14 คุณคือใครเจ้านายหรือเลขา
เสียงออดที่หน้าประตูทำให้มนิษาแปลกใจเพราะถ้าเป็นราฟาเอลเขาก็คงจะกดรหัสเข้ามาเองได้ ยังไม่ทันที่จะดูว่าใครมากดออดประตูก็ถูกเปิดออกมาก่อนแล้ว
“คุณ” หญิงสาวจำได้ว่าเขาคือเจ้านายของคนรัก
“คุณเป็นใครแล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วคุณราฟาเอลไปไหน” เจโรมถามด้วยความแปลกใจ
“ฉันเป็นคนรักของคุณราฟ คุณคงเป็นเจ้านายของเขาใช่ไหมคะ ฉันเคยเห็นคุณบนเรือ”
“บนเรือ เจ้านาย”
“ใช่ค่ะ ก็วันที่คุณไปตามเขามาทำงานไงคะ ฉันบังเอิญได้ยินคุณคุยกับเขา ขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาทไปหน่อย”
“เขาบอกแบบนั้นเหรอครับ”
“ไม่ต้องให้บอกหรอกค่ะ คุณดุเขาขนาดนั้นฉันก็ดูออก ยังมีอีกเรื่องที่ต้องขอโทษคุณแทนเขา”
“เรื่องอะไรครับ” เจโรมถาม เขากำลังจับต้นชนปลายว่าตอนนี้ราฟาเอลกำลังเล่นอะไรอยู่
“ก็เรื่องที่เขาให้ฉันมาอยู่ที่คอนโดของคุณ”
“คอนโดของผม อ่อ ใช่ ผมลืมไปเลยว่านี่เป็นคอนโดของผม”
“ว่าแต่คุณมาหาเขา มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ เขาออกไปข้างนอกอีกสักพักก็คงจะกลับ”
“ผมก็แค่แวะมาเองครับ ไม่มีอะไร ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน ว่าแต่ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร”
“ฉันชื่อมนิษาค่ะ คุณจะเรียกมะนาวเหมือนที่คุณราฟเรียกก็ได้ค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อเจโรม หวังว่าเราคงได้พบกันอีก เรื่องคอนโดคุณอยู่ได้ตามสบายเลยผมไม่คิดจะมาอยู่ที่นี่อยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะ ถึงคุณจะเป็นเจ้านายหน้าดุไปหน่อยแต่ก็ใจดีมากเลยทีเดียวค่ะ”
“ผมถือว่านั่นเป็นคำชมนะครับ ขอตัวก่อน”
เจโรมออกจากห้องไปได้ไม่นานมนิษาจึงเห็นว่าเขาลืมซองเอกสารไว้หญิงสาวรีบคว้ากระเป๋าถือและโทรศัพท์ของตนเองแล้วหยิบซองสีน้ำตาลขึ้นมาคิดว่าตามเอาไปให้เขา
พอลงมาจากลิฟต์ก็เห็นว่าตอนนี้เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เธอไม่ได้จะตั้งใจจะแอบฟังเลยแต่บริเวณนั้นมันเงียบและชายหนุ่มก็คุยด้วยเสียงค่อนข้างดัง
“คุณราฟ จะโกหกเธอทำไมว่าผมเป็นเจ้านาย”
“..”
“ครับผมยังไม่บอกเธอ”
“..”
“อะไรนะเธอเป็นลูกคุณโชติ แล้วคุณจะทำยังไงต่อ ตกลงจะแต่งงานกับเธอใช่ไหม”
“..”
“แล้วทำไม่บอกความจริงเธอไป จะได้รีบแต่งงานให้เรียบร้อย”
“..”
“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว งั้นเรื่องโรงแรมคุณโชติก็ตกลงตามที่เขาเสนอเพราะคุณก็ชอบลูกสาวเขาไปแล้วนี่”
“..”
“ได้ผมจะไม่บอกเธอ ถ้าเจอครั้งหน้าผมก็ยังต้องแสดงเป็นเจ้านายใช่ไหม คุณนี่มันจอมวางแผนจริง ๆ”
มนิษาไม่รู้ว่าคนปลายสายจะพูดอะไรบ้างแต่เท่าที่ฟังก็พอจับใจความได้แล้วว่า คุณเจโรมคนนี้ไม่ได้เป็นเจ้านายของราฟาเอลแต่เขาเป็นเลขา เรื่องนี้เธอต้องโทษความผิดของตัวเองที่ทึกทักเอาแค่สิ่งที่ตัวเองเห็น
แต่เรื่องโรงแรมของพ่อเธอและเรื่องแต่งงานนั้นมันเป็นเรื่องที่เขาเองรู้มาตลอดว่าคนที่เธอต้องแต่งงานด้วยก็คือตัวเอง ทุกอย่างที่เขาทำคงวางแผนเอาไว้แล้วทั้งหมด คนที่เธอเชื่อใจ คนที่เธอไว้และยอมฝากทุกอย่างในชีวิต กลับมาหักหลังกันแบบนี้
มันยากที่เธอจะกลับไปมองหน้าเขาได้ หญิงสาวกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง วางแฟ้มเมื่อครู่ไว้ที่เดิมเธอต้องรีบไปจากที่นี่ก่อนที่ราฟาเอลจะกลับมา
มนิษาอยากร้องไห้ ให้กับความโง่ของตัวเองที่โดดลงในกับดักที่เขาไว้ หลงคิดว่าเขาเป็นคนดีที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ในสายตาของเขาเธอคงเป็นแค่ตัวตลก เขาคงแอบหัวเราะเธอลับหลังอยู่หลายครั้ง กับความโง่ที่เธอมองว่าเขาเป็นเทพบุตร ทั้งที่จริงแล้วเขามันคือปีศาจในคราบเทพบุตรเท่านั้น
หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้ง จากนั้นลงมาเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่คอนโดของเอริญา
ตอนนี้มนิษาไม่รู้ไปทำยังไงกับชีวิต ถ้ากลับบ้านคงหนีไม่พ้นการแต่งงาน ถ้าอยู่ที่นี่ก็กลัวว่าเขาจะมาตาม
ขณะกำลังคิดไม่ตกพี่สาวของเธอก็โทรศัพท์เข้ามาหาและบอกกับเธอว่าเรื่องแต่งงานเธอจะเป็นคนแต่งเอง
“ทำไมพี่หวานเปลี่ยนใจล่ะคะ”
“พี่เจอตัวจริงเขาแล้ว เขาดูดีกว่าที่คิด อีกอย่างเธอก็บอกเองนี้ว่ามีแฟนแล้ว”
“แล้วแฟนพี่หวานล่ะคะ”
“แฟนพี่หรือจะสู้คุณราฟาเอลได้ อย่าถามอะไรให้มากเลยพี่โทรมาบอกแค่นี้แหละ เรื่องงานที่โรงแรมก็ไม่ต้องกลับมาทำแล้วนะพี่จะเข้าไปช่วยงานว่าที่สามีพี่เอง แค่นี้นะ ถ้าแต่งวันไหนพี่จะโทรบอกอีกที”
พี่สาวของเธอวางสายไปแล้ว ถ้าเป็นเมื่อวานเธอคงดีใจที่ไม่ต้องแต่งงานแต่ในวันนี้ความรู้สึกมันไม่ได้ใกล้เคียงกับคำนั้นเลย เพราะคนที่พี่สาวกำลังจะแต่งงานคือคนเดียวกับคนที่เธอรักคือคนเดียวกับคนที่สัญญากับเธอว่าจะรักเธอและมีเธอคนเดียว
ความรู้สึกโดดเดี่ยว ผิดหวังเสียใจมันผสมกันแยกไม่ออกว่าตอนนี้เธอกำลังรู้สึกแบบไหนกันแน่
ตอนนี้มนิษาต้องมองไปข้างหน้า เพราะถ้าไม่ต้องกลับไปทำงานที่โรงแรมของบิดาก็เท่ากับว่าจากนี้เธอจะต้องรีบหางานให้เร็วที่สุดเพราะเงินเก็บเหลือไม่มากแล้ว
เธอรีบเปิดโน้ตบุ๊กเช็กอีเมลว่ามีที่ไหนติต่อกลับมาบ้าง จำนวนตัวเลขแจ้งเตือนในอีเมลทำให้เธอยิ้มได้
มีโรงแรมที่เรียกเธอไปสัมภาษณ์อยู่สองแห่ง วันสัมภาษณ์คือสัปดาห์หน้า และรีสอร์ตที่สมุยนัดสัมภาษณ์ผ่านทางโปรแกรมซูมซึ่งเขาให้เธอแจ้งกลับทางอีเมลว่าสะดวกเวลาไหนโดยแนบตารางเวลามาด้วย มนิษาเห็นว่าตารางเวลาถูกจองไว้เกือบเต็มแล้ว เหลืออีกสองเวลาคือในอีก 30 นาทีข้างหน้ากับวันพรุ่งนี้
เธอไม่ลังเลเลยที่จะเลือกเวลาที่เร็วที่สุดแม้ว่าจะยังไม่ได้เตรียมพร้อมแต่ก็อยากรีบทำทุกอย่างให้เสร็จ ถ้าทางนั้นรับเข้าทำงานเธอก็พร้อมที่จะเดินทางไปทันที
มนิษารีบแต่งตัวและจัดมุมสัมภาษณ์ให้ตัวเองดูดีที่สุดเธอตื่นเต้นไม่น้อยกับการสัมภาษณ์งานครั้งแรก แม้อาจารย์จะสอนมาแล้วและเธอเองก็ฝึกซ้อมมาหลายครั้ง แต่ก็ยังบังคับมือตัวเองไม่ให้มันสั่นด้วยความยากลำบาก
พอถึงเวลาก็นั่งตัวตรงหน้าคอมพิวเตอร์ คำถามก็เป็นคำถามทั่วไปกับคำถามที่ให้สถานการ์มาแล้วให้เราคิดวิธีจัดการกับแขกที่เข้ามาพัก คำถามสุดท้ายถามว่าถ้าได้งาน เธอพร้อมจะบินไปที่สมุยเมื่อไหร่
ก่อนตอบคำถามมนิษามองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่มีของใช้ส่วนตัวงอยู่ในนั้น พร้อมกับคิดว่าวันนี้มีเที่ยวบินไปสมุยกี่โมงบวกเวลาเดินทางจากคอนโดไปสนามบินอีกหนึ่งชั่วโมงเธอก็ตอบไปอย่างมั่นใจ
“ถ้ามีตั๋วก็บินไฟล์ทหกโมงเย็นได้เลยค่ะ”
“แล้วเราจะติดต่อกลับไปนะคะ อย่าลืมเปิดโทรศัพท์ไว้รอด้วยนะคะ”
ตัดการเชื่อมต่อไปแล้วมนิษาก็เก็บกวาดห้อง เธอต้องออกจากที่นี่ก่อนที่ราฟาเอลจะเลิกงาน
หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางลงมาจากคอนโด โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เธอค้นหาห้องพักรายวันที่ใกล้ที่สุด เนื่องจากจำนวนเงินในกระเป๋าไม่เอื้อต่อการไปนอนโรงแรม ถ้าจะเช่าห้องอยู่เป็นรายเดือนก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ทำงานที่ไหน
ยังค้นหาห้องพักรายวันไม่เจอก็มีสายเรียกเข้า เบอร์โทรไม่ได้บันทึกไว้ และรหัสตัวหน้ายังเหมือนกับรหัสทางไกลของจังหวัดทางภาคใต้
“สวัสดีค่ะ”
“คุณมนิษาใช่ไหมคะ”
“ค่ะ ฉันมนิษาค่ะ”
“ที่เราสัมภาษณ์ไปเมื่อครู่ คุณมาได้ตามเวลาใช่ไหมคะ”
“ฉันขอเช็กตั๋วเครื่องบินก่อนได้ไหมคะ”
“ทางเราเช็กแล้วมันมีตั๋วว่างอยู่ ถ้าคุณตัดสินใจจะมาทำงานที่นี่ก็ติดต่อหน้าเคาน์เตอร์สายการบินได้เลย”
“หมายถึงคุณรับฉันเข้าทำงานเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ยินดีด้วยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ ฉันไปรับตัวได้เลยใช่ไหมคะ”
“ค่ะ ฉันจะจองให้ตามชื่อในบัตรประชาชนที่คุณให้ไว้นะคะ”
“ขอบคุณนะคะ”
“เดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าถึงสนามบินแล้วรถของรีสอร์ตจะไปรับคุณเองค่ะ”
มนิษาเชื่อแล้วว่าฟ้าหลังฝนมีจริง เธอจะไปทำงานในรีสอร์ตบนเกาะสมุย ซึ่งมีทั้งที่พักและอาหารให้เธอครบสามมื้อ แถมยังได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ การไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นคงทำให้เธอลืมเรื่องเลวร้ายและใครบางคนได้อยากไม่ยากเท่าไหร่