท่านหญิงแต่กลับไร้ยางอายเที่ยวชายตามองผู้ชายให้ลุ่มหลง”

“เดี๋ยวก่อน!!”

“คุณหนูเจ้าคะ”

“พวกเจ้าจงพูดความจริงมา ว่าข้าเคยทำเช่นนั้นจริงหรือ”

สาวใช้ทั้งสองยิ้มและค่อย ๆ พยักหน้าให้นาง

“ผลัวะ!!”

“ว้าย….”

ผักในมือของนางถูกโยนใส่ศีรษะของว่านเยว่เฟย หัวผักกาดนั้นค้างอยู่ที่ศีรษะจนคนอื่น ๆ ที่มองดูอยู่เริ่มหัวเราะเยาะอย่างไม่ปิดบัง เยว่เฟยไม่เคยรู้สึกอับอายเช่นนี้มาก่อนแต่นางไม่เข้าใจจึงได้เดินกลับไป เสียงโวยวายนั้นเรียกความสนใจให้ผู้ที่นั่งจิบชาอยู่ชั้นบนของ “หอต้าเหลียง”

“องค์ชาย ท่านหญิงว่านพ่ะย่ะค่ะ”

“พอหายดีแล้วก็กลับมาสร้างปัญหาอีกแล้วงั้นหรือ ครั้งนี้นางไปตบตีผู้ใดอีกเล่า”

“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ นางกำลังถูกแม่ค้าโยนผักใส่พ่ะย่ะค่ะ”

“อะไรนะ!! คนอย่างนางน่ะหรือจะยอมให้ผู้อื่นทำเช่นนั้น”

สิ่งนี้เรียกความสนใจของฮ่าวจื่อหรงได้ เขาเดินมายืนมองไปที่ด้านล่างและเห็นเช่นนั้นจริง ๆ แม่ค้าที่โยนผักใส่ท่านหญิงและค่อย ๆ ถอยออกไปเพราะเริ่มเกรงกลัว ว่านเยว่เฟยมิได้ทำสิ่งใดตอบโต้ นางแค่เดินเข้าไปหาแม่ค้าผู้นั้นเฉย ๆ เงียบ ๆ

“นั่นนางคิดจะทำอันใดกัน”

“ไม่ทราบเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายจะให้....”

“ไม่ต้อง รอดูไปก่อนเถอะ”

แม่ค้าผักโยนผักไปที่ศีรษะและใบหน้าของเยว่เฟย นางห้ามสาวใช้ทั้งสองมิให้ทำอันใด และเมื่อแม่ค้าหยุดปาสิ่งของและหายใจหอบเกือบจะล้มลงนางก็ฉวยตัวแม่ค้าสูงวัยผู้นั้นลุกขึ้นมา

“นั่งลงก่อน หายใจเข้าลึก ๆ”

“ท่าน…. เหตุใด…”

“อย่าพึ่งพูด ข้าบอกให้หายใจเข้าไปลึก ๆ นับหนึ่ง…..ผ่อนลมหายใจ สูดเข้าไป…..สอง….ผ่อนลมหายใจ …..ดีขึ้นหรือไม่”

แม่ค้านิ่งลงและหันมามองนางที่สายตานิ่งกริบไร้วี่แววเอาเรื่อง ใบหน้ายังเต็มไปด้วยสีของมะเขือเทศ ที่ศีรษะยังมีหัวผักกาดอยู่นางไม่สนใจจะเอาออก

“อาการของท่านเกิดจากการพักผ่อนน้อย เครียดจากการทำงานทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัว ความดันจึงสูงเพราะความโกรธ อีกทั้งมาเจออากาศร้อน ๆ และโมโหในเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้เลือดจึงไหวเวียนติดขัดทำให้หน้ามืด นี่ยาลดความดันเลือด เก็บเอาไว้กินข้าไปก่อนล่ะ”

“เดี๋ยว!!”

“ยังมีสิ่งใดอีกงั้นหรือ”

“ท่าน…. ไม่โกรธที่ข้าด่าท่านหรือ”

“ท่านด่าข้าว่ากระไรนะ”

“อะไรกัน นี่ท่านหญิงไม่ได้ฟังเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ คำด่านั้นเจ็บแสบมากพอที่จะให้นางโกรธจนสั่งเฆี่ยนแม่ค้าผู้นั้น….องค์ชาย นี่ไม่แปลกไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่าวจื่อหรงหรี่ตามองอย่างนึกไม่เชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าในตอนนี้ว่านเยว่เฟยคนนั้นน่ะหรือจะช่วยคนอื่นเช่นนั้น หากเป็นก่อนหน้านั้นน่าจะต้องเป็นอย่างที่องครักษ์ของเขาบอก ว่านเยว่เฟยจะต้องสั่งให้คนทุบตีแม่ค้าผู้นั้นแล้ว

“รอดูเงียบ ๆ”

แม้แต่ผู้คนที่ยืนมุงอยู่ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย ไม่นานก็มีหญิงสาวซึ่งน่าจะเป็นบุตรสาวของนางที่วิ่งเข้ามาหามารดา

“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป …. ทะ ท่านหญิง!!”

“เจ้าเป็นลูกสาวนางหรือ”

“ขะ ข้า…”

“เหตุใดไม่ตอบ แม่เจ้าป่วยอยู่เหตุใดเจ้าจึงพานางมายืนตากแดดขายของในที่อากาศร้อน ๆ เช่นนี้ น้ำท่าไม่มีหรือเหตุใดปากนางจึงแห้งผากเช่นนั้น”

“เหตุใดท่านจึง ท่านแม่ท่านทำอะไรกับนางเดี๋ยวนางก็ทุบตีเอาหรอก”

“เหตุใดข้าจะต้องทุบตีพวกเจ้าด้วย”

แม่ค้าขายผักอีกคนเดินออกมาพร้อมกับท่าทางที่เกรี้ยวกราดและชี้หน้ามาที่ว่านเยว่เฟยเมื่อเห็นว่าท่านหญิงจู่ ๆ ก็ไม่เอาเรื่องจึงทำให้นางไม่เกรงกลัวท่านหญิงว่าน

“นี่ท่านหญิงข้าขอพูดหน่อยเถอะ มิใช่ท่านหรอกหรือที่เคยชายตามองสามีของอี้เหนียงจนเจ้านั่นลุ่มหลงและขอเลิกรากับอี้เหนียงไปน่ะ”

"อะไรนะ ข้างั้นหรือ"

“ท่านป้าเพราะเหตุนี้ท่านจึงขว้างข้าวของใส่ข้างั้นหรือ”

“เจ้าลูกเขยนั่นมันลุ่มหลงท่าน มันบอกว่าท่านสนใจในตัวมันจึงได้…ฮือ….”

“ใช่ นางนั่นแหละแย่งสามีผู้อื่น หน้าไม่อาย อี้เหนียงช่างน่าสงสารนัก”

“อะไรกันอีกละวะเนี่ย…”

ว่านเยว่เฟยยกมือขึ้นท่ามกลางเสียงก่นด่านางแต่นางกลับไม่ตอบโต้สักคำ เมื่อนางชูมือขึ้นและกำมือทุกเสียงก็เงียบลงในทันที

“องค์ชาย…นางรู้สัญญาณนั่น!!”

จื่อหรงเองก็แปลกใจ นั่นเป็นสัญญาณสั่งการให้เงียบของทหารในกองทัพ คิดไม่ถึงว่าบุตรีเสนาบดีที่ไม่เอาไหนเช่นนางจะทราบได้ แต่ว่านเยว่เฟยจำสัญญาณนี้มาจากการฝึกงานก่อนที่จะเป็นแอร์โฮสเตส

“อาจจะแค่บังเอิญก็ได้ เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่าง.... นางจะรู้สัญญาณที่ใช้ในกองทัพได้”

“ท่านป้าเมื่อครู่ท่านบอกว่าชายผู้นั้น ข้าหมายถึงอดีตสามีของบุตรท่าน เลิกกับบุตรสาวท่านเพราะข้างั้นหรือ”

“ใช่ หากไม่ใช่เพราะเจ้าคนเลวนั่นพบท่านที่ตลาดแล้วได้คุยไม่กี่คำ จึงตัดสินใจทิ้งลูกข้าไปมีหรือตอนนี้ลูกข้าจะให้ข้ามาลำบากเช่นนี้”

“เฮ้อ…ท่านป้า เจ้าด้วยสาวน้อยฟังข้าสักหน่อยเมื่อครู่แม่เจ้าบอกว่าข้าไปแย่งผู้ชายของเจ้ามา แล้ว…เหตุใดเขาไม่มากับข้าเล่า เจ้าดูสิข้ามาที่นี่เพียงลำพังกับสาวใช้ไหนเล่าผู้ชายที่พวกเจ้าว่า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel