ก็ไม่ได้คิดอะไร

89.0K · จบแล้ว
Tiwa
63
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

รักไม่ถูกคน ก็เลยกลายเป็นคนไม่ถูกรัก “นี่มึงกล้าตบกูเหรอ” สิ้นเสียงกล้วยหอมฟาดฝ่ามือลงที่ใบหน้าอาอี้อีกรอบ ทว่ารอบนี้อาอี้หลบทัน “ใช่ค่ะ ก็คุณตบหนูจะให้หนูกราบคุณงั้นเหรอ” “ใช่ เธอต้องกราบ กราบเท้าขอโทษเมียของเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้” เสียงทรงพลังดังมาจากด้านหลังของกล้วยหอม อาอี้มองเห็นร่างสูงใหญ่กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ด้านหลังของเฮียหินมีเพื่อน ๆ ของเขาตามมาสบทบ “แต่เขาตบอี้ก่อน” “ก็เธอไปอ่อยไอ้กานต์ กล้วยหอมตบเธอไม่ถูกตรงไหน” “ผิดตรงที่อี้ไม่ได้อ่อยเฮียกานต์” “ใครจะเชื่อเด็กแก่แดดอย่างเธอ เทียบกับเมียของเพื่อนฉันคนอย่างเธอมันน่าเชื่อนักหรือไง ขอโทษกล้วยหอมเดี๋ยวนี้!” “อี้ไม่ผิด ทำไมอี้ต้องยอม” “เพราะเธอเป็นลูกหนี้ฉัน ที่นี่บ้านฉัน เธออยู่ในฐานะคนใช้ ฉันสั่งอะไรเธอต้องทำ!” ศิวดลกดเสียงต่ำ ถ้อยคำที่เขาพูดทำเอาคนฟังเจ็บแปลบที่หัวใจ สายตาที่เขามองเธอบ่งบอกว่าเธอมันไร้ค่า เธอมันต่ำต้อย ใช่เธอต่ำต้อย พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ แต่เรื่องนี้เธอไม่ได้ผิด ทำไมเธอต้องยอมด้วย

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันพลิกชีวิตรักหวานๆดราม่าคนรับใช้โรงแรม/มหาลัยโรแมนติกนักศึกษา

ก็ไม่ได้คิดอะไร 01

“เขาไม่ชอบหน้าฉันแล้วทำไมถึงต้องเรียกให้ไปเจอหน้าด้วย” อาอี้บ่นกับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่คอยดูแลเธอในช่วงนี้ เธอไม่ได้รู้จักชื่อผู้ชายคนนี้ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เธอไม่สิทธิ์รับรู้ถ้าเขาคนนั้นไม่อนุญาต อาอี้มีหน้าที่ฟังและทำตาม

“เป็นเรื่องของเฮีย ฉันจะรู้ได้ไง”

“เคยรู้อะไรบ้าง” อาอี้ชักสีหน้าใส่ไปหนึ่งที อยากทำมากกว่านี้แต่ก็ไม่กล้าหรอก บ้านป่าเมืองเถื่อนไม่อยากเจ็บตัว โลกไม่เคยใจดี ไม่เคยยุติธรรมกับเธอสักครั้ง ล่าสุดสิ่งที่เจอทำให้เธออยากหายไปจากโลกใบนี้ให้มันจบ ๆ แต่ได้ยินมาว่าฆ่าตัวตายมันบาปหนาแล้วเธอก็ใจไม่กล้าพอที่จะทำ ก็สู้มาจนถึงอายุขนาดนี้ให้ฆ่าตัวตายมันคงง่ายเกินไป เธอยังไม่เคยได้ลิ้มรสความสุขจะให้ตายแล้วเหรอ เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหนึ่งชีวิตนี้จะมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม อย่างน้อยเกิดมาหนึ่งลมหายใจขอมีความสุขสักครั้งเถอะจะได้ไม่เสียดายที่ได้เกิดมา

“เธอควรรู้สถานะตัวเองนะ” ผู้ชายข้างกายที่ทำหน้าที่สารถีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

เหอะ เธอจำขึ้นใจไม่คิดจะลืมว่าเธอเป็นอะไรสำหรับเขาคนนั้น เคยเห็นแต่ในนิยายไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับตัวเอง เรื่องจริงไม่เห็นเหมือนนิยายเลยสักนิด แค่โครงเรื่องก็โคตรจะต่าง

“เกลียดหน้าฉันยิ่งกว่าอะไรดี ไม่เหม็นหน้าฉันหรือถึงอยากเจอนัก ไหนว่าไม่ชอบ ไม่ชอบก็ต้องอยู่ให้ห่างไม่ใช่เหรอ”

“เฮียเขาไม่พิศวาสเด็กแก่แดดแบบเธอสักนิด ที่เขาเรียกไปเขาก็ต้องมีเรื่องคุยด้วย เธอควรเจียมตัว ทำตัวนอบน้อมไว้บ้าง สงบปากสงบคำหน่อยเฮียเขาจะได้เมตตา”

“…” เมตตางั้นเหรอ จะเป็นไปได้เหรอ อาอี้รู้ดีว่าเขาไม่ชอบเธอ เธอเองก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน เขาเป็นคนที่อยู่ใกล้แล้วรู้สึกอึดอัดเธอรู้สึกแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เห็นหน้าเขากับเห็นหน้าพี่นิกความรู้สึกสุดแสนจะตรงกันข้าม คนหนึ่งเฟรนด์ลี่ อีกคนทำตัวสมชื่อเล่นมาก ๆ แล้วพูดออกมาแต่ละคำไม่เคยน่าฟัง ใบหน้าก็นิ่งขรึมตลอดเวลา คล้ายแบกโลกไว้ทั้งใบ เดาไม่ได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่

บ้านศิวดล

ก้าวขาลงจากรถ เดินตามผู้ชายคนเดิมเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ เกิดมาสิบแปดปีก็เพิ่งเคยเห็นบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ด้วยตาตัวเองก็วันนี้ สำหรับอาอี้มันใหญ่แบบใหญ่มาก ปกติอาอี้อยู่ห้องพัก พื้นที่สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ชาตินี้ทั้งชาติไม่มีปัญญาได้มีอะไรแบบนี้แน่ เด็กเก็บเงินกู้ลูกน้องของเฮียหินหยุดเดินที่หน้าประตูห้องหนึ่ง เขายกมือเคาะประตูเสียงดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เออ” เสียงดังมาจากด้านในห้อง น้ำเสียงที่อาอี้เกลียดชัง เด็กวัยรุ่นจับลูกบิดเปิดประตูเข้ามา อาอี้เดินตามเงียบ ๆ พร้อมใบหน้าราบเรียบ เธอเดินตามเด็กวัยรุ่นทุกฝีก้าว เขาหยุดเธอก็หยุด อาอี้ไม่กล้าสบตากับผู้ชายที่เรียกเธอมาพบ ก็เธอทั้งเกลียดทั้งกลัวไม่รู้ควรทำตัวยังไง เขามันคนใจร้าย ใจร้ายใจดำ

“เฮียให้ออฟอยู่ด้วยไหมครับ” ลูกน้องเอ่ยถามเพราะเดาใจเฮียไม่ถูกเหมือนกัน

“อยู่ดิ เกิดเด็กแก่แดดนี่ปล้ำกูขึ้นมาจะทำไง” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตามองเด็กผู้หญิงด้วยอารมณ์หงุดหงิด สมเพชเวทนา หลากความรู้สึกที่กำลังวิ่งวน

“…” อาอี้ยืนจิกมือตัวเองเนื่องจากเธอไม่มีสิทธิ์ต่อว่าเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะเถียงจนสุดเสียง ไม่มีทางยอมให้เขาว่าเธอฝ่ายเดียว ทว่าเดี๋ยวนี้เธอทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว

“หึ ไม่เอาปากมาด้วยเหรอ หรือเสียใจที่เห็นคนมีความสุข จนจุกในอกพูดอะไรไม่ออก” เห็นหน้าเด็กคนนี้ทีไรทำเขาอารมณ์เสียทุกที

“เฮียมีเรื่องอะไรพูดมาได้เลยค่ะ” อาอี้พูดอย่างไม่เต็มใจนัก เขาให้เธอเรียกเขาว่าเฮียเหมือนกับลูกน้องคนอื่นเรียกเขา ซึ่งเธอก็ต้องเรียกตามที่เขาสั่ง

“เธอมีที่เรียนหรือยัง”

“อี้ติดคณะนิเทศที่มหาลัยยูบี” แต่คงไม่ได้เรียนเพราะขัดสนเรื่องเงินและก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรเองอีกต่อไปแล้ว

“เรียนการแสดงเพิ่ม?”

“นิเทศไม่ได้มีแค่การแสดงนะคะ เฮียเรียกอี้มาเพื่อจิกกัดอี้เท่านี้ใช่ไหมคะ” เธอรู้ว่าเขาเกลียดเธอมาก เพราะเขารู้ความจริงทั้งหมดที่เธอทำกับพี่นิกไปแล้ว ที่เคยมองเธอไม่ดีทุกวันนี้เธอยิ่งน่ารังเกียจในสายตาเขา

“ฉันแค่ถามไม่ได้กัด แล้วยังไง เธอมีเงินเรียน?”

“...” ถึงมีแล้วเขาจะยอมให้เธอไปหรือไง และถ้ามีจริง ๆ เอามาให้เขามันไม่ดีกว่าเหรอ รีบ ๆ หาใช้เขาให้หมดเธอจะได้เป็นอิสระ

“ต่อไปนี้งานบ้านทั้งหมดของบ้านหลังนี้ฉันยกให้เธอจัดการ งานบ้านงานสวนกับข้าว ดูแลทำความสะอาดให้ดี เป็นแม่บ้านใช้หนี้ที่พ่อเธอเอาเธอมาแลกกับเงินสามล้าน อ่อ คิดบัญชีลูกหนี้ให้ฉันทุกวัน ไม่ว่าจะรายวันหรือรายเดือน แค่นี้ทำได้ไหม”

“ได้ค่ะ”

“เงินเดือนเธอเดือนละหมื่นห้า หักหนี้พ่อเธอเดือนละห้าพัน เหลือหนึ่งหมื่น ถ้าเธออยากเรียนต่อ อยากมีอนาคตค่าใช้จ่ายเบื้องต้นของเธอฉันออกให้ก่อน นี่สัญญากู้” ปลายนิ้วชี้ดันกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะมาด้านหน้าของอาอี้

“...” อาอี้มองกระดาษแผ่นนั้น เนื้อความเจ้าหนี้ลูกหนี้ จำนวนเงินกู้สองแสน ผ่อนชำระเดือนละสามพัน

“รีบ ๆ ตัดสินใจ ฉันไม่ได้มีเวลาให้เด็กแก่แดดอย่างเธอนานนัก”

อาอี้ช้อนตามองผู้ชายที่เธอไม่ชอบหน้า เขานั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ใส่เสื้อเชิ้ตเปิดอกเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยข่วนบริเวณลำคอจนถึงไหปลาร้า เขาคงเป็นพวกรสนิยมรุนแรงถึงได้มีรอยแผลแบบนี้ เส้นผมถูกเซ็ตเป็นระเบียบ ดวงตาคู่คมกำลังจ้องมองมาที่เธอ ยังมีคำถามที่เธอสงสัยจึงเลือกจะถามให้กระจ่าง “ทำไมถึงยื่นข้อเสนอนี้คะ แล้วทำไมตอนแรกเฮียไม่ยึดบ้านพ่อให้มันจบ ๆ เฮียเกลียดอี้แล้วทำไมต้องให้อี้อยู่บ้านหลังนี้ ช่วยบอกเหตุผลให้อี้รู้ทีค่ะ”