ตอนที่ 1 ไม่เคยลืม
แดนเหนือ
ฟางผิงอัน เป็นสตรีแปลกประหลาดไม่เหมือนผู้ใด
นางมีคู่หมั้นเป็นถึงแม่ทัพแดนเหนือ ที่จะแต่งงานกับนางในไม่ช้านี้ จู่ ๆ มีสตรีนางหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นคนรักของเขา นัดแนะขอพูดคุยกับนางที่สะพานข้ามแม่น้ำในเมืองเหนือ
“คุณหนูจะไปหรือเจ้าคะ เห็นอยู่ว่าไม่ควรจะไป”
สาวใช้ผู้นี้จึงได้เอ่ยทักท้วงเจ้านายแกมตั้งคำถาม คิ้วสวยขมวดมุ่นเข้าหากัน มองเจ้านายสาวพิงกายอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว
ด้วยสีหน้าเรียบเฉย มือเรียววางจดหมายนั่นก่อนจะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“นางกล้าบอกว่าเป็นคนรักของแม่ทัพหยาง ข้าก็อยากจะเห็นสักคราว่านางสวยงดงามเพียงใด” ผิงอันเผยอปากขึ้นน้อย ๆ แววตางดงามซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ มีใครบ้างเล่าที่ไม่รู้ว่านางเป็นคนเช่นไร
บุตรีคหบดีคนนี้เป็นคนเอาแต่ใจยิ่ง อยากได้สิ่งใดย่อมได้ หาไม่แล้วนางจะได้กลายเป็นคู่หมั้นของท่านแม่ทัพได้อย่างไร หากบิดาของนางไม่มอบเงินทองมากมายเข้าท้องพระคลังที่ว่างเปล่า
ตัวนางเองดั้นด้นจากเมืองหลวง เดินทางมาแดนเหนือเพื่อมาพบหน้าคู่หมั้นของนาง เขาประจำการอยู่ที่แดนเหนือแห่งนี้ ดินแดนอันหนาวเหน็บและห่างไกลยิ่งนัก ด้วยหัวใจที่มีรักอยู่จนเปี่ยมล้น
ผิงอันเดินทางมากับสาวใช้และผู้คุ้มกันอีกจำนวนหนึ่งเท่านั้น กิจการทางเหนือก็มีเพียงแค่ร้านเหลาอาหารขึ้นชื่อ กิจการเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะมีเพียงหอสุราเท่านั้นที่ทำรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ นางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แววตามิได้ซ่อนเร้นอันใดอีกแล้ว ชักชวนสาวใช้ข้างกายไปด้วยกัน
หนึ่งนายหนึ่งบ่าวออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดแนะ ครู่ใหญ่รถม้าก็มาถึงยังสถานที่นัดหมาย เป็นภาพหนึ่งหญิงชายยืนกอดกันอยู่กลางสะพานแม่น้ำสายหลัก มองด้วยความอิจฉาริษยาจงเกลียดจงชังอย่างถึงที่สุด ลมโมโหหึงหวงทำให้คนงามขาดสติยั้งคิด
ผิงอันกำมือนั่นเต็มไปด้วยเหงื่อที่เปียกชื้น ขบกรามขึ้นจนเป็นสันนูน น้ำเสียงเกรี้ยวกราดได้เอ่ยตวาดออกไปดังลั่น เร่งฝีเท้าก้าวอาด ๆ ไปอย่างรวดเร็ว
“หน้าด้านนัก กล้าดีอย่างไรมายืนกอดคู่หมั้นของข้าเช่นนี้” ผิงอันพุ่งเข้าไปดึงร่างของหญิงสาวในอ้อมกอดของชายคนที่นางรัก ออกมาผลักสตรีหน้าด้านคนนี้ออกให้ห่างจากเขาไปเล็กน้อย
ไป๋อวี้ชิงส่งแววตานั่นแฝงด้วยความเย้ยหยันและรังเกียจอย่างชัดเจนขึ้นเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนท่าทีเป็นหวาดกลัวตัวสั่นเทิ้ม น้ำเสียงนั่นมีแต่ความสั่นเครือ“อย่าทำร้ายข้าคุณหนูฟาง คุณหนูฟางได้โปรดเจ้าค่ะ” น้ำเสียงและท่าทีลนลานหวาดผวานั่น ทำให้ฟางผิงอันเกรี้ยวกราดขึ้นมากโข
“หยุดนะ เจ้าจะทำอะไรนางไม่เห็นรึว่านางกลัวเจ้า” หยางเฟยเทียนแสร้งกระแทกน้ำเสียงแข็งกระด้างใส่คู่หมั้น เขาปวดใจทุกคราที่ทำเช่นนี้ รู้ว่าอย่างไรนางต้องโกรธ แต่เขากำลังทำเพื่อปกป้องนางอันเป็นที่รักของเขา
“ข้าจะมาที่ได้ยังไง หากนางไม่ให้คนไปแจ้งว่ามีเรื่องพูดคุยกับข้า พี่เฟยเทียนท่านมองไม่ออกรึ นางจิ้งจอกนี้มากเล่ห์เพทุบาย ท่านจะโง่งมไปถึงเมื่อไหร่กัน” น้ำเสียงของนางทำให้ผู้คนเดินไปมาเพื่อข้ามสะพานไม่แห่งนี้หยุดดูการโต้เถียงกันระหว่างชายหญิง
ใบหน้าของผิงอันแดงก่ำเต็มไปด้วยโทสะที่คุกกรุ่น เมื่อเห็นชายคนที่นางรักออกโรงปกป้องสตรีนางนี้เข้าให้ ก้อนเนื้อน้อย ๆ ของนางบีบอัดแน่นช่างทรมานแทบขาดใจ ราวกับมีเข็มทิ่มแทงเสียดสีอยู่ในอก
“คุณหนูเจ้าคะ คนมองใหญ่แล้วเจ้าค่ะเรากลับกันเถิด” สาวใช้จับแขนของนายสาวกระตุกเบา ๆ ชักชวนให้นางกลับ เกรงว่าผู้คนจะนำเรื่องนี้ไปพูดให้เจ้านายเสียหาย
ผิงอันโกรธจนควันออกหู สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของสาวใช้ ปรี่เข้าไปผลักไป๋อวี้ชิงที่ยืนหลบหลังของท่านแม่ทัพอยู่นั่น ริมขอบสะพานพอดี เมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามาได้จังหวะ นางถอยหลังเพียงแค่นิดเดียว แสร้งจับมืออีกฝ่ายท่าทางหวาดกลัวราวกับเห็นภูตผี สุดท้ายจึงได้พลัดตกน้ำไปในที่สุด
“ว้าย ท่านแม่ทัพ” ไป๋อวี้ชิงกรีดร้องเรียกคนรัก ทว่าไม่ทันเอื้อมมือช่วยนางได้ทัน ร่างบอบบางไร้เรี่ยวแรงก็ร่วงลงไปในแม่น้ำเสียแล้ว คนทำผิดยืนสีหน้ามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง
ผิงอันเข่าอ่อนทรุดลงนั่งที่พื้นอย่างหมดสภาพ ใบหน้างดงามขาวซีดราวกับกระดาษ มือไม้สั่นเทาเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ความหมองหม่นเข้ามาปกคลุมดวงตาทั้งสองข้าง จนเกิดม่านน้ำตาใส ๆ ไหลลงมาอาบที่แก้มนวล
“ข้าไม่ได้ผลักนางนะ นางตกลงไปเอง” คนทำผิดพูดเสียงสั่นเครือ กอดเรียวขาของตัวเองเอาไว้ ด้วยความตื่นตกใจ นางไม่คิดว่าไป๋อวี้ชิงจะกล้าลงมือโยนความผิดให้นางเช่นนี้ อาถงเข้ามาประคองเจ้านายของตนเองลุกขึ้น
ท่านแม่ทัพมิได้เหลียวมองคนตัวเล็ก ที่นางเอ่ยปากพูดจาอธิบายความจริง เขารีบกระโดดลงไปในน้ำเย็นจัด ช่วยเหลือหญิงคนรักเอาไว้ได้ทัน
เขาช้อนร่างบอบบางแน่นิ่งอุ้มแนบแผงอกแกร่งของตนเอง พาคนตกน้ำขึ้นมาบนฝั่งด้วยความเร่งรีบและเป็นห่วง สายตาเชิงตำหนิต่อว่าส่งไปยังฟางผิงอัน
“สตรีเช่นเจ้าช่างใจร้ายใจดำนัก! เกิดมาข้าก็เคยเพิ่งเคยพบเจอ เจ้าเป็นคนแรก!” เขาเค้นเสียงลอดไรฟันด้วยความโมโหเป็นที่สุด เอ่ยก่นด่านางไปเสียหลายคำ
ผิงอันเงยหน้ามองพี่ชายเมื่อครั้งนั้นด้วยหัวใจที่ปวดร้าวระบม ยามถ้อยคำที่เขาพูดต่อว่านางนั้นราวกับคมมีดกรีดลึกลงมากลางใจ
หยางเฟยเทียนรู้สึกว่าตนเองต่อว่านางด้วยความปากไว คิดจะเอ่ยกล่าวขอโทษแต่ก็ไม่กล้า
‘โตขึ้นข้าจะแต่งงานกับเจ้า’ คำพูดนี้เขาเคยพูดกับนางเอาไว้เมื่อตอนนางห้าหนาว นางยังจำได้ขึ้นใจ พี่ชายที่แสนดีคนนั้นหายไปไหนเสียแล้ว เหตุใดเขาจึงจำน้องสาวเช่นนางไม่ได้กัน อีกอย่างเขายังให้ป้ายหยกแทนตัวเอาไว้อีกด้วย
มันเป็นเพียงแค่ลมปากอย่างนั้นหรือ
“พี่เฟยเทียน ข้าไม่ทำอะไรนางนะ” น้ำเสียงของคนกระทำผิดเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนและร้อนใจ นางรีบลุกขึ้นเอ่ยกล่าวชี้แจ้งเรื่องจริง “เป็นนางต่างหากที่ตกลงไปเอง” ผิงอันยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
คนในอ้อมกอดยังคงปิดเปลือกตาอยู่ใบหน้างามขาวซีดราวไร้สีเลือด แต่ทว่ามุมปากของนางเหยียดยิ้มอย่างสาแก่ใจ นางกำลังเสแสร้งเป็นสตรีอ่อนโยนและอ่อนหวานให้ท่านแม่ทัพเห็นใจและรักนางให้มาก
ให้เขาจงเกลียดจงชัง ฟางผิงอันให้มากที่สุดหวังว่าจะได้ยกเลิกการหมั้นหมายและแต่งงานกับนางเสีย เพราะนางต้องการเพียงตำแหน่งฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพเท่านั้น
หาใช่ฮูหยินรองที่เป็นเบี้ยล่างฟางผิงอันไม่!
“เจ้าพูดจาอันใดกัน ชิงชิงของข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! เจ้ามันชอบโป้ปดไม่เลิก ถอยไป! ข้าจะพานางกลับจวน” หยางเฟยเทียนสวมบทคนรักของสตรีผู้นี้ สิ่งแรกคือต้องทำให้นางเชื่อใจ ดังนั้นเขาจึงตะคอกคู่หมั้นของตนเองอย่างเสียงดัง
ผิงอันสะดุ้งตกใจจนถอยหลังหนี มือเรียวของนางกำแน่นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว นางตกตะลึงจนตาค้าง มองแผ่นหลังของชายคนรัก เมื่อเขากำลังเร่งพาสตรีในอ้อมกอดรีบไปส่งจวนของนาง ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ต่างยกมือขึ้นป้องปากกระซิบกระซาบกันเสียยกใหญ่ ชี้นิ้วใส่นางอีกมากมาย
เอ่ยพูดจาดูหมิ่นนางก็มากมี
ผิงอันหน้าชาไปหมด นางทำอันใดผิดกันเขาจึงเป็นเช่นนี้ ดวงตาของนางมีน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ริมฝีปากบางนั้นดูแดงระเรื่อไร้การแต่งแต้มชาดสี
“คุณหนูเรากลับกันเถิดเจ้าค่ะ” อาถงสาวใช้ข้างกายพูดกับเจ้านายสาวที่ยืนเหม่อลอยมิยอมก้าวไปไหน
“ท่านแม่ทัพก็ไปแล้ว เหตุใดท่านยังจะอยู่ตรงนี้อีกเจ้าคะ” อาถงไม่เข้าใจเจ้านายของนาง
ผิงอันยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทิ้งไปอย่างไม่ไยดี จากนั้นนางเงยหน้าหัวเราะราวกับคนสติฟั่นเฟือน คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็เร่งฝีเท้าหนี คิดว่านางนั้นคงจะเป็นบ้าไปแล้ว
“ข้าเข้าใจแล้ว นางจิ้งจอกนี่ไม่ธรรมดา คอยดูเถิดไม่ว่าอย่างไรพี่เฟยเทียนจะต้องเป็นของข้า หากนางต้องการจะเป็นภรรยา ข้าจะให้นางได้สมหวัง แต่อย่าหวังเลยว่าจะมีตำแหน่งเป็นภรรยารอง นางก็เป็นได้แค่อนุอุ่นเตียงเท่านั้น”
ผิงอันยิ้มเยาะเอ่ยพูดกับอาถงสาวใช้ สายตาของนางดูจะมาดร้ายไม่เบา แววตานั้นก็ยากจะคาดเดา ว่าจะเป็นอย่างที่นางพูดหรือไม่
“เป็นข้าเองที่โง่ มองไม่เห็นว่านางตั้งใจวางหมากเอาไว้ให้ข้าเข้ามา ต่อแต่นี้ข้าจะไม่ทำตามแผนของนางที่วางเอาไว้ คอยดูเถิด นางจิ้งจอกนี่สักวันจะถูกเปิดโปง”
นางยิ้มเยาะเย้ยให้กับความโง่เขลาเบาปัญญาของตนเองยิ่งนัก เป็นฝ่ายหลงกลให้อีกฝ่ายใช้แผนบุรุษช่วยสาวงาม และตัวของนางก็กลายเป็นนางปีศาจร้ายกาจในสายตาของเขา
“ชิงชิง เจ้าอย่าเป็นอะไรไปนะ” แม่ทัพหยางพาคนรักขึ้นรถม้าเตรียมกลับจวน สภาพของเขากับนางไม่ได้ต่างกันคือเปียกชื้นไปด้วยกันทั้งคู่ คนตัวโตร้อนใจเอ่ยเรียกสาวงามในอ้อมกอดอย่างห่วงใย
ยังดีในรถม้ามีเตาที่จุดเอาไว้เพิ่มความอบอุ่นให้คนทั้งคู่ อวี้ชิงค่อย ๆ ขยับเปลือกตาของตนเองขึ้นอย่างเสแสร้ง โผเข้าสวมกอดชายคนรักด้วยความหวาดกลัว ดวงตางามของนางมีม่านน้ำตาปกคลุมอยู่ เฟยเทียนเห็นเช่นนี้แล้วอดสงสารนางไม่ได้ เขาโอบกอดปลอบขวัญนางเสียยกใหญ่
“ชิงชิงไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพอย่าห่วงข้าเลย ท่านกลับไปหาคู่หมั้นท่านเถิดเจ้าค่ะ ชิงชิงกลัวนัก ไม่รู้ว่านางจะทำร้ายข้าแบบนี้อีกหรือไม่ ข้ากลัว กลัวเหลือเกิน” คนตัวเล็กซบเข้าที่แผงอกของคนรัก เนื้อตัวของนางหนาวสั่นสะท้านด้วยเพราะยังคงหนาวเย็นจับใจ
นางทุ่มสุดตัวเพื่อคว้าเขาเอาไว้ ตำแหน่งฮูหยินเอกไม่ได้ไกลเกินเอื้อมเพียงแค่เขาถอนหมั้นกับสตรีนางนั้น หากนางต้องการอันใดมีหรือจะไม่ได้ แววตายิ้มเยาะนั่นพร้อมกับมุมปากกดยิ้มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ข้าจะปกป้องเจ้าชิงชิง เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา”