9 ก็แค่งอน
THE ROOM
ฉันออกมาเมากับเพื่อนร่วมทีม ในสภาวะที่ไม่ค่อยสบายใจนัก มันเป็นแบบนี้เสมอเลย…ทุกครั้งที่ฉันกับพี่หมอกมีเรื่องที่ไม่เข้าใจหรือมีเรื่องให้ต้องทะเลาะ มันจะต้องเป็นฉันทุกครั้งที่คิดมาก ฉันไม่เคยเห็นพี่หมอกเก็บเรื่องที่เราทะเลาะกันไปคิด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องน้อยหรือเรื่องใหญ่โต ดูอย่างตอนนี้…ทั้งๆที่เขารู้ว่าฉันออกมาเมา ทั้งๆที่เขารู้ว่าฉันงอน ก็ไม่เห็นว่าเขาจะสนใจง้อฉันเลย ไม่เห็นจะโทรหรือแม้แต่ส่งข้อความมาด้วยซ้ำ สุดท้ายมันจะจบแบบเดิม…คือแบบที่ฉันหายงอนไปเอง แต่เชื่อสิ…ครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ และฉันจะไม่หายงอนง่ายๆแน่ ถ้าเขาไม่มีเหตุผลดีๆมาอธิบาย
“บอกมาซะดีๆว่านี่อะไร” อยู่ๆแอมเบอร์ก็ดึงข้อมือฉันขึ้นมาโชว์ ทุกคนบนโต๊ะก็เลยเพ่งมาที่นิ้วนางข้างซ้ายของฉัน ซึ่งตอนนี้สวมแหวนที่พี่หมอกให้อยู่ มันเป็นแหวนเพชรที่ไม่ใช่เม็ดใหญ่มากมาย แต่ก็ถือว่าไม่ใช่เม็ดเล็กๆ
“เดี๋ยว…ใครมาขอพี่นับแต่งงานคะ?” ฟางข้าวทำตาโต
“ผมคิดไว้แล้วว่าพี่ต้องมีแฟนแน่” คิวดูจะไม่แปลกใจอะไรนัก แต่…หมอนี่รู้เหรอว่าฉันมีแฟน
“ดูจากเพชร…ฉันว่าวงนี้ราคาไม่เบาหรอก บอกมาว่าลูกเศรษฐีที่ไหนมาขอแกแต่งงาน?” แอมเบอร์พยายามคาดคั้นฉัน
“ไปกันใหญ่แล้ว ใส่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายก็ไม่จำเป็นว่าต้องมีใครมาขอแต่งงานไหม?” ฉันพยายามหาทางออก
“พูดมา…แกมีแฟนแต่ไม่บอกหรือเปล่า?”
“ถ้าฉันมีแฟน…พวกแกจะไม่รู้ได้ไง?”
“ผมว่าพี่มีแฟนนะ”
“ทำไมนายคิดแบบนั้น?” ฉันเลิกคิ้วถามคิว
“เซนส์มันบอก”
“เซนส์นายมันมั่ว แหวนนี่ฉันซื้อมาใส่เอง…จบไหม?”
“แต่ฟางไม่เคยเห็นพี่นับพูดถึงผู้ชายเลย แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อที่คนสวยๆเก่งๆแบบพี่นับจะไม่มีแฟน” ฟางข้าวมองหน้าฉันพร้อมสายตาสงสัย
“ใช่ว่าคนสวยๆเก่งๆจะต้องมีแฟนทุกคนนี่” ฉันว่า
“แต่แปลก…ฉันทำงานกับแกมาห้าปี ไม่เคยเห็นแกมีแฟน…ทั้งๆที่มีคนมาขายขนมจีบให้แกตั้งเยอะ” คราวนี้เป็นแอมเบอร์ที่สงสัย
“มาสงสัยอะไรเรื่องฉันวะ? ไปสงสัยไอ้คิวโน่น…ทั้งหล่อแล้วฐานะที่บ้านก็ดี ทำไมถึงไม่มีแฟน…แล้วทำไมถึงมาทำงานเป็นลูกน้องคนอื่นแทนที่จะทำงานที่บ้านตัวเอง” งานนี้ฉันเลยโยนให้คิวไปเลย เหตุผลเพราะฉันเป็นพวกโกหกไม่เก่ง เลยไม่ปั้นเรื่องให้มันโป๊ะเอาเสียเปล่าๆ
“โบ้ยผมเฉย…บอกแล้วไงว่าผมกำลังหาประสบการณ์ ทั้งเรื่องงานแล้วก็เรื่องผู้หญิงนั่นแหละ”
“หาประสบการณ์เรื่องผู้หญิงเนี่ยนะ?” ฟางข้าวนิ่วหน้ามองคิว
“อืม…ทำไมวะ?”
“ยังไม่อยากหยุดที่คนคนเดียว ยังอยากจะขั้วไปเรื่อยก็บอกมาเถอะ ไม่เห็นต้องปั้นคำสวยหรู” ฟางข้าวเบะปากมองบนใส่คิว สองคนนี้เถียงกันเป็นประจำจนฉันชินแล้วล่ะ
“ไม่รู้อะไรอย่ามาพูด ถ้าไม่เจอผู้หญิงที่อยากอยู่ด้วยในทุกเวลา…ฉันไม่ยอมจริงจังกับใครแน่ๆ เสียเวลาว่ะ”
“หมายความว่ายังไง…ผู้หญิงที่อยากอยู่ด้วยในทุกเวลา” คำถามนี้เป็นของฉันเอง
“ก็ผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เวลามีความสุขเราก็อยากแบ่งปันช่วงดีๆกับเขา เวลาเศร้าๆเราก็อยากจะเล่าให้เขาฟัง อยากจะได้กำลังใจจากเขา ผู้หญิงที่ผมคิดถึงและอยากจะหาเวลาไปเจอ…ไม่ใช่ผู้หญิงที่ทำให้ต้องมานั่งเสียดายเวลาไง”
“มันไม่ได้หากันง่ายๆหรอก ยิ่งเป็นคนที่ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาได้พักอย่างพวกเรา…แต่เอาจริงๆ ฉันก็อยากจะเจอคนแบบนั้นนะ คนที่ทำให้เวลาของเรามีความหมาย” แอมเบอร์เสริม
ได้ยินแบบนั้นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าฉันใช่ผู้หญิงคนนั้นของพี่หมอกหรือเปล่า ผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ผู้หญิงที่ไม่ทำให้เขารู้สึกว่าเสียเวลาทุกครั้งที่อยู่ด้วย แล้วการที่ฉันปล่อยให้เขาต้องรออยู่แบบนั้น…มันใช่เรื่องที่ควรทำหรือเปล่านะ?
ปัก!
“กลับก่อนนะ…ฝากจ่ายแล้วพรุ่งนี้เอาบัตรมาคืนด้วย” พอคิดได้แบบนั้นฉันก็หยิบบัตรเครดิตมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะลุกออกมาทันที และไม่ว่าเพื่อนร่วมทีมของฉันจะรั้งเอาไว้ยังไง ฉันก็ไม่สน เพราะตอนนี้…ฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงที่ทำให้พี่หมอกรู้สึกว่าเสียเวลา
HI LIVING
ทันทีที่ฉันกลับมาถึงคอนโด พอเปิดประตูเข้ามาในห้อง…สิ่งแรกที่ฉันได้เห็นคือพี่หมอกที่กำลังนั่งหน้าเครียดอยู่ และในมือของเขาตอนนี้ก็ถือแก้วเหล้าอยู่ด้วย ฉันไม่ได้คิดว่าจะกลับมาเห็นภาพนี้…ฉันคิดว่าเขาอาจจะหลับไปแล้วหรือไม่ก็คงนอนอ่านข่าวเศรษฐกิจแบบที่เขาชอบทำ ถึงก่อนหน้านี้ฉันจะอยากให้เขาร้อนใจเพราะฉันบ้าง แต่พอเอาเข้าจริง…ฉันไม่ชอบเลยที่ต้องมาเห็นพี่หมอกเครียดแบบนี้
“พี่หมอก…” ฉันเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าเขา ก่อนหน้านี้เมามาก แต่ตอนนี้…ฉันว่าตัวเองสร่างเมาขึ้นมาแล้วล่ะ
“เมาแล้วขับใช่ไหม?” พี่หมอกไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองฉัน พูดง่ายๆคือเขาไม่สบตาฉันนั่นเอง
“ไม่ได้เมา”
“แต่ก็ดื่ม…แล้วก็ขับรถไปด้วยใช่ไหม?”
“…”
“นับอยากเห็นพี่เป็นบ้ามากใช่ไหม?! โกรธพี่มากเลยใช่ไหม?! ถ้าโกรธพี่…ก็ทำร้ายพี่! ทำไมต้องไปหาเรื่องทำร้ายตัวเอง! ทำไมต้องออกไปเมา! ดื่มแล้วจะขับรถทำไม?! ถ้าเกิดว่ามันพลาดแล้วนับเป็นอะไรขึ้นมา…”
“นับก็อยู่ตรงนี้แล้วไง…นับไม่ได้เมาขนาดที่จะขับรถไม่ได้”
ปัก!
ฉันตัวแข็งทื่อเมื่อพี่หมอกกระแทกแก้วเหล้ากับโต๊ะอย่างแรง คราวนี้เขายอมเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้ว และฉันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังโกรธ
“นับบอกว่าอยากให้พี่อยู่กับความสงสัยใช่ไหม? ที่นับโกรธ…ที่ออกไปเมาก็เพราะว่าไอรินจะเข้ามาทำงานที่Oceanใช่ไหม?”
“…” เขาคงนั่งคิดจนได้คำตอบในที่สุดว่าฉันออกไปเมาเพราะอะไร
“พี่ถามว่าใช่ไหม?!”
“ใช่!”
“ถ้าอย่างนั้น…นับก็ลาออกซะ พี่เองก็ไม่อยากให้นับต้องทนทำอะไรที่ไม่อยากทำเหมือนกัน พรุ่งนี้นับไปลาออก…พี่จะส่งนับไปทำบริษัทของเพื่อน”
“พี่หมอกไม่เข้าใจเหรอ?! เออใช่…นับโกรธ! แต่ไม่ได้โกรธพี่หมอกแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว! ทำไมพี่หมอกไม่บอกอะไรนับเลย?! ทำไมพี่หมอกไม่บอก…ว่าเขาจะเข้ามาทำงานที่Ocean! ทำไม…ทำไมนับต้องไปเป็นลูกน้องของภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพี่หมอก?!”
“…” แล้วเขาก็เงียบ
“ถ้าพี่หมอกแค่บอกนับก่อน…นับก็คงไม่ต้องโกรธขนาดนี้ แล้วเราก็คงไม่ต้องทะเลาะกัน พี่หมอกคิดว่านับอยากจะทะเลาะกับพี่หมอกเหรอ?”
“แล้วนับคิดว่าพี่อยากจะทะเลาะกับนับหรือไง?”
“นับอยากเป็นช่วงเวลาดีๆของพี่หมอก…นับอยากเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้พี่หมอก แต่ดูตอนนี้สิ…” ฉันอยากจะร้องไห้…สรุปแล้วเราสองคนทะเลาะเรื่องอะไรกันแน่นะ
“นับก็ยังเป็นอยู่ไง…นับยังเป็นพื้นที่ปลอดภัยของพี่เสมอ พี่ผิดเองที่ไม่บอกนับก่อน…มันมีหลายเรื่องเข้ามา จนพี่ลืมคิดไปว่าต้องบอก…พี่ขอโทษ” ดูเหมือนว่าตอนนี้พี่หมอกจะใจเย็นลงมาแล้ว
“นับก็ไม่ได้โกรธขนาดนั้น…นับแค่งอน ก็แค่งอนเพราะมันน่าหงุดหงิดที่พี่หมอกไม่ยอมบอก…ก็แค่นั้น”
“มานั่งนี่…” พี่หมอกตบหน้าตักของตัวเองเบาๆ แล้วฉันก็ทำตามอย่างว่าง่าย…เข้าไปนั่งบนตักแล้วมองใบหน้าแสนหล่อเหลาของเขา
“นับรักพี่หมอก…” ฉันลูบแก้มเขาเบาๆ
“รักพี่ก็อย่าดื้อนักได้ไหม? ช่วยอย่าออกไปเมาข้างนอกแล้วทำให้พี่ต้องเป็นห่วงได้ไหม?”
“พี่หมอกก็รู้ว่านับชอบเมา”
“ก็เมาที่บ้าน”
“เมาที่บ้านมันไม่สนุก…”
“รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง…มีให้เห็นในข่าวอยู่ทุกวัน เรื่องเมาแล้วขับ…คิดบ้างไหมว่าถ้านับเป็นอะไรขึ้นมา…อื้อ!” ฉันไม่รอให้พี่หมอกพูดจนจบ จู่โจมเข้าไปจูบเขาอย่างแนบแน่นเพราะไม่อยากให้เขาบ่นเรื่องฉันเมาแล้วขับ
“อยากจัง…” ฉันช้อนสายตามองเขา เอ่ยบอกความต้องการด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหลังจากที่ถอนจูบออกมา
“ว่าไงนะ?”
“นับบอกว่าอยาก…”
“อยากอะไร?” พี่หมอกยิ้ม ที่จริงเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าฉันอยากอะไร
“อยากให้พี่หมอก…เลีย…”
“แค่นั้นเหรอ?”
“…ดูด…”
“แค่นั้นเอง?”
“…เอานับแรงๆ…”
“หึ!”
“อะไร?” พอเขาแสยะยิ้ม ฉันก็ขมวดคิ้วถาม “ยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไง?”
“ก็หมายความว่า…ได้ครับ…เดี๋ยวพี่จัดให้”
“อ๊ะ! อื้อ!” แล้วเขาก็ช้อนตัวฉันขึ้นไปอุ้ม ต่อด้วยการจูบอย่างดูดดื่มแล้วพาฉันเข้าไปที่ห้องนอน…จริงสิ…ฉันเคยได้บอกไหมว่าต่อให้ฉันกับพี่หมอกจะทะเลาะกันให้ตายยังไง แต่เราก็ไม่เคยโกรธจนไม่พูดกันข้ามวันข้ามคืนได้เลยสักครั้ง…
