3
“ดูอย่างพ่อกับแม่ของรันสิคะ มีเงินมากมายยังเป็นทุกข์ อันนี้รันคิดว่าจริงค่ะ”
“แต่คนรวยก็สุขไปอย่าง เพราะมีเงินเยอะๆ อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะซื้ออะไรก็ซื้อ อยากจะกินอะไรก็กิน”
“กินแบบพี่กันดีออกค่ะ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ กินดีอยู่ดีเกินไป โรคภัยถามหาค่ะ อาหารเดี๋ยวนี้เป็นอาหารสำเร็จรูป กินง่ายโรคก็เกิดง่ายด้วยค่ะ”
“พี่อยากจะทำอาหารให้รันกินทุกวันเลย” มันเป็นความฝันของผู้ชายคนหนึ่งที่อยากทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่รัก แค่ตื่นมาเห็นหน้าเธอ เข้านอนพร้อมกัน ทำอาหารอร่อยๆ ให้เธอกิน หัวเราะด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน เป็นกำลังใจให้แก่กัน อยู่เป็นเพื่อนกันยามแก่ชรา
“รันทำอาหารไม่เป็นเลยค่ะ น่าอายจังเลย” เธออยู่กรุงเทพฯ มีคนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่เคยต้องหยิบจับอะไรเองเลย แตกต่างจากกันภัย
เธอเห็นเขาหยิบจับอะไรคล่องแคล่วไปหมด อยากทำอะไรเป็นแบบเขาบ้างจัง
“ทำไม่เป็นก็ไม่เป็นไรหรอก มีพี่อยู่ทั้งคน พี่ทำให้กินเองครับ พี่แค่กลัวรันจะเบื่อกับข้าวฝีมือพี่เสียก่อนน่ะสิ”
“ไม่เบื่อหรอกค่ะ อร่อยกว่าโรงแรมห้าดาวเสียอีก” เธอยกนิ้วโป้งให้เขา บอกว่าอร่อยจริงๆ เขายิ้มกว้างให้เธอ
“ยอกันเกินไปแล้ว”
“พี่กันทำอาหารเก่งแบบนี้น่าจะเปิดร้านใหญ่ๆ ไปเลยนะคะ”
“พี่ขอเก็บเงินอีกนิด เพราะพี่ก็อยากมีร้านเป็นของตัวเองเหมือนกัน” การมีร้านอาหารเป็นของตัวเองนั่นคือความฝันของเขา มันคืออาชีพที่รัก คือชีวิต คือสิ่งที่เขาทำแล้วมีความสุข
“เอาเงินรันก่อนไหมคะ รันขอคุณพ่อคุณแม่ให้”
“อย่าเลยครับ พี่อยากสร้างเนื้อสร้างตัวเอง ไม่อยากรบกวนรัน” เขาไม่อยากได้ชื่อว่าเกาะชายกระโปรงผู้หญิง ความฝันของเขาต้องมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเอง มันคือความภูมิใจและพิสูจน์ตัวเองให้บิดามารดาของเธอได้เห็น
“แต่มันช้านะคะ”
“ช้าแต่เป็นน้ำพักน้ำแรงของพี่เองนะครับ รันไปขอเงินคุณพ่อคุณแม่มาให้พี่ พวกท่านจะยิ่งไม่ยอมรับในตัวพี่” นั่นคือสิ่งที่เขากังวล แค่เธออยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้กัน แค่นี้มันก็ดีที่สุดแล้ว
“รันจะบอกพวกท่านว่าขอมาใช้เอง คุณพ่อกับคุณแม่ไม่รู้หรอกค่ะ” เธอยังไม่ละความพยายาม
“ไม่เอาหรอกครับ พี่อยากหาเงินด้วยตัวเอง แค่รันเป็นกำลังใจให้พี่แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้วครับ อย่ารบกวนถึงเงินทองคุณพ่อคุณแม่รันเลยครับ”
“รันให้ยืมนะคะ ไม่ได้ให้ฟรีๆ พี่กันคิดมากจัง”
“เอาไว้ถ้าพี่ไม่มีจริงๆ แล้วจะยืมรันนะครับ” กันภัยพูดถนอมน้ำใจแฟนสาว เมื่อเห็นเธอหน้างอ แต่จริงๆ แล้วเขาไม่คิดจะเอาเงินเธอเลย
รันนรินทร์มีสีหน้าดีขึ้น เธอคิดว่าความสามารถอย่างกันภัย ถ้ามีคนช่วยสนับสนุนรับรองว่าชีวิตต้องเจริญก้าวหน้ามากๆ แน่ อยากให้บิดามารดาของเธอเห็นแบบนี้และช่วยสนับสนุนว่าที่ลูกเขยในอนาคต แล้วพวกท่านจะไม่เสียใจแน่นอน
“รันทำให้พี่กันอึดอัดเหรอคะ” เธอลอบสังเกตสีหน้าแววตาของเขา
“เปล่าครับ”
“รันรู้นะคะว่าพี่กันคิดมาก แต่รันไม่ได้คิดว่าพี่กันจะมาเกาะรันกินเสียหน่อย พี่กันเก่งออกอย่างนี้ ถ้าค้าขายร่ำรวยขึ้นมา คุณพ่อกับคุณแม่ต้องยอมรับพี่กันแน่ๆ เลยค่ะ”
“พี่เข้าใจความหวังดีของรันนะ แต่...”
“พี่กันไม่ต้องพูดแล้วค่ะ รันเข้าใจ แต่พี่กันจำเอาไว้นะคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น รันจะอยู่เคียงข้างพี่กันตลอดไป” เธอจับมือของเขามากุมเอาไว้ ยิ้มให้เขาด้วยความรักสุดหัวใจ
“พี่โชคดีที่เจอรัน ไม่เคยคิดว่าดอกฟ้าจะโน้มลงมาหาหมาวัดอย่างพี่”
“ดูเปรียบเทียบเข้าสิคะ โบร๊าณโบราณ” เธอหัวเราะคิกๆ กับประโยคช่างเปรียบเปรยของเขา
“วันนี้พี่คิดเมนูเด็ดได้เมนูหนึ่งน่ะครับ รันจะชิมไหม”
“เมนูอะไรคะ”
“ยังไม่ได้คิดชื่อเลยครับ หิวหรือยัง พี่จะทำให้กิน”
“กินสิคะ” รันนรินทร์นั่งมองพ่อครัวคนเก่งเข้าครัว เมนูของเขาวันนี้เป็นปลาสามชนิดนำมาทอดกรอบ ราดด้วยน้ำยำ น้ำยำของเขาใส่ผักและผลไม้ รสชาติแซ่บจัดจ้านกินกับข้าวผัดลำไย เธอเคยกินข้าวผัดลิ้นจี่ แต่ไม่เคยกินข้าวผัดลำไยเลย
ลำไยหน้าบ้านของเขาดกเชียว ปกติเธอจะเห็นเขาปลูกลำไยกันที่ภาคเหนือหรือจังหวัดที่อากาศหนาวๆ ที่นี่เป็นทางภาคใต้แถมยังติดทะเลด้วย แต่กันภัยปลูกแล้วลูกดกเหลือเกิน
เธอเคยถาม เขาบอกว่าเอาปุ๋ยที่ใส่ต้นไผ่มาโรยรอบต้น มันเลยมีลูก ได้เคล็ดลับมาจากลุงคนหนึ่ง คิดอยู่ว่า ถ้าคนอื่นใส่มันจะมีลูกดกเหมือนกันไหมหนอ
กลิ่นอาหารหอมกรุ่นที่ลอยมาเตะจมูกทำให้เธอละสายตาจากต้นลำไยหน้าบ้านในทันที อาหารง่ายๆ แต่ทรงคุณค่า แถมวัตถุดิบก็ปลอดสารพิษ น้ำหนักเธอขึ้นเพราะกินอาหารฝีมือของกันภัย
อาหารที่กันภัยทำ อร่อยกว่าแม่ครัวที่บ้านเธอทำเสียอีก ใครกินจะต้องติดใจ นั่นเป็นประโยคที่เธอมักพูดกับเขาหลังจากชิมอาหารแปลกๆ ฝีมือของเขาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
สิ่งที่รันนรินทร์เห็นจนชินตาเมื่อแอบมาหากันภัยคือเขากำลังปลูกโน่นปลูกนี่อยู่บริเวณบ้าน ส่วนใหญ่เป็นพืชผักสวนครัว นอกจากนำไปประกอบอาหารขายแล้ว เขายังแบ่งขายให้พ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้ออีกด้วย กันภัยหัวใส เขาฉลาดที่จะไม่ไปทุ่มเวลากับการเก็บพืชผักไปขายที่ตลาดให้แม่ค้ามารับซื้อที่บ้าน เหมือนพวกตะไคร้ก็ให้มาตัดเอง เหมาไปเลยว่าขายกิโลกรัมละเท่าไหร่ เธอเคยเห็นแม่ค้าที่มาตัดตะไคร้แล้วเหนื่อยแทน อากาศก็ร้อน ไหนจะถูกใบตะไคร้บาดและยังคันด้วย ตัดแล้วต้องมานั่งตกแต่งให้สวยงาม มัดให้ครบกำ กำละหนึ่งร้อยต้นเพื่อส่งขาย กันภัยเลยประหยัดเวลา เขาปลูกและดูแลรักษาอย่างเดียว ซึ่งการปลูกตะไคร้นั้น หลุมหนึ่งใช้แค่ 2 ต้น ผ่านไปสักระยะก็ได้กอใหญ่ให้ตัดขายได้กำไรเอาการเชียว
กันภัยบอกว่าการปลูกพืชผักทำให้ได้ออกกำลังกาย ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้กินผักปลอดสารพิษ มีรายได้และประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
เธอคิดว่าปลูกอะไรก็ปลูกได้ขอแค่ให้มีตลาด เท่านั้นก็สบายแล้วละ เพราะถ้าปลูกจำนวนมาก แต่ไม่มีตลาดไว้ส่งขายก็กินไม่ทันเหมือนกัน
“เหนื่อยไหมจ๊ะพี่กัน” เธอเอ่ยถามก่อนจะยื่นน้ำเย็นๆ ให้เขา
“ไม่เหนื่อยจ้ะ สนุกดี ได้ออกกำลังกาย” กันภัยจะเปิดร้านตั้งแต่เช้าจนเย็นในวันจันทร์ถึงศุกร์ แต่วันเสาร์-อาทิตย์ เขาจะปิดร้านมาทำงานบ้านและทำการเกษตร
วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ผู้คนไปทำงานและนักเรียนก็ไปโรงเรียน จึงทำให้เขาเปิดร้านขายอาหารในช่วงเวลานั้นและขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อาจเพราะเขาทำอร่อย ขายไม่แพง วัตถุดิบก็ปลอดสารพิษ จึงเป็นจุดขายให้กับคนที่รักสุขภาพและคนที่เร่งรีบไม่มีเวลาทำอาหารรับประทานเอง แต่วันเสาร์กับวันอาทิตย์คนส่วนใหญ่อยู่บ้าน ทำอาหารกินเอง เนื่องจากประหยัดและอาจจะขี้เกียจออกไปนอกบ้าน กันภัยจึงใช้ช่วงเวลานั้นมาทำงานที่บ้านบ้าง ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวงแต่เป็นต่างจังหวัด ความเร่งรีบก็น้อยกว่าด้วย อะไรที่ประหยัดได้ ทุกคนอยากจะประหยัดให้มากที่สุด
“ให้รันช่วยไหมจ๊ะ”
“ไม่ต้องหรอก รันไปนั่งใต้ร่มไม้ดีกว่า พี่ไม่อยากให้รันเหนื่อย” เขาบอกเธอด้วยรอยยิ้ม
“แต่รันอยากช่วยจริงๆ นะคะ นะ... พี่กันนะ” เธอออดอ้อน อยากช่วยเขาทำโน่นทำนี่บ้าง มันดูสนุกและได้ออกกำลัง ดีกว่านั่งๆ นอนๆ ไปวันๆ
“เอาสิ แต่...” เขาเดินไปหยิบหมวกมาครอบศีรษะให้เธอ เพราะกลัวเธอร้อน กันภัยมองคนตรงหน้าอย่างเอ็นดู ก่อนจะโยกศีรษะของเธอไปมาอย่างแสนรัก เธอยิ้มหวานขอบคุณในความใส่ใจของเขาที่มีให้เธอเสมอมา
รันนรินทร์นึกสนุกแค่อยากจะช่วยเขาขึ้นมาเท่านั้น อยู่บ้านเธอเองก็ไม่เคยหยิบจับหรือทำอะไรแบบนี้หรอก เงยหน้ามองคนที่เป็นห่วงเป็นใยเอาหมวกมาครอบให้เธอแล้วอมยิ้ม มีความสุขเสมอที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขา