บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ร่วมโต๊ะเสวย

สาวใช้ถอยหลังพร้อมก้มหน้า ชิงเยี่ยนเองก็เริ่มทำตัวไม่ถูก นางจึงลุกขึ้นด้วยพร้อมกับยืนรอเขาในห้อง ขายาวนั้นก้าวเข้้ามาในห้องเสวยและหันมามองนาง แต่ว่า….เหตุใดวันนี้เขาจึงสวมหน้ากากครึ่งหน้าเช่นนั้นกันนะ!!

""ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""

ชิงเยี่ยนก็ก้มคำนับเขาเช่นกัน ลั่วอ๋องหันมามองนางที่ยืนก้มหน้าและหันไปที่สาวใช้ เขานึกขำในใจที่นางคงทำตัวไม่ถูก แม้ว่าจะอยู่ในสกุลฟ่างแต่ดูเหมือนว่านางจะมิค่อยได้ออกงานทางการเท่าใดนัก

“ตามสบายเถิด พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ไม่ต้องเฝ้าพวกข้า”

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”

ชิงเยี่ยนเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหันหาความช่วยเหลือแต่ไม่มีผู้ใดสบตานางเลยสักคน พวกเขารีบพากันออกไปจนหมด บัดนี้เหลือเพียงนางกับท่านอ๋องที่สวมเพียงหน้ากากสีเงินตรงหน้าเท่านั้น

“พระชายา เจ้าไม่กินข้าวงั้นหรือ นั่งลงสิ ข้าหิวแล้ว”

“เพคะ หม่อมฉันก็หิวแล้ว รอนานแล้วด้วยเช่นกัน พระองค์มาสายนะเพคะ อาหารจะเย็นหมดแล้ว”

“หุบปาก!!”

ชิงเยี่ยนหยุดพูดทันที เมื่อใดที่นางตื่นเต้นนางมักจะพูดมากเกินความจำเป็น ไม่นึกว่าพอออกมาจากจวนสกุลฟ่างแล้วนางกลับรู้สึกว่าที่นี่ดูเป็นบ้านมากกว่าที่สกุลฟ่าง ขาดแต่เพียงว่า…

คนตรงหน้านี้ เหตุใดจึงดุดันเช่นนี้กันนะ ท่านอ๋องหันมามองนางที่นั่งตัวลีบแต่มิได้แสดงออกว่ากลัวเขา แต่แค่รู้สึกทำตัวไม่ถูกเท่านั้น เขาไม่เคยเห็นผู้ใดเป็นเช่นนี้มาก่อนเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ส่วนใหญ่จะกลัวเขามากกว่าจะกล้ามานั่งร่วมโต๊ะเช่นนี้

“เงียบแล้วกินข้าว”

“หม่อมฉันกินได้แล้วใช่หรือไม่เพคะ”

“กินสิ ผู้ใดผูกปากเจ้าไว้เล่า”

ชิงเยี่ยนหันมาค้อนให้เขาเล็กน้อย แต่สายตาดุดันนั่นทำเอานางหลับตาหลบได้อย่างรวดเร็ว ยังเร็วเกินไปที่จะต่อกลอนกับเขาในตอนนี้

นางพยายามทำตัวให้ร่าเริงเข้าไว้ เพื่อให้ดูเหมือนว่าไม่กลัวเขามากนัก ใจดีสู้เสืออาจจะทำให้นางรอดพ้นความตายไปได้

“กินก็ได้เพคะ”

นางหยิบหมั่นโถวมาในจานและตักน้ำแกงมาพร้อมกับตักหมูแดงใส่จานเล็กๆมา ท่านอ๋องกินเพียงข้าวต้มและมองนางกินเงียบๆ

นางกำลังแบ่งหมั่นโถวออกมาและใช้หมูแดงราดลงไปและหยิบเข้าปากไปพร้อมกับทำหน้าราวกับว่านี่คืออาหารที่รอคอยมานานแสนนาน

“อื้ม อร่อยมาก นี่สิหมูแดงของแท้”

ท่านอ๋องไม่เอ่ยสิ่งใด ตอนนี้ชิงเยี่ยนหยิบผักมาวางที่จานพร้อมกับตักหมูแดงนั้นไปวางบนผัดสดและห่อเป็นคำเล็กๆและลองกินดู ลั่วอ๋องไม่เคยเห็นผู้ใดกินอาหารได้แปลกเช่นนางมาก่อนเลย

“นี่เจ้า…..เหตุใดจึงกินแบบแปลกๆ”

“แปลกงั้นหรือเพคะ อ่อ ไม่แปลกหรอกเพคะ ก่อนหน้านั้น…”

ชิงเยี่ยนลืมตัวไป นางจะบอกเรื่องที่นางอยู่อย่างอดอยากที่สกุลเฟิ่งหาได้ไม่ เพราะที่นั่นกว่าจะมีหมั่นโถวสักชิ้นที่แอบขโมยจากห้องครัวมา

หรือผัดหมูแดง ผัดผักสักจาน ก็ต้องนำมากินกับผักที่นางแอบปลูกเอง สีหน้าของนางเมื่อนึกถึงวันเก่าๆนั้นทำให้ท่านอ๋องรู้สึกสงสัยยิ่งนัก

“เหตุใดจึงเงียบไป”

“เปล่าเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่…ชอบกินเช่นนี้เท่านั้น”

แม้ว่าจะตอบไปแล้ว แต่ชิงเยี่ยนก็เลี่ยงที่จะทำเช่นเดิม นางยกเพียงข้าวต้มเช่นเดียวกับเขามากินเงียบๆ ไม่พูดสิ่งใดต่อ ลั่วหมิงจ้านรู้สึกว่าตนพูดผิดจังหวะทั้งๆที่กำลังมองนางกินด้วยความเพลิน ไม่น่าไปขัดจังหวะนาง แต่ดูเหมือนพระชายาของเขาผู้นี้มีความลับซ่อนอยู่ไม่น้อยจนเขานึกสนใจยิ่งนัก

“วันนี้…เจ้าจะทำสิ่งใด”

“หม่อมฉัน…ขออนุญาตออกไปข้างนอกได้หรือไม่เพคะ”

ช้อนในมือชะงักลง เขาไม่ได้มองมาที่นาง แต่มองที่ชามข้าวต้มที่ถืออยู่ นางก็ไม่ต่างกับคนอื่นๆ ที่แต่งเข้ามาแล้วอยากหาทางที่จะหนีออกไปจากตำหนักนี้เช่นกัน

“เจ้าจะไปที่ใด หาลู่ทางงั้นหรือ”

“อะไรนะเพคะ พระองค์ทรงตรัสอะไรนะเพคะหม่อมฉันหาได้ยินไม่ คือว่าหม่อมฉันรับปากกับจงลี่และอู่ผิงไว้ว่าจะสอนพวกนางปักผ้าเพคะ ก็เลยอยากไปเลือกซื้อผ้าสักหน่อยเพคะ หากว่าพระองค์จะทรง…อนุญาต”

หัวใจของท่านอ๋องรู้สึกราวกับว่าได้ตากแดดอุ่นๆในยามเช้า เหตุผลที่นางอยากออกไปมีเพียงเท่านี้เองน่ะหรือ หรือเขาจะคิดมากเกินไป แต่ท่าทางของนางที่นั่งกินข้าวอยู่ก็มิได้เหมือนคนโกหก

“เช่นนั้นเจ้าก็ออกไปเถิด ข้าจะให้ป้าเจาจัดการเป็นธุระให้ แต่เจ้าต้อง…”

“หม่อมฉันจะปกปิดฐานะและมิให้ผู้อื่นทราบเพคะ พระองค์อย่าได้ทรงกังวล หม่อมฉันทราบว่าต้องทำเช่นไรเพคะ”

“ดี เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า”

“เย้ ขอบพระทัยเพคะพระสวามี”

ท่านอ๋องตกใจแต่กลับนิ่งชะงักไป หูอื้อตาลายเพราะคำกล่าวนั้นทันที เมื่อครู่นี้นางเรียกเขาว่า “พระสวามี” เช่นนั้นหรือ เขามิได้หูฝาดสินะ นี่นางนอกจากจะไม่เกรงกลัวเขา แต่ยังทำตัวตามสบายต่อหน้าเขาอีกด้วยงั้นหรือ

“อืม”

ชิงเยี่ยนยิ้มด้วยความอารมณ์ดีเมื่อได้รับอนุญาต นางเริ่มกินข้าวได้มากขึ้นและทำตัวตามสบายแม้ว่าจะเกร็งไปบ้างแต่เพราะท่านอ๋องที่นั่งนิ่งราวขอนไม้และกินไปเงียบๆทำให้นางไม่รู้สึกกดดันมานัก

ลั่วอ๋องเองก็แอบมองนางที่กินอย่างอารมณ์ดีตรงหน้าจนลืมตัว เขาไม่เคยกินข้าวได้มากขนาดนี้มาก่อน และไม่อยากลุกจากโต๊ะอาหารนี้ด้วยเมื่อมีนางนั่งอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะกินข้าวได้มากขึ้น

“หม่อมฉันอิ่มแล้วเพคะ เช่นนั้นขอตัวไปเตรียมตัวก่อนนะเพคะ”

“อืม”

ชิงเยี่ยนคำนับให้เขาและเดินออกจากห้องเสวยไปพร้อมกับสาวใช้สองคนที่รอนางอยู่ พร้อมกับกระซิบบางอย่างบอกพวกนางและพากันดีใจจนเกิดเสียงดังขึ้น เสียงนั้นดังจนท่านอ๋องได้ยิน มุมปากของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย นี่คงเป็นยิ้มแรกในรอบสิบปีเลยก็ได้กระมัง

“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ทรงอนุญาตให้พระชายา…”

“อืม ให้คนตามอารักขานางเงียบๆ ดูท่าทีและอย่าลืมเรื่องที่ให้สืบ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

จางจื่อเงยหน้าขึ้นมามองที่โต๊ะอาหาร ซึ่งพบว่าอาหารบนโต๊ะหมดไปเกือบทุกอย่าง รวมถึงข้าวต้มของท่านอ๋องด้วยที่กินไปถึงสองชาม เขาไม่เคยเห็นท่านอ๋องเสวยมากเช่นนี้มาก่อนเลย พระชายาคงมิใช่สตรีธรรมดาแน่แล้ว

“ท่านอ๋อง พระองค์….”

“ข้าอิ่มแล้ว ให้คนมาเก็บได้ อ่อ บอกให้ห้องเครื่องเพิ่มหมูแดงกับหมั่นโถวในทุกๆมื้อด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ท่านอ๋องลุกขึ้นพร้อมกับหันมามองจานหมั่นโถวและหมูแดงที่เกือบหมดเกลี้ยงเพราะฟ่างชิงเยี่ยนที่ดูเหมือนจะชอบอาหารนี้ เขายิ้มน้อยๆและเดินออกไปทันที จางจื่อคิดว่ามองไม่ผิดแน่ เมื่อครู่นี้ ท่านอ๋องโลหิตผู้นั้น “กำลังแย้มพระสรวล!!”

ตลาดเมืองซูโจว

“พระชายาเพคะ ลายนี้ก็งามนะเพคะ”

“ป้าเจา มาดูนี่เจ้าค่ะ”

“พระชายาเพคะ”

“เอ๊ะ พวกท่านนี่นะ บอกไม่จำ ข้างนอกนี่ให้เรียกว่าอะไร”

“เอ่อ คุณหนูเพ…เจ้าคะ คือว่า…”

“ป้าเจา คุณชายให้ท่านมาดูแลข้า เอาน่า เราแค่มาซื้อผ้าและของใช้นิดหน่อยเอง ท่าน..ท่านพี่ไม่ว่าอะไรข้าหรอกเจ้าค่ะ จ่ายเงินเถิดป้าเจา”

“เจ้าค่ะๆ คุณหนูจะซื้อผ้านี้ไปทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

“จะสอนพวกนางเย็บหมอนและปักถุงหอมเจ้าค่ะ”

“คุณหนูจะทำให้ท่าน…เอ่อ คุณชายงั้นหรือเจ้าคะ”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel