

5 จะมีแฟนตอนเรียนจบ
วันนี้บัวบงกชดีใจที่จะได้กลับบ้านเพราะนอกจากจะได้กลับไปเล่าเรื่องการใช้ชีวิตในหอพักให้กับธัญวดีและเธียรธวัชฟังแล้ว ชายหนุ่มยังบอกกับเธอว่าเขาจะพาเธอไปทำบุญให้กับยายพิกุล
“สวัสดีค่ะคุณเธียร” บัวบงกชดีใจมากที่คนมารับเธอวันนี้เป็นเธียรธวัชหญิงสาว
“อือ เอาของมาครบแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แล้วพี่ธัญญ่าล่ะคะคุณเธียร” บัวบงกชถามเมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วเพราะวันที่มาส่งธัญวดีบอกกับเธอว่าจะเป็นคนมารับเธอที่นี่
“ถ้ารอให้ธัญญ่ามารับเธอเธอคงอยู่หอเป็นคนสุดท้ายแน่ๆ เย็นวันศุกร์แบบนี้รถค่อนข้างจะติดมาก กว่าธัญญ่าจะออกมาจากมหาวิทยาลัยขับรถมารับเธอที่นี่ก็คงมืดค่ำกันพอดี อดใจอีกนิดเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว”
“ค่ะคุณเธียร”
“ฉันซื้อขนมมาให้ด้วยนะ อยู่เบาะหลังเธอกินรองท้องไปก่อนกว่าจะถึงบ้านก็คงเกือบจะหนึ่งทุ่มนั่น แหละปกติแล้วเธออยู่ที่หอกินข้าวเร็วไม่ใช่เหรอ”
“ปกติบัวจะกินข้าวประมาณห้าโมงครึ่งเพราะต้องรีบเข้าหอก่อนหกโมงเย็นค่ะ ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวหยิบถุงขนมที่วางอยู่บนเบาะหลังมาแกะมาเปิดดูแล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าด้านในเป็นขนมปังร้านที่เธอเคยบอกว่าอร่อย
“คุณเธียรกินด้วยกันไหมคะ”
“ไม่ล่ะฉันยังไม่หิว”
“แต่คุณเธียรบอกว่าอีกนานกว่าจะถึงบ้านนะคะ”
“ปกติแล้วฉันกินข้าวดึก่นะ เธอกินไปเถอะ แล้วเป็นยังไงบ้างอยู่หอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ตั้งแต่มาอยู่หอบัวบงกชก็โทรศัพท์ไปหาเขาแค่ครั้งเดียวตอนที่ขออนุญาตออกไปเที่ยว
“ช่วงแรกๆ ก็มีนอนไม่หลับบ้างค่ะ แต่ผ่านไปหลายๆ วันก็เริ่มชิน”
“เพื่อนๆ ล่ะเขาดีกับเธอไหม”
“ดีค่ะ ตอนนี้บัวมีเพื่อนสนิทอยู่สามคนเวลาเราไปไหนเราก็จะไปด้วยกันเป็นกลุ่มสี่คนค่ะ”
“นอกจากไปเที่ยวห้างวันเสาร์ที่แล้วเธอได้ออกไปไหนอีกหรือเปล่า”
“ไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะเพราะวันอาทิตย์เพื่อนๆ อยากจะนอนพักปและทำการบ้านให้เสร็จค่ะ แต่เสาร์หน้าคุณครูบอกว่าจะพาพวกเราไปทำบุญค่ะ”
“นอกจากเพื่อนสี่คนในกลุ่มแล้วเธอได้รู้จักเพื่อนคนอื่นอีกบ้างไหมล่ะ”
“ก็มีเพื่อนที่เรียนในห้องเรียนด้วยกันค่ะ แต่ก็ยังไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่เพราะพวกเขาก็มีเพื่อนสนิทกันอยู่บ้างแล้ว”
“ในห้องเธอมีกันกี่คนนะ”
“ในห้องเรียนมีการทั้งหมดสามสิบคนค่ะมีผู้หญิงยี่สิบอีกสิบ คนเป็นผู้ชายค่ะ”
“แล้วมีเพื่อนผู้ชายเข้ามาคุยด้วยบ้างหรือเปล่า เธออย่าหาว่าฉันเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของเธอเลยนะ แต่ที่ฉันต้องถามเพราะฉันเป็นผู้ปกครองของเธอ”
“ก็มีคุยกันบ้างค่ะแต่ก็เป็นแค่เพื่อนกันคุณเธียรไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ บัวเคยสัญญากับยายไว้ว่าจะไม่มีแฟนจนกว่าจะเรียนจบค่ะ”
“ที่บอกจะเรียนจบให้เรียนจบชั้นไหนเหรอมัธยมหรือมหาวิทยาลัย”
“ก็ต้องมหาวิทยาลัยสิคะ เรียนจบชั้นมัธยมบัวก็เพิ่งอายุสิบเก้าเองใครจะมีแฟนตอนอายุแค่นั้นกันล่ะ”
“ขอให้จำคำพูดตัวเองไว้นะว่าเรียนจบแล้วค่อยมีแฟนเธอมาจากต่างจังหวัดฉันก็กลัวว่าจะถูกพวกผู้ชายในเมืองหรอกเอา”
“คุณเธียรคิดมากไปแล้วค่ะ ที่เรียนอยู่ในห้องด้วยกันก็มีแต่เด็กๆ ด้วยกันทั้งนั้น”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะเด็กสมัยนี้แก่แดดจะตาย”
เธียรธวัชเตือนหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงเพราะเขารับปากกับคุณยายพิกุลไว้แล้วว่าจะดูแลบัวบงกชอย่างดีจนกว่าเธอจะเรียนจบระดับปริญญาตรีหรือถ้าหากเธออยากต่อปริญญาโทหรือไปเรียนต่างประเทศเขาก็ยินดีจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพราะบุญคุณที่ยายพิกุลเลี้ยงเขามานั้นมันเทียบไม่ได้กับเงินทองเลยสักนิด
“คุณเธียรคะพรุ่งนี้คุณเธียรจะพาบัวไปทำบุญจริงๆ ใช่ไหมคะ”
“อือ ฉันจะพาเธอกลับไปทำบุญให้ยายพิกุลที่นครสวรรค์”
“จริงเหรอคะ บัวนึกว่าจะทำบุญวัดใกล้ๆ บ้าน” บัวบงกชไม่คิดว่าคนที่มีงายยุ่งอย่างเขาจะเสียเวลาพาเธอไปทำบุญไกลถึงบ้านเกิด
“ฉันว่าเธอคงอยากไปทำบุญให้คุณยายเธอที่นั่นนะ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณเธียร ยายคงดีใจที่บังกลับไปทำบุญที่วัดนั้น”
“ฉันให้เลขาจัดการประสานงานกับผู้ใหญ่บ้านแล้วพรุ่งนี้เราจะออกจากกรุงเทพกันตั้งแต่เช้าให้ไปทันเลี้ยงเพลพระที่วัดน่ะ”
“บัวจะรีบตื่นแต่เช้าเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างรอยยิ้มของเธอมันทำให้เธียรธวัชรู้สึกใจสั่นเล็กน้อย เขาพยายามไม่หันไปมองและตั้งใจขับรถแต่เสียงเจื้อยแจ้วที่ดังมาไม่ขาดสายก็ทำให้เขาอดใจไม่ได้ต้องไปหันต้องหันไปคุยกับเธอตลอดทาง
รถติดในเย็นวันศุกร์ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไปถ้าหากเขามีใครสักคนคอยนั่งคุยอยู่ข้างข้าง แต่เธียรธวัชก็ต้องดึงสติของตัวเองกลับมาเพราะเด็กที่นั่งอยู่ข้างq เขาเป็นคนดีเป็นเด็กในปกครองอีกทั้งเธอยังอายุเพียงแค่สิบหกปีเท่านั้น มันคงไม่ดีแน่ถ้าเขาจะคิดอะไรเกินเลยกับเด็กอายุแค่นี้และถ้ายายพิกุลมองลงมาจากบนฟ้าคงผิดหวังในตัวเขามากๆ ชายหนุ่มเลยเลิกสนใจเด็กสาวและหันมาตั้งใจขับรถ
“คุณเธียรคะคนกรุงเทพฯเขางานยุ่งกันมากๆ เลยเหรอคะ”
“ก็ประมาณหนึ่ง เธอถามทำไม”
“ก็พ่อแม่ของเพื่อนบางคนเขาไม่มารับเพื่อนกลับจากหอเลยค่ะ เขาทำเรื่องให้เพื่อนของบัวอยู่หอจนปิดเทอม”
“บางคนเขาอาจมีเรื่องจำเป็นจริงๆ ก็ได้ แต่ก็ยังดีที่เขาให้ลูกไปเรียนโรงเรียนประจำเพราะถ้าเกิดว่าปล่อยให้อยู่บ้านหรือไปอยู่หอที่มีอิสระเด็กก็คงจะไร้ระเบียบวินัยและอาจจะเตลิดจนเรียนไม่จบก็ได้ แล้วมีหลายคนไหมที่พ่อแม่ไม่มารับกลับบ้าน”
“น่าจะหลายคนอยู่ค่ะ ใยไหมเพื่อนในกลุ่มของบัวก็พ่อแม่เขามารับตอนปิดเทอมทีเดียว ส่วนอีกคนหนึ่งชื่อโอปอพ่อกับแม่ก็มารับเดือนละครั้ง โอปอบอกว่าพ่อแม่ของต้องบินไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ ถ้ากลับไปอยู่ที่บ้านก็ไม่มีคนดูแล”
“เพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกันเหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่ก็มีผักบุ้งอีกคนหนึ่งที่ได้กลับบ้านตามกำหนดเหมือนกับบัวค่ะ”
“พี่ถามฉันแบบนี้เพราะกลัวเพื่อนจะเหงาใช่ไหมล่ะ”
“ใช่ค่ะ เพื่อนคงเหงามากเธอ”
“ลืมคิดอะไรไปหรือเปล่าบัว เพื่อนเขาไม่ได้อยู่ที่หอคนเดียวนะการได้อยู่กับเพื่อนบางทีมันก็ไม่เหงาเท่ากับการกลับมาอยู่ที่บ้านแต่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้หรอก ฉันเคยสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นมาก่อนมันหดหู่มากๆ เวลาที่เราต้องการจะคุยหรือปรึกษากับใครสักคนแต่หันมาแล้วไม่เจอใคร แต่ก็นับว่าฉันยังโชคดีมากที่มียายของเธอคอยเลี้ยงฉันอบรมสั่งสอนฉัน”
“คุณเธียรพูดถึงยายแบบนี้ทำให้บัวคิดถึงยายมากๆ” เสียงของหญิงสาวสั่นเครือและมันทำให้เธียรธวัชรู้สึกผิดมากที่ไปสะกิดแผลในใจของหญิงสาวขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้เธอเสียใจ”
“ที่บัวร้องไห้บัวไม่ได้เสียใจหรอกค่ะ แต่บัวภูมิใจต่างหากที่ยายของบัวเป็นคนดี บัวยังคิดถึงยายตลอดแต่บัวรู้ว่ายายจะคอยดูความสำเร็จของบัวค่ะ บัวจะต้องเข้มแข็งและเรียนจบทำงานดีๆ เลี้ยงตัวเองให้ได้”
“ฉันเชื่อนะว่าเด็กดีอย่างเธอจะทำได้อย่างที่พูด” เขาหันมายิ้มอย่างให้กำลังใจและบัวบงกชก็รู้สึกว่ารอยยิ้มของเขามันทำให้หัวใจเธอเต้นแรงถ้ามีเธียรธวัชอยู่ข้างๆ เธอก็ไม่ต้องกลัวอะไร เด็กสาวเห็นเขาเป็นตัวแทนของยายและเป็นทุกอย่างของเธอ
