บทที่ 21 จัดการคู่แค้น 1/1
เมื่อฝาแฝดทั้งสี่คนได้อยู่กันตามลำพัง จึงเดินออกจากเรือนใหญ่ไปยังศาลากลางสวนดอกไม้ เพื่อพูดคุยเรื่องแหวนหยกที่พวกเขามีเหมือนกัน เนื่องจากญาติผู้พี่ทั้งสองยังไม่รู้ว่ามันเป็นแหวนมิติ
เป็นฟงเหยาเหวินที่เอ่ยถามกับหยางเฟิ่งเซียน เพราะตนอยากรู้จนทนแทบไม่ไหวแล้ว “เซียนเอ๋อร์เจ้ารีบบอกพวกพี่มาเร็วเข้า ว่าเจ้าแหวนหยกนี่มีความพิเศษอย่างไร ท่านน้าซูอันถึงได้กล่าวว่าให้เจ้าเป็นคนอธิบายกับพวกพี่”
หยางเฟิ่งเซียนนั่งลงด้วยท่าทางสบาย ๆ คล้ายกับว่าเรื่องนี้มิใช่เรื่องแปลกใหม่อันใด “ถ้าข้าบอกพวกท่านไปแล้ว จงปิดปากให้สนิทอย่าได้บอกกับผู้ใดเป็นอันขาดนะเจ้าคะ”
“อื้อ /แน่นอน”
“หากพวกท่านสองคนยังจำได้ ถึงอาวุธบางอย่างที่ท่านแม่ได้สอนยามฝึกวรยุทธ์ ย่อมเข้าใจว่าพวกมันมิใช่สิ่งจะสร้างออกมาได้ในโลกนี้ ดังนั้นแหวนหยกที่ท่านแม่มอบให้พวกเราสี่คน จึงมีความพิเศษมากกว่าแหวนทั่วไปอย่างมาก เพราะมันคือแหวนหยกมิติที่สามารถเก็บสิ่งของได้ และด้านในท่านแม่ยังมอบอาวุธให้พวกเราหลายอย่างเชียวล่ะ”
“หา! แหวนมิติ /มันคือแหวนวิเศษรึ!”
หยางซิวหรงกล่าวยืนยันคำพูดของน้องสาวอีกคน ว่าสิ่งที่นางพูดล้วนเป็นความจริงมิได้ล้อเล่นแต่อย่างใด “ใช่แล้วมันคือแหวนวิเศษ ถ้าพี่ชายทั้งสองไม่เชื่อลองใช้จิตสัมผัสที่แหวน แล้วพวกท่านจะรับรู้ได้ว่ามีสิ่งใดอยู่ด้านในบ้าง”
สองพี่น้องทำตามที่หยางซิวหรงบอก เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่านี่มิใช่เรื่องโกหก เมื่อพวกเขาตั้งจิตให้มั่นและใช้นิ้วแตะไปที่แหวนบนนิ้วชี้ ก็ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อสามารถมองเห็นด้านใน ว่ามีอาวุธมากมายวางแยกไว้อย่างเป็นระเบียบ
ฟงเสวี่ยหลินชอบสิ่งที่ได้รับในครั้งนี้มาก เขานึกถึงยามที่ต้องอยู่กลางสนามรบ หากมีอาวุธเหล่านี้ย่อมสังหารฝ่ายศัตรูได้อย่างง่ายดาย
“เซียนเอ๋อร์อาวุธพวกนี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ หากมีศึกสงครามพี่ย่อมสังหารศัตรู จนพวกมันต้องรีบถอยทัพกลับแคว้นเป็นแน่”
“ถึงแม้พี่จะสอบเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น แต่สามารถใช้อาวุธเหล่านี้ป้องกันตัวยามมีภัยได้เช่นกัน”
หยางเฟิ่งเซียนรู้ว่าญาติผู้พี่ย่อมดีใจมาก เมื่อได้รับของขวัญที่ตนได้เอ่ยขอจากมารดา นอกจากนี้ยังสะดุดกับเรื่องที่ฟงเสวี่ยหลินพูด หากวันใดมีคนกระหายในอำนาจ หรืออยากครอบครองแคว้นเป่ยชาง นางก็อยากทดลองใช้อาวุธที่ได้ สังหารศัตรูกลางสนามรบดูสักครั้งเช่นกัน
“พี่เสวี่ยหลินกล่าวมีเหตุผลนะเจ้าคะ ข้าเองก็อยากรู้ว่ามันสามารถสังหารศัตรูได้กี่คนต่อการใช้งานหนึ่งครั้ง โดยเฉพาะเจ้าลูกกลม ๆ นั่นท่านแม่บอกว่ามันคือระเบิด ข้าคิดว่ามันต้องมีอานุภาพรุนแรงไม่น้อยนะเจ้าคะ หากวันหนึ่งมีศัตรูคิดเปิดศึกสงคราม ข้าจะตามพี่เสวี่ยหลินไปจัดการพวกมันด้วยเจ้าค่ะ”
“เซียนเอ๋อร์เจ้าอย่าได้พูดเป็นเล่นเชียวนะ”
“ถ้าเจ้าไปออกรบกับพี่เสวี่ยหลิน เช่นนั้นพี่ใหญ่ย่อมต้องไปกับเจ้า เพราะท่านพ่อไม่ยอมให้เจ้าไปเพียงลำพังแน่น้องเล็ก” หยางซิวหรงย่อมคิดไม่ต่างกับน้องสาว เขาเองก็อยากรู้ผลลัพธ์อย่างที่นางพูดเช่นกัน
แม้แต่ฟงเหยาเหวินยังแอบคิดหาแผนการ ว่าตนที่อยู่ในราชสำนักจะตามไปสนามรบได้อย่างไร “ในเมื่อพวกเจ้าสองคนจะตามอาหลินไปรบ ข้าจะรออยู่ที่เมืองหลวงเพียงลำพังได้อย่างไร หากพวกเราสี่คนไปสังหารศัตรูด้วยกัน คงช่วยชีวิตทหารของแคว้นเป่ยชางได้ไม่น้อยนะ จริงไหม”
“ฮ่า ๆ ๆ”
ขณะที่สี่พี่น้องฝาแฝดกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน จ้าวหยูและหลี่เจินก็กลับมาจากภารกิจของหยางเฟิ่งเซียน ที่มีคำสั่งให้พวกเขาสองคนติดตามรถม้าตระกูลเซิ่งกับตระกูลหลี เพื่อสืบสถานการณ์ภายในจวนว่า ใต้เท้าทั้งสองมีบทลงโทษบุตรสาวอย่างไร
“คุณชาย คุณหนู พวกข้าสืบได้ความแล้วขอรับ”
ฟงเหยาเหวินถามญาติผู้น้องอย่างสงสัย ว่านางส่งคนของตนไปสืบเรื่องอันใด “หือ เซียนเอ๋อร์เจ้ามอบภารกิจให้พวกเขาไปสืบข่าวอันใดหรือ เหตุใดพวกพี่ถึงไม่รู้ล่ะ”
“พี่เหยาเหวินเซียนเอ๋อร์คงสั่งทั้งสองตอนที่เกิดเรื่องนั้นกระมัง”
“อ้อ เพราะพวกเรามิได้ตามไปที่เรือนรับรอง จึงไม่รู้ว่าเซียนเอ๋อร์ส่งคนตามศัตรูไปถึงจวนนี่เอง”
“พวกเจ้ารายงานมาเถิดว่า สองจวนนี้ตัดสินใจทำอันใดกับบุตรสาวของพวกเขา”
“เรียนคุณหนูใต้เท้าเซิ่งจะส่งบุตรสาว ออกเดินทางไปพักอยู่ที่บ้านบรรพบุรุษ รอจนกว่าผู้คนจะลืมเรื่องนี้ค่อยรับตัวกลับมา ส่วนตระกูลหลีเตรียมส่งบุตรสาวไปแต่งงานกับผู้ช่วยเจ้าเมือง ที่เป็นลูกน้องของตนยังเมืองเหิงอัน พวกนางจะออกเดินทางต้นยามเหม่าพรุ่งนี้เช่นกันขอรับ”
หยางเฟิ่งเซียนเลิกคิ้วเรียวได้รูป เมื่อได้รู้ว่าคู่แค้นของนางจะออกเดินทางยามเช้ามืด “หึ ๆ ๆ ช่างเป็นบิดาที่รักบุตรสาวจริง ๆ เมื่อใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็ส่งไปตายอยู่ไกล ๆ เช่นนั้นพวกเราควรไปส่งพวกนางนะเจ้าคะ จะได้เดินทางไปยังที่หมายอย่างมีความสุข”
คำว่าไปส่งพวกนางเหล่าพี่ชายจะรู้ไม่ทันได้หรือ ว่าน้องสาวคนงามของพวกตนต้องการส่งคู่แค้นไปที่ใด “ในเมื่อพวกนางคิดทำร้ายน้องสาวผู้งดงามของพวกพี่ ด้วยการวางแผนสกปรกเช่นนั้น พวกพี่ยินดีพาเจ้าไปส่งพวกนางออกเดินทางอยู่แล้ว”
“ดีมากเจ้าค่ะ พวกเราจะได้ลองใช้อาวุธใหม่ในครั้งนี้ จะได้รู้ว่าอาวุธชนิดใดที่เหมาะมือของพวกเรานะเจ้าคะ”
หยางซิวหรงเอ่ยถามเรื่องเวลาในการลงมือกับน้องสาว “น้องเล็กพวกเราควรออกจากเมืองหลวง พร้อมกับพวกนางสองคนหรือไม่”
หยางเฟิ่งเซียนคิดว่าจะไม่ออกเดินทางพร้อมศัตรู “ไม่ดีเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ข้าคิดว่าพวกเราควรเดินทางก่อนพวกนางเล็กน้อย หากข้าจำไม่ผิดในระยะทางหนึ่งร้อยลี้จากเมืองหลวง จะมีเส้นทางขึ้นลงเขาผานหยูเยว่เพื่อไปอำเภอที่ใกล้ที่สุด ข้าจะใช้ที่นั่นเป็นที่ส่งพวกนางเจ้าค่ะ”
“ไม่เลวนะเซียนเอ๋อร์หากเจ้าใช้วิธีนี้ พวกเราแค่ทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุก็ได้แล้ว ว่าแต่เจ้าจะออกจากเมืองหลวงยามใดหรือ พวกพี่สองคนจะได้เตรียมตัวไว้ให้พร้อม”
“ย่อมเป็นปลายยามอิ๋นเจ้าค่ะ พวกเราจะไปรออยู่หน้าประตูเมืองก่อนพวกนาง กว่ารถม้าสองตระกูลนั่นจะมาถึงประตูเมืองก็ช้าไปหนึ่งเค่อ เวลาเพียงสั้น ๆ ม้าของพวกเราย่อมวิ่งได้ไกลแล้วเจ้าค่ะ”