[ตอน] แม่นางน้อยแห่งหลินหลาง
[ตอน]
แม่นางน้อยแห่งหลินหลาง
เวลาต่อมาองค์ชายใหญ่แห่งเป่ยหมิง ก็ได้ถูกควบคุมตัวกลับไปยังวังหลวงโทษฐานลอบเข้าแคว้นหลินหลาง ทำตนเป็นสายลับ โดยที่คนของท่านอ๋องเก้ายังมิทันได้ลงมือล่า ก็ได้ตัวสายลับคนสำคัญมาเสียแล้ว
เดิมที่บุรุษหนุ่มได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้ติดตามสายลับข้ามแดน เพราะสายสืบที่แฝงตัวอยู่ทั่วแคว้นได้รายงานมา ว่าองค์ชายใหญ่ 'เซียงเฟยเหยา' แห่งเป่ยหมิงได้แฝงตัวเข้ามาในแคว้นหลินหลางด้วยตนเอง และกำลังจะทำการหลบหนีกลับไปทางชายแดนเมืองเฟิ่งเซียง บุรุษหนุ่มจึงรีบนำกำลังตามมาจับกุมตัว
"เหวินห้าวพาคนของเจ้าไปสืบมา ว่าผู้ใดที่ตัดหน้าเปิ่นหวางเช่นนี้" ท่านอ๋องสีหน้ามืดครึ้มลงจนมิมีผู้ใดกล้าสบตา
ในใจบุรุษหนุ่มได้แต่ครุ่นคิดว่าเป็นผู้ใดกันที่ไล่ล่า และสังหารคนขององค์ชายเซียงเฟยเหยาจนหมด ทั้งยังใจดีส่งมอบตัวองค์ชายให้แก่เขา ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าเขาจะมาที่นี่
หลังส่งมอบองค์ชายต่างแคว้นให้ท่านอ๋องผู้มาจากวังหลวงโดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว หญิงสาวเจ้าของหมาป่าทั้งสองก็มุ่งหน้ามายังหัวเมืองเฟิ่งเซียง ซึ่งมี 'แม่ทัพใหญ่ลั่วจินหลง' บัญชาการดูแลหัวเมืองหน้าด่านแห่งนี้ เมื่อเสี่ยวไป๋มาถึงประตูเมือง ทหารที่อยู่บนกำแพงเมืองก็ร้องบอกคนด้านล่างให้เปิดประตูให้นางทันที
หญิงสาวภายใต้อาภรณ์ขาวพิสุทธิ์โพกผ้าปิดหน้าสีดำบังคับอาชาคู่ใจให้หยุดตรงทหารยามหน้าประตู คงมีเพียงนางที่สามารถเข้าเมืองมาอย่างง่ายดาย โดยที่ยังมีผืนผ้าปิดบังใบหน้าอยู่ หากเป็นผู้อื่นคงถูกทหารล้อมกรอบไว้หมดแล้ว
"แม่นางน้อยมาหาท่านแม่ทัพหรือขอรับ" ทหารเล็ก ๆ นายหนึ่งเอ่ยถาม เขามิจำเป็นต้องให้นางเปิดหน้า เพราะเพียงแค่กลิ่นหอมละมุนของผิวกายที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในแคว้น ก็เพียงพอแล้วที่จะยืนยันตัวตนของนางได้
"แม่ทัพลั่วอยู่รึไม่" นางเอ่ยถาม
"คาดว่าท่านแม่ทัพยามนี้น่าจะอยู่ที่จวนขอรับ" นายทหารตอบ นางจึงยื่นขวดกระเบื้องเคลือบเนื้อดีขวดหนึ่งส่งให้เขา นายทหารรับมาถือไว้อย่างนอบน้อมปนสงสัยยิ่งนัก
“แม่นางน้อยสิ่งนี้คือ....”
"เป็นยาบำรุงครรภ์ ภรรยาของเจ้ากำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกอยู่ เจ้าเองก็มาประจำอยู่หน้าประตูเมือง คงมิมีเวลาพานางไปโรงหมอใช่รึไม่ เจ้าให้นางกินยาบำรุงนี้วันละเม็ดเถิด เด็กจะได้แข็งแรง" หญิงสาวคลายข้อสงสัย นายทหารได้ฟังก็ถึงกับน้ำตาคลอหน่วย เขาจำได้ว่าคราวที่แล้วตอนนางมาถึงหน้าประตูเมือง เขากำลังพูดคุยกับเพื่อนทหารอีกนายอย่างตื่นเต้น ว่าภรรยาได้ตั้งครรภ์ลูกคนแรกแล้ว มิคิดเลยว่าเพียงแค่การคุยกันของพวกเขานั้น จะทำให้นางใส่ใจและนำยามาให้เขาในวันนี้
"ขอบคุณแม่นางน้อย ขอบคุณขอรับ!" นายทหารหนุ่มเอ่ยอย่างซาบซึ้ง น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของชายชาตินักรบซึมไหลออกมาเล็กน้อย ทำรุ่นพี่ทหารด้วยกันขบขันออกมาอย่างเอ็นดู
นายทหารของหัวเมืองเฟิ่งเซียงแห่งนี้มิมีผู้ใดมิรู้จัก 'แม่นางน้อยแห่งหลินหลาง' นางเก่งกาจเรื่องยาสมุนไพร และการใช้พิษผสมในอาวุธลับ นางมักจะนำยารักษาบาดแผลมาให้ที่ค่ายทหารอยู่เสมอ ทหารทุกคนในค่ายต่างเข้าใจว่าหญิงสาวเป็นสตรีคนสำคัญของท่านแม่ทัพใหญ่ลั่วจินหลง และหมายใจว่าจะได้เห็นทั้งสองครองคู่กันในภายหน้า
“แม่นางน้อยช่างมีน้ำใจยิ่งนัก”
“นั่นสิ! ท่านแม่ทัพของพวกเรานับว่าวาสนาดียิ่ง ทั้งสู้รบเก่งกาจ รูปโฉมงดงาม แถมยังมีแม่นางน้อยเป็นว่าที่ภรรยาอีก”
หญิงสาวได้ฟังก็ขยับยิ้มอย่างขบขันกับถ้อยคำเยินยอนั้น นางบังคับม้าเข้ามาในจวนแม่ทัพ และปล่อยให้คนพาเสี่ยวไป๋ไปกินน้ำกินหญ้าตรงบริเวณที่ถูกจัดไว้ให้โดยเจ้าของจวน
ภายในห้องหนังสือบุรุษหนุ่มรูปงามติดอันดับหนึ่งในห้าของแคว้นหลินหลางนามลั่วจินหลง แม่ทัพใหญ่ประจำหัวเมืองเฟิ่งเซียง กำลังนั่งอ่านม้วนรายงานทางการทหาร ที่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"ท่านพี่! งานยุ่งหรือเจ้าคะ" เสียงหวานกังวานของหญิงสาวเรียกสายตาของแม่ทัพหนุ่มให้มาหยุดอยู่ที่นาง
"หลิงเอ๋อร์! จะมาทำไมไม่บอกพี่ นี่เจ้ามาคนเดียวรึ เหตุใดมิให้เจี้ยนหาวมาด้วย" ลั่วจินหลงรีบลุกมาหานาง สายตากวาดมองไปทั่วดวงหน้าสวยของผู้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือด
"คนของน้องรออยู่นอกเมือง ที่มาเพราะจะหารือเรื่องสายลับเป่ยหมิงเท่านั้น" นางมิอ้อมค้อม รีบเปิดประเด็นที่เดินทางมาหาผู้เป็นพี่ชายทันที
หญิงสาวเล่าให้ผู้เป็นพี่ชายฟังถึงเรื่องที่นางได้เบาะแสสายลับเป่ยหมิงมา และยังรู้ด้วยว่าเป็นองค์ชายใหญ่เซียงเฟยเหยาที่ลอบเข้าแคว้นมาด้วยตนเอง พวกเขาได้วางกำลังส่วนหนึ่งไว้ทั่วหลินหลาง และกำลังจะลอบกลับแคว้นเป่ยหมิง โดยใช้ด่านเมืองเฟิ่งเซียงเป็นทางผ่าน หากนางปล่อยให้องค์ชายใหญ่ผ่านด่านไปได้ ผู้ที่จะถูกลงโทษสถานหนักคงมิพ้นแม่ทัพใหญ่เช่นลั่วจินหลง นางจึงยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้
"เจ้าเลยส่งองค์ชายเซียงเฟยเหยาให้ท่านอ๋องเก้ารึ ประมาทไปรึไม่" ลั่วจินหลงน้ำเสียงเข้มขึ้นคล้ายกำลังดุนาง
น้องสาวของเขาทำการอุกอาจไล่ล่าตัวองค์ชายต่างแคว้นก็ถือเป็นเรื่องมิสมควร เพราะนางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพ หรือสังกัดองครักษ์หน่วยไหนทั้งสิ้น นางด่วนตัดสินใจส่งคนให้ท่านอ๋องเก้า ผู้รับหน้าที่มาตามจับสายลับต่างแคว้น ป่านนี้ท่านอ๋องมิสั่งคนพลิกแผ่นดินหาตัวนางแล้วรึ
“เจ้าพาอาหยินอาหยางมาด้วยรึไม่” ลั่วจินหลงเอ่ยถาม ด้วยฉุกคิดขึ้นมาได้
“เอ่อ...พามาเจ้าค่ะ ท่านพี่น้องไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้” นางอ้อมแอ้มตอบ ก่อนส่งรอยยิ้มเจื่อนให้ผู้เป็นพี่ชาย ลั่วจินหลงมองจ้องหน้านางนิ่งคล้ายกำลังดุนางทางสายตา จะตีหรือก็เจ็บมือเสียเปล่า ๆ
“เฮ้อ! พี่จะทำอย่างไรกับความบ้าบิ่นของเจ้าดี” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยอย่างอ่อนใจ
"ท่านพี่...เรื่องนั้นมันกระทันหันเกินไป น้องมิคิดว่าท่านอ๋องอะไรนั่นจะมาที่ชายแดน น้องเพียงจะจับตัวสายลับมาส่งท่านพี่เท่านั้น จริง ๆ นะเจ้าคะ" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด เพราะเกรงว่าพี่ชายจะตกที่นั่งลำบาก จึงนำคนมายับยั้งองค์ชายใหญ่ไว้ แต่ใครจะรู้เล่า ว่าท่านอ๋องจะมาที่ชายแดน คนมิมีความเกี่ยวข้องเช่นนาง มิสามารถอยู่พบท่านอ๋องได้ จึงทำได้เพียงส่งคนให้เท่านั้น
"เอาเถิดอย่าเพิ่งกังวลไป เจ้ารีบกลับเข้าเมืองไปก่อน คอยฟังข่าวจากพี่ บางทีท่านอ๋องอาจจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปก็ได้" ลั่วจินหลงว่า ยกมือขึ้นขยี้เส้นผมนุ่มสลวยของนางอย่างเอ็นดู
"อื้อ! ท่านพี่ดูแลตัวเองนะ ขาดเหลือสิ่งใดส่งคนไปบอกน้อง สักวันฝ่าบาทต้องเรียกตัวท่านพี่กลับไปแน่" นางบอกย้ำ
แม่ทัพลั่วจินหลงเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของนาง เขาถูกส่งตัวมาประจำการยังเมืองเฟิ่งเซียง หลังจากท่านอ๋องเก้าซึ่งเป็นพระอนุชาแท้ ๆ ขององค์ฮ่องเต้รบชนะ และทำการยึดเมืองไว้ได้ครั้งนั้น
เรื่องการโยกย้ายหน้าที่เกิดขึ้นหลังจากฮ่องเต้แห่งแคว้นหลินหลางพระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ลง 'จ้าวเซียงหลง' ซึ่งเป็นองค์ชายรัชทายาทอันดับหนึ่ง ก็สถาปนาตนเองขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ต่อจากพระบิดา
ขณะนั้นบ้านเมืองหาได้สงบสุขเช่นนี้ไม่ เพราะต่างแคว้นจ้องโจมตีช่วงเปลี่ยนกษัตริย์องค์ใหม่ พวกเขาต้องการแย่งชิงดินแดน ซ้ำภายในแคว้นยังมีขุนนางชั่วโฉดอย่าง 'ลี่จวิ้นหยาง' ก่อการกบฏ ท่านอ๋องเก้า 'จ้าวเว่ยหลง' ในฐานะพระอนุชาจึงเข้าปกป้องพระเชษฐาด้วยการออกทำศึก ต้านทั้งศึกในและศึกนอก บุรุษหนุ่มได้นำ 'องครักษ์พยัคฆ์จันทรา' ซึ่งเป็นกองกำลังที่เขาฝึกฝนด้วยตนเองร่วมต้านไปพร้อมทัพหลวง ซึ่งยังได้รับการสนับสนุนจาก 'กองกำลังปักษาอัคคี' ของตระกูลลั่ว และ 'กองกำลังสยบวารี' ของตระกูลเจียง ทำให้สามารถพาแคว้นหลินหลางรอดพ้นจากกบฏ และต่างแคว้นที่เข้ามารุกรานได้ในที่สุด
ความดีความชอบจากเหตุการณ์ใหญ่ครั้งนั้น ท่านอ๋องจ้าวเว่ยหลงได้ถูกแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ 'เจียงจื่อหยา' ผู้นำตระกูลเจียงแห่งกองกำลังสยบวารีได้รับแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีฝ่ายซ้าย และ 'ลั่วเหลียงเว่ย' ผู้นำตระกูลลั่วแห่งกองกำลังปักษาอัคคีได้รับแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีฝ่ายขวา เพื่อช่วยเหลือราชกิจใกล้ชิดองค์ฮ่องเต้
ระยะเวลาเพียงมิถึงครึ่งปีชินอ๋องจ้าวเว่ยหลงยังได้นำทัพหลินหลางเข้าตีเมืองปกครองตนเองโดยรอบแคว้น เพื่อให้เมืองเหล่านั้นกลายเป็นเมืองขึ้นของหลินหลาง และเป็นปราการด่านแรกสำหรับต้านทัพศึก มิว่าศึกใหญ่น้อยท่านอ๋องจ้าวเว่ยหลงล้วนไม่เคยทำให้ฮ่องเต้ผิดหวัง เขาสังหารกบฏและข้าศึกนับหมื่นนับแสน เพียงได้ยินชื่อ 'พยัคฆ์เก้าแห่งหลินหลาง' นำทัพมา ก็ทำให้ศัตรูหายใจลำบากเสียแล้ว
ผ่านไปหลายวันหลังจากเหตุการณ์ส่งสายลับเป่ยหมิงให้กับคนของวังหลวง หญิงสาวและหมาป่าของนางก็ได้เร่งเดินทางกลับเข้าเมือง เพื่อมิให้ตกเป็นที่น่าสงสัยของสายสืบวังหลวงที่แฝงตัวอยู่ทั่วสารทิศในแคว้น
"ผู้เฒ่า! นี่เฒ่าประหลาด ได้ยินเสียงข้าแล้วยังทำเฉยรึ”
เจ้าของร่างอรชรที่เดินเข้ามาในกระท่อมอย่างถือวิสาสะ ทำให้ชายชราผมสีดอกเลาที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ต้มยาสมุนไพรอยู่หน้าเตาส่ายหน้าอย่างระอา
'ลั่วจินหลิง' คือบุตรสาวของเสนาบดีฝ่ายขวาลั่วเหลียงเว่ย และเป็นน้องสาวสุดที่รักของแม่ทัพลั่วจินหลง นางได้พบกับ 'ผู้เฒ่าจี้กวง' ชายชราวัยใกล้ร้อยปีครั้งแรก ตอนที่นางอายุได้ราวสามขวบเศษ ผู้เฒ่าจี้กวงเป็นท่านหมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพรหายาก เขาได้นำยาสมุนไพรมาให้ท่านเสนาบดีลั่ว และเอ่ยบางถ้อยคำที่มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่เข้าใจ พอลั่วจินหลิงอายุครบเจ็ดปี นางจึงให้เจี้ยนหาวผู้ติดตาม ที่อายุมากกว่านางสองปี แอบพามายังเขาชิงซาน ซึ่งเป็นที่อยู่ของผู้เฒ่าจี้กวง นางให้ความเลื่อมใสและมีสิ่งที่ต้องซักถามให้กระจ่างใจมิน้อย
แน่นอนว่าการที่คุณหนูลั่วจินหลิงได้พบกับผู้เฒ่าจี้กวงอาจจะมิใช่เรื่องบังเอิญ โลกกลม หรือชะตาลิขิต เพราะตั้งแต่ลืมตาดูโลกมา หญิงสาวรู้ตัวเองดีว่านางจดจำอดีตชาติของตนเองได้ แม้กระทั่งเกิดใหม่นางก็มิได้ทิ้งความสามารถของตนในอดีตไป เพียงแต่ว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้ นางมิได้เกิดในแผ่นดินช่วงศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด แต่นางย้อนอดีตมาเกิดในแผ่นดินที่ห่างจากที่นางเคยอยู่หลายพันปี
"ลมอะไรหอบเจ้ามาเล่านางหนู" ผู้เฒ่าจี้กวงเดินมาหานาง พลางวางชุดถ้วยชาลงบนโต๊ะ ก่อนจะรินชาอุ่นให้ตนเองดื่ม
"ข้าเบื่อ...ในสามแคว้นจะมีผู้ใดคุยกับข้าได้นอกจากท่าน" ลั่วจินหลิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเต็มประดา นางทำปากยู่มองนั่นมองนี่ไปเรื่อย