ตอนที่ 6 หน้ากูเหมือนพ่อมึงหรือยังไง
เวลาต่อมา ~~
“ไม่มาก็ดี! “มีนาลุกขึ้นยืนพลางบ่นอย่างหงุดหงิดและรู้สึกโล่งอกในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะนั่งรอหรือยืนรอ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่โผล่หัวมาเสียที จนนักเรียนละแวกหน้าโรงเรียนแทบไม่หลงเหลือ
เอี๊ยดดดดด !!!
เสียงล้อรถขูดกับพื้นถนนดังสนั่นก่อนจะจอดเทียบท่าข้างกับฟุตบาททางเดิน บ่งบอกว่าคนขับต้องเหยียบเบรกกะทันหัน ทำให้หญิงสาวสะดุ้งตกใจจนหัวใจดวงน้อยหล่นไปถึงตาตุ่ม มือเรียวเล็กยกขึ้นมาทาบอกอย่างขวัญแขวน สองตากลมโตพยายามเพ่งเล็งมองผ่านกระจกสีดำเข้าไปว่าเขาคือใคร
“ขึ้นมา “คนในข้างเปิดกระจกหน้าต่างออกคำสั่งกับหญิงสาวเสียงดุ โดยไม่หันหน้าออกมามอง
“..” มีนาขมวดคิ้วระแวงชายแปลกหน้าในรถ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวเร็วด้วยความหวาดกลัว เขาแต่งตัวโทนสีดำรวมถึงแว่นราคาแพงบนใบหน้าหล่อ ท่าทางน่ากลัวไม่น่าไว้ใจ สองเท้าเล็กจึงรีบเดินหนี
“ใจเย็น ๆ มีนา “หญิงสาวบอกกับตัวเอง มือเรียวเล็กลนลานล้วงเอาโทรศัพท์เครื่องหรูออกจากกระเป๋ากระโปรง ทว่า…
พรึบ !
“อ๊ะ! อะ..เอาคืนมานะ “โทรศัพท์เครื่องหรูของเธอกลับถูกมือใหญ่ดึงแย่งจากมือไปกะทันหันอย่างเสียมารยาท ริมฝีปากบางขยับเปล่งเสียงทวงคืนด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาซึ่งเกิดจากความกลัว
“ไม่เจอกันปีเดียวมึงถึงขั้นลืมผู้ชายคนแรกของมึงเลยเหรอวะ”
“…” ประโยคร้ายกาจของชายร่างสูง ทำเอาหญิงสาวชะงักสีหน้าไปทันทีสองเท้าเล็กพลันก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ สายตาคู่งามเพ่งเล็งพินิจพิจารณาใบหน้าหล่อภายใต้แว่นดำให้แน่ใจ ครั้นน้ำเสียงและท่าทางก้าวร้าวของผู้ชายตรงหน้าคล้ายคลึงกับ…..
“คะ..คุณ “สองเท้าเล็กหยุดชะงักทันทีหลังจากสมองประมวลผลสำเร็จ หัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับจะทะลุออกมานอกอก
“ไปขึ้นรถ”
“คนเลว! “มีนาพลั้งปากด่าอย่างลืมตัว มือเรียวเล็กกำหมัดแน่นจ้องมองคนตรงหน้าตาเขียว เมื่อความทรงจำอันเลวร้ายปีก่อนประดังประเดเข้ามาในสมอง
“เลิกปัญญาอ่อน”
พรึบ !
“โอ๊ย! “หญิงสาวเปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บ ถูกมือหนากระชากข้อมือให้เดินไปตามอย่างแรง โดยไม่รอให้เธอได้ตั้งตัว หนำซ้ำขาเธอยังสั้นกว่าเขาจนเธอเองเกือบสะดุดล้มหน้าคะมำ
“หนูเจ็บนะ! “มือเรียวพยายามแกะมือหนาออกแต่ก็ไม่เป็นผล ทว่าเขากลับบีบแน่นขึ้นราวกับต้องการให้กระดูกบอบบางแตกละเอียด
พลั่ก !
“ว้าย! อึก! “ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อทั้งร่างหมุนติ้วลำตัวกระแทกกับตัวรถในพริบตาเดียว ทั้งเจ็บร้าวและจุกในคราเดียวกันคล้ายพลัดตกจากที่สูงก็ไม่ปาน
“สำออย..ขึ้นรถซะ!”
“ก็เจ็บนิ ลองโดนผลักดูไหมล่ะ “มีนาตอกกลับด้วยความโมโห
“แค่นี้ยังน้อยไป เธอยังต้องเจออีกเยอะเตรียมตัวไว้ให้ดี ๆ ก็แล้วกัน “สองเท้าหนักหมุนตัวเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับทันทีที่จบประโยค โดยไม่รอฟังคำตอบโต้ของหญิงสาว
มีนาเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง หวั่นใจต่อคำเตือนของฮัททสึ แต่ในขณะเดียวกันใบหน้ากลับร้อนผ่าว เมื่อสายตาบังเอิญเห็นนิ้วนางข้างซ้ายของฮัททสึมีแหวนหมั้นสวมใส่ ทั้งที่ปีก่อนเขาโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
“…”
“ยืนบื้ออยู่ทำไม ขึ้นมาดิวะ! “เสียงทรงอำนาจดังขึ้นอย่างหงุดหงิด ทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์ความคิดทันที
“หน้ากูเหมือนพ่อมึงหรือยังไง จ้องอยู่นั่นแหละ!”
“หนูไม่เคยจ้องหน้าพ่อด้วยสายตาเกลียดชังแบบนี้หรอกค่ะ”
ปัง !
ฮัททสึกัดกรามแน่นข่มอารมณ์โทสะโดยไม่ตอบโต้ กลับเข้าไปในรถปิดประตูดังสนั่นด้วยท่าทางขึงขังบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เป็นอยู่ มีนาเมื่อเห็นอย่างนั้นเธอระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความอึดอัดใจ ก่อนจะรีบเปิดประตูก้าวขาขึ้นรถสปอร์ตหรู