น้ำใจชายจ้าวข้าเกรงจะรับไม่ไหว
จวนสกุลจ้าว
จ้าวเฉิงที่เพิ่งตักตวงความหวานกับหลิวเย่วเพิ่งออกมาจากห้องหอหลังจากครบสามวัน เขาได้รับรายงานจากลูกน้องที่ให้ไปเฝ้าจวนเซียวทันที หึ นางมีอะไรคู่ควรเขาตอนที่ท่านปู่ของเขาหมั้นหมายนางเขายังเด็ก หลิวเย่วต่างหากที่งามสมกับเป็นบุปผางามแห่งเมืองหลวง เซียวอี้เซียนหรือช่างจืดชืดแต่งกายเหมือนไว้ทุกข์ตลอดเวลา อยากให้เขาเห็นนางบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพ้อเจ้อทั้งนั้นก่อนจะเอ่ยถามคนตรงหน้า
"ว่าอย่างไร นางคงไม่ได้สิ้นคิดจนฆ่าตัวตายไปแล้วนะ"
"เรียนคุณชาย นางมิเพียงยังอยู่ดีแต่กำลังเอาสินสอดที่จวนจ้าว ของพวกเราส่งไปให้เดือนก่อนขายทอดตลาดอยู่หน้าบ้านขอรับ"
"อะไรนะ..นางกล้าหรือไป ข้าจะไปดูสิอะไรทำให้นางกล้าทำเช่นนั้น"
จ้าวเฉิงไม่รอช้า นางกล้าดีอย่างไรแม้ว่าเขาจะบอกว่าสินสอดนั้นยกให้นางในจดหมายแต่ไม่ได้หมายความว่าให้จริงๆ เมื่อทั้งคู่มาถึงปิ่นปักผมชิ้นสุดท้ายก็กำลังจะถูกซื้อในราคาห้าสิบตำลึง บุรุษคนหนึ่งแต่งตัวมอซอเขาแจ้งแก่นางว่าอยากซื้อให้มารดา แต่ทั้งตัวกลับมีแค่สิบตำลึง
"คุณหนู..ขออภัยเงินข้าไม่พอจริงๆ ขอรับ"
"พี่ชายท่านนี้ท่านบอกว่าอยากซื้อให้เป็นของขวัญมารดา เช่นนั้นข้าให้ท่านแล้วกันเจ้าค่ะ ท่านให้ข้าเพียงห้าตำลึงก็พอที่เหลือเก็บไว้พามารดาท่านไปหาของอร่อยๆ กินเถอะถือเสียว่าข้าช่วยให้ท่านได้กตัญญู"
หยางเทียนหลงยิ้มให้กับสตรีตรงหน้า แม้เขาแต่งกายมอซอมากแต่นางกลับไม่รังเกียจ เขาส่งเงินให้นางก่อนจะรับของมาแล้วเก็บใส่กระเป๋าของตน นางยังให้สาวใช้ห่อขนมให้เขาสองกล่องพร้อมกับบอกว่าขนมสองกล่องนี้นี้ถือว่านางอวยพรวันเกิดมารดาของเขา ชาวบ้านเห็นคุณชายจ้าวหน้าดำมาแต่ไกลก็รีบมาดูเรื่องสนุกของสกุลเซียว
ทันทีที่ของขายหมดจ้าวเฉิงก็มาถึงพอดี เขากำลังจะชี้หน้านางแต่ก็ต้องชะงัก ดูเหมือนนางจะแปลกไป ดูงดงามขึ้น เสื้อผ้าก็ไม่ซีดจนมีแต่สีขาว จ้าวเฉิงเดินไปหานางเอ่ยปากถามนาง
"อี้เซียน..เหตุใดนำของหมั้นมาขายเสียเล่านี่เป็นสินสอดของเรานะ"
"คุณชายจ้าว สินสอดอันใดกันในเมื่อท่านแต่งงานไปแล้วข้าวของเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีก อ้ออีกเรื่องหนึ่งรบกวนท่านเรียกข้าว่าคุณหนูเซียวจะดีกว่า คำเรียกสนิทสนมแบบนั้นคราวหลังอย่าใช้อีก เสี่ยวฮวาเข้าบ้านกันเถอะ พี่ชายท่านนี้ขอให้มารดาท่านสุขภาพแข็งแรงนะเจ้าคะ"
"อี้เซียนเจ้าโกรธข้าเรื่องนั้นไม่ได้ แม้ว่าเราจะมีสัญญาหมั้นหมายกัน แต่ว่าด้วยความเหมาะสมข้าต้องแต่งเย่วเอ๋อร์ มิใช่บอกเจ้าแล้วหรือว่าข้าสามารถแต่งเจ้าเป็นฮูหยินรองได้"
"โอ้ว..คุณชายจ้าวท่านช่างเปี่ยมน้ำใจยิ่งนัก ทำเพื่อวงศ์ตระกูลเสียน่ายกย่อง เสียงที่ข้าได้ยินยามที่ไปอารามกับท่านเป็นเสี่ยงที่ท่านบอกว่าอีกหน่อยข้าต้องยอมรับให้ได้ เพราะว่าข้าอีกหหน่อยต้องเป็นฮูหยินที่ใจกว้าง มาบัดนี้กลับต้องไปเป็นฮูหยินรอง แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะคนที่ครวญคราง อ๊า ท่านพี่เฉิงท่านเร่าร้อนนัก อืม ใหญ่โตเช่นนี้เย่วเอ๋อร์ถึงใจเสียเหลือเกิน อ๊ายคนบ้าท่านชอบท่ายากพิศดารอยู่เรื่อย คนพิเรนทร์ อ่าเย่วเอ๋อร์จ๋า ถึงจะพิสดารแต่เจ้าก็ชอบมิใช่หรือ ยังมีอีกมากมายนักที่พวกท่านคู่นกยวนยางคร่ำครวญหากันราวกับสัตว์ในฤดูผสมพันธุ์ หากจำไม่ได้จะจดให้แล้วให้บ่าวจวนท่านมารับไป เสี่ยวฮวาเข้าบ้านปิดประตูจวน ข้าจะไปนับเงิน อ้อ ตำแหน่งฮูหยินรองข้าไม่อาจเอื้อมจริงๆ คุณธรรมน้ำใจของคุณชายจ้าวข้าเกรงจะรับไม่ไหว"
เซียวอี้เซียนจากไปแล้ว และแน่นอนทุกวาจาที่กล่าวออกมามีชาวบ้านที่มาดูเรื่องสนุกเป็นพยานนับร้อย จ้าวเฉิงอับอายยิ่งนักก่อนจะหันไปหาบุรุษแต่งตัวมอซอที่ยืนอยู่ข้างเขา จ้าวเฉิงกำมือแน่นก่อนจะหันมายังคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไอ้ยากจกแต่งตัวมอซอยังกล้ามาซื้อข้าวของราคาแพง ไม่สินางขายเหมือนให้เปล่าราวกับของๆ เขาไร้ค่ายิ่งนัก จ้าวเฉิงบังคับเอาปิ่นคืนจากบุรุษตรงหน้า
"เอาคืนมาเจ้าซื้ออะไรจากนางไป"
"หึ..นางช่างโชคดีที่ไม่ต้องแต่งงานกับเจ้า ไสหัวไปซะคุณชายจ้าวตระกูลจ้าวของเจ้าไม่ได้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า"
ร่างสูงเอ่ยจบก็ดีดตัวขึ้นยอดไม้ไปต่อหน้าจ้าวเฉิง เขาถึงกับกลืนน้ำลายยวรยุทธคนผู้นี้ต่อกรไม่ได้จริงๆ
