ตอนที่ 4 ต้องรวยขนาดนี้เลยหรอ
“เอาล่ะเด็กๆ ไม่ต้องเถียงกันลูก ตอนนี้แม่อยากรู้ว่าน่านจะพามะลิกลับมาบ้านเราวันไหน แม่จะได้ให้เด็กเตรียมทำความสะอาดห้องเอาไว้ให้”
“น่าจะพรุ่งนี้ครับแม่ แต่ผมว่าจะให้มะลิไปอยู่ที่เรือนหลังเล็กของผมนะครับ เป็นส่วนตัวดี เด็กไม่เคยอยู่ร่วมกับเรามาก่อน จะได้ไม่ต้องอึดอัด ไว้วันหนึ่งจะขยับขยายขึ้นตึกค่อยว่ากันอีกที”
เรือนหลังเล็ก คือบ้านไม้สักหลังน้อยๆ ที่อยู่ด้านข้างของบ้านท่ามกลางสวนดอกไม้ ที่เขาขอพ่อสร้างขึ้นเพื่อเอาไว้ไปนอนอ่านหนังสือตั้งแต่เขาเรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย บรรยากาศสวนดอกไม้ เงียบสงบและเย็นสบาย ทำให้เขามีสมาธิ ที่นี่จึงมักจะเป็นที่สิงสถิตของเขาแทบจะตลอดเวลาตั้งเริ่มอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบแพทย์จนเรียนจบเลย และที่แห่งนี้ ก็คือที่ที่มีความทรงจำของเขากับลินดาเกิดขึ้นมากมาย
“จะดีหรอลูก บ้านหลังนั้นมันเป็นบ้านส่วนตัวของน่าน..แล้วก็”
แม่ผู้ละเอียดอ่อน เข้าใจความรู้สึกของลูกดี จึงเอ่ยห้ามเอาไว้ เพราะรู้ดีว่าหมอหนุ่มหวงพื้นที่ส่วนตัวนี้มากขนาดไหน
“ไม่เป็นไรครับแม่ ปิดไว้เฉยๆ ก็ไม่ได้ใช้อะไร ทุกวันนี้ผมแทบไม่ได้เข้าไปอีกเลย ลองดูก่อน ถ้ามะลิอยู่ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกทีครับ”
“เอาตามนั้นก็ได้จ้ะ งั้นแม่จะให้เด็กไปทำความสะอาดรอไว้ตั้งแต่เช้าเลยนะ”
“ขอบคุณมากครับแม่”
ในช่วงบ่ายคล้อย น่านฟ้าก็กลับเข้ามาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง โดยคราวนี้แม่ของเขาฝากอาหารบำรุงร่างกายและผลไม้ที่หั่นและแกะเม็ดเรียบร้อยมาให้เด็กสาวผู้น่าสงสารกล่องใหญ่
“หมอน่าน กลับมาแล้วหรอคะ”
ทันทีที่เขาเปิดประตูเดินเข้าห้องพักผู้ป่วยแบบวีไอพีเข้ามา สาวน้อยที่นั่งเอนหลังดูทีวีอยู่บนเตียงก็หัวขวับมามอง เมื่อเห็นเป็นเขาที่เธอรออย่างใจจดใจจ่อมาทั้งวัน ดวงตากลมโตฉ่ำหวานก็เต็มไปด้วยความสุกใสอย่างยินดีอีกครั้ง
รอยยิ้มหวานๆ ถูกส่งมาที่เขา ทำเอาหมอหนุ่มแทบสะดุดขาตัวเอง ชะงักไปเล็กน้อยกับท่าทีและใบหน้าแสนน่ารักนั้นของเธอ
“อืม รออยู่หรอ”
“ค่ะ หนูรอหมอมาทั้งวันเลย”
ขี้อ้อนเสียจริง ไหนจะรอยยิ้มแสนประจบนั่นอีก เธอมันจะน่ารักเกินไปหน่อยแล้ว
“มีธุระให้จัดการนิดหน่อยน่ะ ฉันบอกพ่อแม่และน้องชายแล้วนะ ว่าจะพาเธอไปอยู่ด้วย ท่านยินดีต้อนรับ เธอไม่ต้องกังวล นี่แม่ก็ฝากอาหารกับผลไม้มาให้ด้วย”
เธอมองอาหารกับผลไม้ที่เขาเอามาจัดเรียงให้บนโต๊ะ แล้วเลื่อนมาให้เธอถึงเตียงนอน ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา ไม่ใช่เพราะอาหารหน้าตาน่ากินตรงหน้า แต่เพราะรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเหลือเกิน ที่ไม่ได้เป็นที่รังเกียจสำหรับเขาและครอบครัว
เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา น้ำตาที่กำลังคลอหน่วยไหลลงมาอาบแก้มใสพอดิบพอดี
“อ้าว แล้วกัน ร้องไห้อีกแล้ว”
มือใหญ่ที่แสนอบอุ่นและนิ้วหัวแม่มือของเขา เกลี่ยไล่หยาดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณมากค่ะ หมอน่าน”
“ไม่ต้องคิดมาก ทานข้าวเถอะ พรุ่งนี้เราจะกลับบ้านกันแต่เช้า”
“ค่ะ”
“ฉันให้แม่จัดที่พักให้เธอแล้วนะ ระหว่างนอนบนตึกกับบ้านไม้หลังเล็กในสวน เธอเลือกอันไหน”
เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเขา เด็กที่เขารับไปอุปการะอย่างเธอ มีสิทธิ์เลือกด้วยหรือ เขาจะให้อยู่ที่ไหน อย่างไร ก็สุดแล้วแต่ความเมตตา ไม่เห็นต้องมาถามความเห็นกันเลย
“ทำไมมองหน้าฉันอย่างนั้นล่ะ เธอมีสิทธิ์เลือกนะ เอาที่เธอสบายใจที่จะอยู่เลย เดี๋ยวฉันจัดการให้”
เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ เด็กที่เขารับไปอุปการะอย่างเธอคงไม่เหมาะที่จะเผยอหน้าขึ้นไปอยู่บนตึกใหญ่กับเขาและครอบครัว เธอว่าการที่เธอแยกไปอยู่เองคนเดียวที่บ้านไม้หลังน้อยในสวน น่าจะดีกว่า ไม่รู้ว่าบ้านของเขาทำสวนอะไร อย่างน้อยๆ เธอยังได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ นอนเฝ้าสวนหรือช่วยดูแลสวนให้กับเขาก็ยังดี อาจจะเป็นสวนผลไม้ที่อยู่ในกล่องตรงหน้าเธอนี่ก็ได้
“หนูนอนที่บ้านไม้ในสวนดีกว่าค่ะ”
“ได้ ไปอยู่บ้านฉันก็ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องเกร็ง มีงานอะไรก็ช่วยแบ่งเบาผู้ใหญ่เขาทำ ไม่ต้องมากมายจนเสียการเรียน เพราะหน้าที่หลักของเธอ คือเรียนให้จบ เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ ขอบคุณมากค่ะหมอ ที่เมตตาหนู”
ประตูรั้วอัลลอยด์ลวดลายสวยงามที่อยู่ตรงหน้า ค่อยๆเลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นคฤหาสน์หลังงามราวกับพระราชวังตั้งเด่นเป็นสง่าภายในพื้นที่กว้างขวางสุดลูกตา
สาวน้อยเบิกตากว้างกับสิ่งสวยงามของสถาปัตยกรรมตรงหน้า ตอนที่เขาเข็นรถเข็นพาเธอมาขึ้นรถยนต์สัญชาติยุโรปคันหรูสีดำมันปลาบของเขา เธอก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจแล้ว พอมาเจอบ้านของเขาที่ใหญ่อย่างกับวัง เธอยิ่งแทบช็อก คนเป็นหมอ ต้องรวยขนาดนี้เชียวหรือ
“บ้านสวยไหม”
หมอหนุ่มอมยิ้มมุมปากเมื่อเห็นตาโตๆ นั่นเบิกกว้างมองบ้านของเขาราวกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็ไม่ปาน
“สวยค่ะ สวยมาก เป็นหมอต้องรวยขนาดนี้เลยหรอคะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่ได้รวยหรอก พ่อแม่ของฉันต่างหากที่รวย ลำพังเงินเดือนหมอ กินเหล้าแต่ละเดือนก็แทบไม่พอแล้ว”
“พูดเป็นเล่นค่ะ หมอดื่มเหล้าเยอะขนาดนั้นเลยหรือคะ ถ้าดื่มขนาดเงินเดือนหมอไม่พอนี่หมอไม่น่าจะพูดกับหนูรู้เรื่องแล้วนะคะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พูดเก่งขึ้นนะเรา”
น่านฟ้าอมยิ้มมุมปาก นึกชอบใจที่เด็กโชคร้ายหน้าตาแสนเศร้าเมื่อสองวันก่อน เริ่มมีชีวิตชีวา กล้าที่จะพูดเล่นกับเขาแล้ว
แต่สาวน้อยรีบยกมือปิดปากตัวเอง เพราะคิดว่าพูดมากไปจนทำให้ผู้มีพระคุณรำคาญเสียแล้ว
“หมอรำคาญหรอคะ หนูขอโทษค่ะ”
“ไม่ได้รำคาญ อยู่บ้านฉัน เธอสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ แค่รู้หน้าที่ว่าควรต้องทำอะไรเมื่อไหร่ก็พอแล้ว”
สาวน้อยมองหน้าของผู้มีบุญคุณเท่าชีวิตด้วยแววตาแสนเทิดทูน ไม่รู้ว่าจะตอบแทนความดีของเขาเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ
“ไม่ต้องมาทำหน้าซึ้ง ถ้าอยากตอบแทนก็ช่วยแม่บ้านทำงานบ้าน เป็นเด็กดี เชื่อฟังผู้ใหญ่ และตั้งใจเรียนก็พอ เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”
“อืม เห็นแบบนี้แล้วอยากนอนบนตึกไหม ห้องนอนสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูไม่เคยอยู่บ้านใหญ่ขนาดนี้ น่าจะนอนไม่หลับมากกว่า แล้วบ้านในสวนอยู่ที่ไหนคะ ต้องไปจากที่นี่ไกลไหมคะ”
“อยู่ข้างบ้านนี่แหละ รั้วเดียวกัน เดี๋ยวขึ้นไปหาพ่อแม่ฉันก่อนแล้วจะพาไป”
“ค่ะหมอ”
หมอหนุ่มพาเด็กสาวในปกครองเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหราสวยงามสมฐานะ คนตัวบางกวาดตามองทุกอย่างในบ้านอย่างตกตะลึง และตกตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมเมื่อในห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่เขาพาเดินเข้ามา บนโซฟาตัวหรูมีชายหญิงวัยกลางคนที่ต้องบอกว่าโคตรหล่อและโคตรสวยดูดีไปทุกกระเบียดนิ้วนั่งอยู่
แต่ก็ยังไม่เท่ากวาดสายตามองไปด้านข้างชายหญิงวัยกลางคนคู่นั้นแล้วเจอกับชายหนุ่มรูปหล่อเรือนร่างใหญ่โต ที่ใบหน้าเหมือนกับหมอน่านฟ้าของเธอราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกันก็ไม่ปาน
“นี่พ่อแม่ของฉัน พ่อปราณต์ กับแม่ณิชา ส่วนนี่น้องชายฝาแฝดของฉัน เหนือเมฆ”
น่านฟ้า กับเหนือเมฆ รูปก็งาม นามก็เพราะ ไม่มีอะไรที่เด็กสาวอย่างเธอจะบรรยายผู้มีพระคุณและครอบครัวได้ดีเท่ากับคำว่าเพอร์เฟค ทั้งหล่อ ทั้งสวย ทั้งร่ำรวย และใจดี
“สวัสดีค่ะ คุณท่าน คุณเหนือเมฆ”
“สวัสดีจ้ะ มะลิ ไม่ต้องเรียกว่าคุณท่านหรอกนะจ๊ะ จะเรียกลุงกับป้า หรือ เรียกพ่อกับแม่เหมือนที่พี่ๆ เขาเรียกก็ได้ลูก”
“ใช่ เรียกว่าพี่เหนือก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียงคงเรียกคุณอะไรหรอกนะ คนบ้านเราไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร ทำตัวตามสบายเลย”
“ค่ะ คุณลุง คุณป้า พี่เหนือ”
“มาอยู่ด้วยกันนะลูก ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว ทิ้งชีวิตเก่าๆ ไปให้หมด ป้ากับลุงจะดูแลหนูเอง มาหาป้ามาลูก”
ณิชาอ้าแขนรับร่างบอบบางที่ขยับตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นเบื้องหน้าแล้วถลาตัวเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของผู้หญิงแสนสวยคนนี้
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา หมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะลูก”
มือเล็กๆ ลูบแผ่นหลังบอบบางของเด็กสาวเพื่อเป็นการเรียกขวัญและปลอบประโลมจิตใจที่อ่อนแอและแตกสลายนั่น ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
“ขอบคุณมากค่ะ หนูไม่รู้จะตอบแทนพระคุณของคุณลุงคุณป้าและคุณหมอยังไงหมด ถ้ามีอะไรที่หนูพอจะตอบแทนได้ ให้คุณป้ารีบบอกเลยนะคะ ต่อให้ลำบากยากเย็นแค่ไหน หนูก็เต็มใจค่ะ”
“ป้าไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนหรอกลูก แค่หนูมีชีวิตต่อไป ตั้งใจเรียน และมีความสุขในทุกวันก็พอแล้ว พ่อกับแม่ของหนูที่มองลงมาจากฟ้า ก็จะได้สบายใจหมดห่วง หนูทำได้ไหม”
“ทำได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ คุณป้า”
“เอาๆ ขึ้นมานั่งดีๆเถอะลูก ลุงยินดีต้อนรับ มีอะไรก็ปรึกษาพูดคุยกับลุงกับป้าได้ทุกเรื่อง ถือเสียว่าลุงกับป้าคือพ่อแม่ของหนูอีกคนนะ”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณลุง”
มะลิขยับตัวขึ้นไปนั่งด้านข้างหมอหนุ่มตามเดิม มือเล็กปาดน้ำตาเพื่อมองใบหน้าของผู้มีพระคุณให้ชัดขึ้นอีกนิด รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ได้มีชีวิตใหม่แบบนี้
“พ่อครับ แม่ครับ ผมว่าจะมอบหมายงานให้มะลิรับผิดชอบ เอาเป็นทำความสะอาดห้องนอนของฉันแล้วกันนะมะลิ วันหยุดหรือปิดเทอมเข้าไปทำทุกเช้าตอนหกโมงเช้า เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ฉันที่หน้าตู้เสื้อผ้า ส่วนวันที่ต้องไปเรียนก็ค่อยกลับมาทำตอนเลิกเรียนก็ได้ ถ้าฉันต้องทำงานดึกๆ ก็ชงกาแฟมาให้ที่ห้อง แค่นี้ก็พอ ส่วนหน้าที่อื่นๆ ก็แล้วแต่แม่จะให้ช่วยเลยครับ ทำได้ไหม มะลิ”
“ทำได้ค่ะ”
“งานอื่นก็ไม่มีอะไรหรอกลูก แม่บ้านเราก็มี เอาไว้ถ้ามะลิว่างๆ ไม่ต้องไปเรียน อยากจะช่วยทำกับข้าว หรือจัดดอกไม้ หรือช่วยแม่ดูแลต้นไม้ก็ได้ แต่ช่วงที่ไปเรียนไม่ต้องทำอะไร แค่ช่วยดูแลหมอน่าน กับตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบก็พอแล้ว”
“ได้ค่ะ”
“ส่วนเรื่องการกินข้าว มะลิมากินพร้อมกับพวกป้าที่บ้านใหญ่ทุกมื้อนะลูก หนูอยู่ที่นี่ในฐานะหลานสาวของลุงกับป้า ที่จริงป้าอยากให้มะลิขึ้นมานอนบนตึกนี่ แต่ก็ไม่รู้ว่ามะลิจะสะดวกแบบไหน หมอน่านเลยจัดการให้จัดเรือนเล็กให้มะลิก่อน เผื่อหนูต้องการอิสระ แต่ถ้าอยู่ไม่ได้ต้องรีบบอก อย่าเกรงใจ ห้องนอนบนตึกเยอะแยะไปหมด มาอยู่ใกล้ๆ กับป้าก็ดีเหมือนกัน”
“ขอบคุณมากค่ะคุณป้า หนูว่าอยู่เรือนหลังเล็กก็ดีเหมือนกันค่ะ หนูยังไม่ชินกับบ้านใหญ่ขนาดนี้เลยค่ะ จะนอนไม่หลับเอาเสียเปล่าๆ นะคะ”
“ฮ่าๆๆ เอาตามที่มะลิสบายใจเลยลูก”
“เรื่องเรียนต้องตั้งใจเรียนหน่อยนะมะลิ เพราะผู้ปกครองของมะลิเป็นเด็กเรียน บ้านที่จะไปอยู่ก็มีแต่หนังสือของเขาปาไปครึ่งบ้านแล้ว แทบไม่มีทางเดินเลยล่ะ”
เหนือเมฆแซวพี่ชายฝาแฝดที่ชอบทำอะไรจริงจังไปทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องผู้หญิง ที่ไม่เคยจริงจังกับใครสักคน ยกเว้นคนที่มีสถานะแค่เพื่อนคนนั้น
“มึงก็พูดไป แต่ก็ต้องตั้งใจเรียนล่ะนะ เพราะฉันจะดูผลการเรียนทุกเทอม โอเคไหม”
“รับทราบค่ะ คุณหมอ”